ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบว่า ถ้าพระอริยะบุคคล ที่เป็นพระอรหันต์ แล้ว จะไม่ถูกสัตว์เบียดเบียน  (อ่าน 3859 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากทราบว่า ถ้าพระอริยะบุคคล ที่เป็นพระอรหันต์ แล้ว จะไม่ถูกสัตว์เบียดเบียน เช่น มดไม่กัด ยุงไม่กัด งูไม่กัด ช้างไม่เหยี่ยบ เป็นต้น ใช่หรือไม่คะ

  เพราะได้คุยในกลุ่ม เพื่อน ๆ แล้ว เพื่อน มีความเห็นว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว จะไม่ถูกสัตว์ เบียดเบียน จริง ใช่หรอืไม่คะ คือ เราได้ไปเจอพระรูปหนึ่ง ที่คิดว่าเป็นพระอริยะ แต่ท่านมักจะโดนยุงกัด มดกัด เป็นต้น คะ

 :smiley_confused1:: :c017:
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

sakol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อาจจะเป็นความเข้าใจผิด ส่วนบุคคล นะครับ

 พระอรหันต์ ถูกวัวไล่ขวิดตาย ( ศัตรูหลัก ) ถูกโจรฆ่าตาย ถูกงูิกิน ถูกเสือกัด
 ถูกอสูรทุบหัว ถูกด่า ( ด่า ประนาม เหยียดหยาม ) ถูกผึ้งต่อย ( ถูกมดกัด ) ถูกข่มขืน 

มีตั้งหลายสูตร นะครับ ถ้าจะวัดพระอรหันต์ ด้วยสรรพสัตว์ ที่ไม่เบียดเบียน นั้นยากครับ

  กรณีที่ 1 ถูกวัวไล่ขวิดตาย

  ก็มี พระพาหิยะ เป็นต้น และยังอีกหลายองค์

  สำหรับ วัวขวิดตาย มีเยอะมาก

 ที่นี้ กรณี ที่เกิดต่าง ๆ นั้น ก็มีทั้งเพลี่ยงพล้ำ เสียชีวิต กับหนีรอด ปลอดภัย

 ดังนั้น วัดไมีได้ครับ เรื่องนี้

  ขนาดมี ฤทธิมาก อย่างพระโมคคัลลานะ ก็ตายเพราะโจรฆ่าตาย

   พระสารีบุตร ก็ถูกยักษ์ ทุบศรีษะ ขณะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

  และอีก ๆ หลาย กรณีครับ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เพื่อน ๆ มีความเห็นว่า ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว จะไม่ถูกสัตว์ เบียดเบียน จริง หรือ ไม่ คะ

พระอริยะเจ้าทั้งหลายมีกิเลสเบาบางไปตามลำดับชั้นภูมิของท่าน แม้ที่สุดพระอรหันตขีณาสพจะมีเพียงกิริยาสักแต่

กระทำไม่มีสังขตะใดใดแล้วก็ตาม ก็ใช่ว่าจะสิ้นวิบากขันธ์ ชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรฤาจะสิ้นก็หาไม่ จำแลต้องใช้วิบาก

นั้นๆตามแต่ยถากรรม ในครั้งพุทธกาลพระพาหิยะ ทารุจิริยะ แม้จะสำเร็จอรหัตผลรวดเร็ว(ขิปปาภิญญา)แล้วก็ตาม

ก็หาเลี่ยงกรรมได้โดนโคไสเข้าขวิดจนถึงแก่ดับขันธ์เข้าสู่นิพพาน นี่ก็หนึ่งตัวอย่างอันแสดงถึงกรรมที่กระทำไว้อัน

นายเวรไม่อภัยให้ แม้การผูกเวรก็หายุติกรรมพลันส่งต่อกรรมไปสู่อบายเสียอีก ดังนั้นอภัยได้เพิกถอนเวรต่อกันเป็น

กุศลแก่ตัว ครับ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 31, 2011, 06:53:10 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

