ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน  (อ่าน 11650 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pamai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ส่วนตัวก็ยังไม่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ในยุคนี้ แต่เพื่อนคนนี้ก็เป็นครูด้วยกัน

มาขอคำปรึกษาว่า ตอนนี้ พ่อแม่ บังคับให้แต่งงานเนื่องด้วยอายุ 30 แล้วกลัวลูกสาวจะขึ้นคาน

โดยการจัดหาเจ้าบ่าว จากเพื่อน ๆ กันมีการมาสู่ขอเป็นทางการแล้ว แต่ตนเองก็ไม่ได้ไปจนกระทั่ง

รับขันหมากไว้แล้วกำหนดวันแต่งงานแล้ว ในปีนี้

 ส่วนเพื่อนสาว นั้นไม่อยากแต่ง มาถามควรทำอย่างไรดี ไ่ม่กลับบ้านดีกว่าไหม เพราะพ่อก็ขู่

แม่ก็ร้องไห้ เพื่อให้แต่ง จะแก้ปัญหาอย่างไรดีนี่

  ขอความเห็นกันหน่อยนะคะ เพื่อมีคำพูดดี ๆ ให้เพื่อนเป็นทางออก หรือ สบายใจ ได้คะ

  :17: :17: :17:
บันทึกการเข้า

หลวงพี่เฉย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 88
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
0
พ่อแม่ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แต่ใช่ว่าจะคิดถูกเสมอไป
อาตมาขอแนะว่าให้ทำตามใจที่ตัวเองปรารถนาจะดีที่สุด...เพราะถ้าผิดพลาดมันก็คือความผิดของเราเองแก้ไขได้...แต่ถ้าทำตามใจคนอื่นหากผิดพลาดขึ้นมาจะช้ำใจเป็นสองเท่าเลยจะบอกให้
แต่งงานนะมันเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงเลยทีเดียว  ชี้แจงเหตุผลให้ท่านฟัง(พ่อแม่) ถ้าท่านเป็นคนมีเหตุผลท่านก็จะฟังเราและเคารพการตัดสินใจของเรา  แต่ถ้าท่านไม่มีเหตุผล เราก็ไม่ต้องฟังท่าน ดื้อไปเลย พ่อแม่นั้นโกรธลูกได้ไม่นานหรอก สุดท้ายแล้วท่านก็ไม่พ้นลูกของท่าน ที่จะคอยดูแลยามป่วยไข้ อย่าได้หวังอะไรกับลูกเขยเล้ย....จะบอกให้
ปล.ผิดพลาดในที่นี้คือไม่ใช่เนื้อคู่กัน
บันทึกการเข้า
"ขอให้รวยโดยฉับพลัน!!!...ทุกท่านเทอญ"   วรธมฺโมภิกฺขุ (หลวงพี่เฉย)

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ขาดข้อมูลฝ่ายชายครับ ไม่ทราบว่าได้คุยกับว่าที่เจ้าบ่าวบ้างหรือยัง

พูดกับว่าที่เจ้าบ่าวตรงๆก็ได้นี่ครับว่า "ไม่อยากแต่ง" ต้องยืนกระต่ายขาเดียว

ถ้าผมเป็นฝ่ายชาย เจ้าสาวเค้าไม่อยากแต่ง ผมคงไม่ฝืนหรอกครับ


ส่วนเรื่องพ่อแม่ พูดยากครับ ไม่ได้ใกล้ชิด แนะว่า น่าจะคบเพื่อนชายไว้บ้าง

ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟน พ่อแม่เห็นจะได้สบายใจ เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

คิดว่าคงเข้าใจ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

 :58: :58: :49:

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

pamai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฝ่ายชายก็อยากแต่งสิคะ เพราะรู้จักเจ้าสาว เนื่องด้วยฝ่ายหญิง เป็นครู และ หน้าตาสวย ฐานะตระกูลก็ไม่ขัดสน

ส่วนฝ่ายชาย ก็ฐานะเสมอกัน คนละหมู่บ้านฝ่ายชายไม่ได้ทำงานอะไร นอกเสียจากอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ มติฝ่าย

ชายก็คือ ต้องการให้มีครอบครัว เพื่อจะได้เลิกสำมะเร่ เทเมา ก็ต้องเลือกฝ่ายหญิงนิสัยดี ที่คิดว่าจะไปอบรมได้

เรื่องนี้ฟังแล้วอย่างกับละคร แต่แง่คิดพวกเราก็พยายามให้คำปรึกษาว่าอย่าไปแต่ง

แต่ไปยุ่งชีวิตเขามากเกรงว่าจะไม่ดี จึงต้องการให้คำปรึกษาว่า กตัญญู กับ อกตัญญู  ทำให้พ่อแม่

ร้องไห้เสียใจเป็นบาปหรือไม่

เรื่องนี้มีเงื่อนไข เพราะว่าถ้าแต่งแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชาย อยู่คนละจังหวัด พ่อแม่ก็เลยให้ลูกสาว ลาออกมาทำ

เกษตรแทนพร้อมเจ้าบ่าว ( ฟังแล้ว ระบบคลุมถุงชน ไม่น่าจะมีแล้วในสังคม แต่ก็ยังมีอยู่อีก ) การลาออกจาก

การเป็นครูที่ทำงานมาอายุ 29 ปีนี้นับว่าไม่มาและก็ไม่น้อย .... ก็น่าคิดนะคะ


 :c017:

บันทึกการเข้า

sanrak

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โดยส่วนตัว เราเป็นคนมีเงินเดือน เป็นข้าราชการ ระบบคลุมถุงชนถ้าไม่ดี ก็ต้องคัดค้านเป็นตัวอย่างของแม่พิมพ์

ส่วนการที่พ่อแม่ เสียใจเพราะเราไม่แต่งตามท่านนั้น คิดว่าไม่บาปนะ เราต้องค่อย ๆ พูดต้องใช้เวลาอีกอย่างการ

แต่งงานกับคนที่ไม่มีหลักการจะอาศัยความเป็นผู้ใหญ่ ไปขัดเกลานิสัยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากยิ่งทั้งสองไม่

เคยรักกันมาก่อน ( หรือฝ่ายชายจะชอบก็ไม่รู้ )ดังนั้นทำตามใจปรารถนาดีกว่า เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นไม่

เดือดร้อน ไม่ได้เป็นหนี้ เป็นสิน อะไร ไม่ได้ขัดจำนอง จึงไม่ต้องไปจองจำ จำเจ กับชีวิตที่หาปลายทางยังไม่ได้

คืบหน้าชวนเพื่อนมาให้เห็นโทษของสังสารวัฏ เถิด แต่สงสัยอยู่ว่าเพื่อนน่าจะมีคนชอบอยู่ด้วยสินะ อันนี้จะเป็นรัก

ที่ซํบซ้อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ สำหรับชาวธรรมกรณีอย่างนี้ต้องให้รายละเอียดมากกว่า มิฉะนั้นก็จะได้คำปรึกษาแบบ

สั้น ๆ อย่างนี้นะคะ

  :banghead:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
คนสวยก็มีทุกข์แฮะ ไม่น่าเชื่อ

คนสวยอยู่มาถึงสามสิบ ก็ไม่น่าเชื่อ

สวยแต่เลือกไม่ได้ ไม่เชื่อจริงๆ

ผมไม่หล่อยังเลือกได้เลย ใครเชื่อผมบ้าง

 :91: :41: :03:

Nothing Impossible


บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมขอสรุปเนื้อเรื่อง ก่อนนะครับ เพื่อจะได้เปิดประเด็นนะครับ

  1.เรื่องนี้เป็นเรื่อง คลุมถุงชน

  2.ฝ่ายหญิง ทำงานเป็นครู อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เป็นคนสวย ฐานะมั่นคง อายุ 29 ปี
 