   พระพาหิยเถระ
   เอตทัคคะในทางขิปปาภิญญา


   พระพาหิยะ เกิดในวรรณแพศย์ ตระกูลกุฎุมพี แคว้นพาหิยะ คงจะเรียกชื่อท่านตามชื่อ
   แคว้น เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ประกอบอาชีพค้าขายตามบรรพบุรุษ เนื่องจากมีถิ่นฐานอยู่แถบชายฝั่ง
   ทะเล จึงอาศัยเรือเดินทะเลบรรทุกสุวรรณภูมิ อันตั้งอยู่ในแคว้นกัมโพชะ อินเดียตอนเหนือ ท่า
  จอดเรือรับส่งขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือสุปปารกะ ในอปรันตชนบท


   .....ฯลฯ.......ฯลฯ......

    ตรัสรู้เร็วพลัน
   พาหิยะ ได้พยายามกราบทูลอ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง พระบรมศาสดา จึงทรงแสดงพระธรรม
   เทศให้ฟัง โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่า
   ได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่า
   ยินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็น   นิตย์


   พาหิยะ ส่งกระแสจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลในทันที
   ท่านได้กราบทูลขออุปสมบท แต่พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ในอดีตชาติท่าน
   พาหิยะ ไม่เคยทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสามเณรด้วยบาตรและจีวรเลย เมื่อบวชแล้วบาตรและ
   จีวรที่จะเกิดด้วยบุญฤทธิ์ ก็จะไม่มีจึงรับสั่งให้ท่านไปหาบาตรและจีวรมาให้ครบก่อน

   และในขณะที่ท่านกำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่นั้นได้ถูกอมนุษย์ผู้เคยเป็นศัตรูกันมากแต่ อดีตชาติ
   เข้าสิงร่างแม่โคลูกอ่อนวิ่งเข้าขวิดท่านตาย


   จึงถือว่าท่านนิพพานตั้งแต่ยังไม่ได้บวชพระพุทธองค์ เสด็จกลับจากบิณฑบาต ทอดพระเนตรเห็นศพของท่าน     
   นอนอยู่ริมทางจึงรับสั่งให้ภิกษุที่ติดตามเสด็จมา จัดการฌาปนกิจให้ท่าน
   และทรงยกย่องท่านใน ตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ขิปปา ภิญญา คือ ตรัสรู้เร็วพลัน

ที่มา  http://www.84000.org/one/1/28.html
ขอบคุณภาพจากwww.rmutphysics.com




   พระอุบลวรรณาเถรี
   เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีฤทธิ์


   พระอุบลวรรณาเถรี เกิดในตระกูลเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี บิดามารดาได้ตั้งชื่อให้นางว่า
   “อุบลวรรณา” ตามนิมิตลักษณะที่นางมีผิวพรรณเหมือนกลับดอกอุบลเขียว


   .....ฯลฯ.......ฯลฯ......

    เมื่อพระเถรีสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เที่ยวจาริกไปยังชนบทต่าง ๆ แล้วกลับมาพัก
    ที่ป่าอันธวัน สมัยนั้นพระผู้มีพระภาคยังมิได้ทรงบัญญัติห้ามภิกษุณีอยู่ในป่าเพียงลำพัง ประชา
    ชนได้ช่วยกันปลูกกระท่อมไว้ในป่าพร้อมทั้งเตียงตั่งกั้นม่านแล้วถวายเป็นที่พักแก่
    พระเถรีนั้น


    บวชแล้วยังถูกข่มขืน
    ฝ่ายนันทมาณพ ผู้เป็นลูกชายของลุงของพระเถรีนั้น มีจิตหลงรักนางตั้งแต่ยังไม่บวชเมื่อ
    ทราบข่าวว่าพระเถรีมาพักที่ป่าอันธวันใกล้เมืองสาวัตถี จึงได้ถือโอกาสขณะที่พระเถรีเข้าไป
    บิณฑบาตในเมืองสาวัตถีนั้น ได้เข้าไปในกระท่อมหลบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง


    เมื่อพระเถรีกลับมาแล้ว เข้าไปในกระท่อมปิดประตูแล้วนั่งลงบนเตียง
    ขณะที่สายตายังไม่ปรับเข้ากับความมืดในกระท่อม นันทมาณพก็ออกมาจากใต้เตียง
    ตรงเข้าปลุกปล้ำข่มขืนพระเถรี
ถึงแม้พระเถรีจะร้องห้ามว่า:-

    “เจ้าคนพาล เจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย เจ้าคนพาล เจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย”
    นันทมาณพ ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ได้ทำการข่มขืนพระเถรีสมปรารถนาแล้วก็หลีกหนีไป

    พอเขาหลบหนีไปได้ไม่ไกล แผ่นดินใหญ่ก็มีอาการประหนึ่งว่าไม่สามารถจะรองรับน้ำหนักของเขา
    เอาไว้ได้ จึงอ่อนตัวยุบลง แล้วนันทมาณพก็จมดิ่งลงในแผ่นดิน ไปเกิดในอเวจีมหานรก

    ฝ่ายพระอุบลวรรณาเถรี ก็มิได้ปิดบังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้บอกแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นกับตน
    นั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ต่อจากนั้นเรื่องราวของพระเถรีก็ทราบถึงพระบรมศาสดา
    พระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถาภาษิตว่า:-
    “คนพาล ย่อมร่าเริงยินดีในบาปกรรมลามกที่ตนกระทำ
    ประดุจว่าดื่มน้ำผึ้งที่มีรสหวาน
    จนกว่าบาปกรรมนั้นจะให้ผล
    จึงจะได้ประสบกับความทุกข์ เพราะกรรมนั้น”


ที่มา http://www.84000.org/one/2/03.html
ขอบคุณภาพจากhttp://i854.photobucket.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 31, 2011, 08:58:05 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ได้อ่านเรื่อง พระอรหันต์อุบลวรรณาเถรี แล้ว รู้สึกว่าเข้าใจผิดอย่างมากด้วย

เมื่อก่อนคิดว่า ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ นั้น เชื้อที่ทำให้สัตว์ จุติ ในครรภ์ได้ไม่มี เช่น อสุจิ ไข่ เหล่านี้เป็นต้น

คือคิดมาตลอดว่า พระอรหันต์ นั้นไม่สามารถให้กำเนิดบุตร ได้เนื่องด้วยหมดกามราคะ แล้ว

แต่อันนี้ อย่างกรณี พระอรหันตสาวิกา อุบลวรรณาเถรี ถูกข่มขืน ก็ยังมีลูกได้อีก เรื่องราวก็ชัก งง ๆ มากขึ้นว่า

พระอรหันตสาวิกาอุบลวรรณาเถรี เป็นผู้ได้ เอตทัคคะ ด้านฤทธิ ด้วย เป็น อัครสาวิกา ด้วย ไฉน จึงใช้ฤทธิ์ไม่ได้

หรือ ใช้ ฤทธิ์ ทำให้สัตว์ที่จะจุตินั้น ไม่ต้องจุติ ขึ้นมา

   เหตุผล ของ พระอรหันต์ นี้เข้าใจยากส์ มาก ๆ จริง

 แต่ทำให้มุมมอง พระอรหันต์เปลี่ยนไปมาก เลยนะจ๊ะ

 เพราะเมื่อก่อนคิดว่า พระอรหันต์ ท่านจะต้องเคร่งครัดวินัย สงบ สำรวม เดินเหิน เรียบร้อย ประมาณนี้คะ

อ่านแล้ว ก็ยัง งง ๆๆๆ อยู่ดี ว่า พระอรหันต์ นั้น ถือว่า ส่วนตัวเข้าใจผิดมาตลอดเลยคะ

 :25: :c017:
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จริง ครับ เพราะวิสัย ของพระอรหันต์ นั้นเข้าใจยาก ครับ

ดังนั้น ก็อย่าไปเข้าใจกันมากครับ ให้เข้าใจหลักธรรม ไว้ก่อน

บางอย่าง ก็วัดที่รูปแบบ ภายนอกไม่ได้ ครับ

  :25:
บันทึกการเข้า