  3.ฝ่ายชาย ไม่ได้ทำงาน รู้จักฝ่ายหญิง อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เป็นที่อยู่เดียวกับพ่อแม่ คนละหมู่บ้าน ฐานะมั่นคง

  4.ฝ่ายหญิง ไม่ได้รักฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายหญิงอาจจะมีคนรักอยู่แล้ว

  5.ฝ่ายชาย น่าจะชอบฝ่ายหญิง ( สันนิษฐาน ) เพราะรู้จักฝ่ายหญิง

  6.เมื่อแต่งงาน ทางฝ่ายหญิง ให้ฝ่ายหญิง ลาออก แสดงว่าฐานะการเงินนั้น น่าจะอยู่ด้วยความมั่นคง จึงไม่เห็น

    ถึงความสำคัญของอาชีพครู ซึ่งเป็นข้าราชการ มีเงินเดือน

  7.ฝ่ายหญิง คงมีการตัดสินใจไว้แล้วบางส่วน แต่เพราะความเป็นลูก เห็นพ่อแม่ร้องไห้ ก็อดจะรู้สึกว่าตนเอง

    ทำบาปหรือทำผิด หรือไม่

  8.มีการรับขันหมาก แล้วโดยพ่อแม่ฝ่ายหญิง ซึ่งรอกำหนดวันแต่งงาน

  9.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ฝ่ายหญิง มาขอคำปรึกษาจากคุณ pamai ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าทุกข์

 เท่านี้ก่อนนะครับ เพื่อจะได้วิเคราะห์ สถานการณ์ให้ถูกทาง เพราะเห็นด้วยการมีชีวิตคู่นั้น ไม่ใช่ที่จะมาทำกัน

เล่น ๆ เป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะหากผิดพลาดก็จะเกิดวงจรกรรมอันไม่ดีต่อไปในภพภูมิชาติหน้า เนื่องด้วย

คู่ครอง ทำให้ต้องมีคู่ชีวิต หลายคู่ หลายคน ไม่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนพระโพธิสัตว์

เชิญเพื่อนร่วมกันวิเคราะห์ ตามประเด็นที่ผมแตกไว้ให้ครับ

 :13: :13: :13:
   :s_good:
บันทึกการเข้า

pimpa

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สำหรับต่างประเทศ มีกฏหมายป้องกันการคลุมถุงชน

การคลุมถุงชน

การคลุมถุงชนคือกรณีที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงถูกบังคับให้แต่งงาน ทั้งโดยการบังคับขู่เข็ญทางร่างกายและจิตใจ การบังคับให้บุคคลใดแต่งงานถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในนอร์เวย์ และถือเป็นความผิดร้ายแรง นอกจากนี้การนำผู้เยาว์ออกจากนอร์เวย์ไปยังประเทศอื่นเพื่อบังคับให้แต่งงาน ก็ถือเป็นความผิดเช่นกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมา การคลุมถุงชนในกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานมีการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น นักการเมืองและบุคคลต่าง ๆ มองว่าการคลุมถุงชนเป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว

กฎหมายนอร์เวย์มีข้อกำหนดด้านการแต่งงานไว้อย่างไร

    “หญิง และชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการเลือกคู่สมรส การแต่งงานจะต้องเป็นไปโดยสมัครใจและทั้งสองฝ่ายยินยอม” มาตรา 1A ของกฎหมายการแต่งงาน

    “ในกรณีที่มีการคลุมถุงชน บุคคลที่บังคับ ขู่เข็ญ ให้ปราศจากอิสรภาพ หรือกดดันโดยการใด ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งด้วยการขมขู่ ขืนใจให้บุคคลอื่นแต่งงานถือเป็นความผิดต้องได้รับโทษ บทลงโทษของการคลุมถุงชนคือจำคุก 6 ปี ผู้มีส่วนรู้เห็นหรือช่วยเหลือจะต้องได้รับโทษอย่างเท่าเทียมกัน” มาตรา 222 หัวข้อย่อยที่สองของประมวลความผิดของนอร์เวย์

มีหน่วยงานหลายแห่งที่พยายามช่วยเหลือคนหนุ่มสาวที่รู้สึกว่าตนเองถูกบังคับให้แต่งงาน

ยก ตัวอย่างเช่น Oslo Røde Kors Internasjonale Senter ซึ่งจัดศูนย์โทรศัพท์ให้ความช่วยเหลือผู้ถูกบังคับให้แต่งงาน คุณสามารถติดต่อกับหน่วยงานเหล่านี้ได้หากต้องการความช่วยเหลือหรือคำปรึกษา ทุกคนที่ทำงานที่นี่จะต้องเก็บรักษาความลับ โดยผู้รับความช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องแจ้งชื่อหากไม่ต้องการ ไม่มีค่าบริการโทรติดต่อ สามารถโทรได้ในวันทำการระหว่าง 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น หมายเลขโทรศัพท์คือ 815 55 201.

แต่ข้อมูลนี้คงไม่ช่วยอะไรคะ เพราะประเทศไทยไม่มีกฏหมายส่วนนี้


ดังนั้นในส่วนของความเห็น ถ้าเราเป็นแม่พิมพ์ของชาติแล้ว ต้องยืนยันสู้คะ ถึงแม้จะต้องถูกตัดออก จากกอง
มรดก คือไม่ทราบว่าเป็นลูกสาวคนที่เท่าไหร่ พี่น้อง มีความเห็นอย่างไร อยากทราบข้อมูลส่วนนี้ จะสมบูรณ์
ในการวิเคราะห์ได้


บันทึกการเข้า

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การแก้ปัญหาเรื่องนี้ มีสองส่วนครับ

  คือ 1. ส่วนสังคมของทุกคน มีประเด็น ที่ต้องถามว่า แคร์หรือไม่

      2. ส่วนปัญหาใจ ซึ่งคนที่ถูกบังคับย่อมเกิดความไม่สบายใจ แน่นอน ธรรมะอันใดที่เป็นเหตุนำความสบายใจ

  ควรจะต้องมอบธรรมะส่วนนี้เป็นกำลังใจ


   สำหรับประเด็นคนสวยขึ้นคาน นี้มีมาก มีเพื่อนหญิงซึ่งเป็นคุณหมอด้วยกัน นี่ละครับอายุเกิน 30 ปีกัน

แทบจะทั้งนั้นครับ ทั้งสวย ทั้งเก่ง บางท่านก็มุ่งหลักธรรมเลยก็มี ่จึงไม่แปลกใจครับเพราะเนื่องด้วยสตรี

ในประเทศไทยมีจำนวนน้อยกว่า บุรุษครับ ตามสถิิติประชากรครับ


  ผมขอสรุป ประเด็นที่ 1 ก่อนนะครับ

   ให้ความเห็นว่า ถ้าเราไม่แคร์เรื่องความสัมพันธ์ ของตระกูล แล้ว ก็ต้องงัดไม้ตายเลยครับ คือ ไม่แต่ง

ไม่ต้องกลัวครับ เราเป็นราชการ ทำงานเป็นครู หน้าตาดี ไม่ต้องห่วงครับถ้ามั่นคงในความดีผมเชื่อว่า อยู่รอด

ครับไม่ต้องพึ่งพาตระกูลก็ยังได้เลยครับ

     ส่วนประเด็นที่ 2 ความพะวงเรื่อง กตัญญู หรือ ไม่กตัญญู นั้นอยุ่ที่เราครับ การที่พ่อแม่จะตัดลูกออกจาก

ความสัมพันธ์เพราะการที่ลูกยืนยันไม่แต่งงาน ผมมองว่าไม่เป็นเรื่องร้ายแรงครับ ไม่ได้หนีตามชายคนไหนไป

สักหน่อย ไม่ได้ลบหลู่คุณท่าน ต้องรอเวลาประสานใจ ท่านตัดเราในเบื้องต้น แต่ เราก็ไม่ได้ตัดท่าน ไปเยี่ยม

เยียนกันเป็นปกติ แล้วก็กลับก็ไม่เห็นแปลก นานวันไป ท่านก็คงจะเข้าใจ เรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการ อกัตญญู

สักหน่อย

   ทำใจให้สบายครับ สิ่งที่ผมอยากให้เห็นก็คือ การเกิดแล้ว เกิดเล่านี้แหละครับที่นำมาซึ่งควาทุกข์ เพราะเรา
เลือกเกิดมาอย่างนี้ ก็จะมีูรูปแบบคือความทุกข์ เล่นงานเราอย่างนี้ทุกชาติ อย่างไรชักชวนปฏิบัติภาวนา ทำบุญ
ใส่บาตร รับศีล นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา ให้มากขึ้นก็ดีนะครับ จะได้ตัดความฟุ้งซ่านทางโลกลงได้ครับ
 :08:
บันทึกการเข้า

chutina

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชีวิตจริง ยิ่งกว่า ละคร คำนี้น่าจะจริง โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า ไม่น่าจะมีเรื่องนี้อยู่ หรือจะได้ยิน แต่ความเป็นจริง

ลองใช้ google ค้นหาดูเรื่องนี้กับมีมากในสังคมไทย เรา การคลุมถุงชน

 เพราะความเชื่อว่า นิติภาวะ ความเป็นผู้ใหญ่ จะสมบูรณ์เมื่อมีครอบครัว

 แต่หารู้ไม่่ว่า ภายใต้การคลุมถุงชนนั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ประสพความสำเร็จตามที่ตั้งใจหรือตั้งความหวัง

 ในฐานะลูกผู้หญิง ด้วยกัน ไม่เห็นด้วย และ ความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ปฏิบัติภาวนา แล้วยิ่งไม่เห็นด้วย

  ใช้หลัก ธรรมาธิปไตย เลยคะในเมื่อเรามีฐานะ ไม่เดือดร้อนการเงิน อะไร ใด ๆ เราต้องเป็นผู้ที่ต้องออก

มาจากระเบียบ ธรรมเนียมอันไม่จัดเป็นวัฒนธรรมที่ดี ดังนั้น

 ขอให้ไม่ยอมคะ ทำตามคุณ pongsatorn แนะนำก็ใช้ได้คะ ซึ่งอ่านมาตามความเห็นแล้ว หลายท่าน

ก็จะแนะนำในทางเดียวกัน คือ เราน่าจะเลือกได้ นะคะ

  :58:
บันทึกการเข้า

doremon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 171
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมอยากแสดงความเห็นที่แตกต่างสักนิดได้ไหมครับ

คือเพื่อความยุติธรรม ตามหลักธรรมาธิปไตย นั้นควรฟังความทั้งสองฝ่าย ผมจึงขอเสนอความเห็นว่า
ตอนนี้ยังไม่ได้ต้องแต่ง ผมว่าสิ่งที่ควรทำก็คือ เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายรู้จักเรา และ เรารู้จักฝ่ายชาย ก่อน
ดีกว่าไหมครับ ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ ก็ค่อยถอยทีหลัง โดยคุยกันตรง ๆ กับฝ่ายชายเลย เชื่อว่าการคุย
ยกเลิกด้วยกันสองฝ่าย น่าจะดีกว่า ที่เราจะยกเลิกฝ่ายเดียว

 ผมเห็นเรื่องการคลุมถุงชน ที่ประสพความสำเร็จก็มาจาก พี่สาว ผมนี่แหละครับ เืชื้อสายจีน คนจีนเยาวราช
ครับ เตี่ย ตกลงกันไว้กับเพื่อนที่อยู่ที่ ฮ่องกง กันทั้งพี่สาว และ พี่เขยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็อาศัยการดูตัว
พี่สาวผมตอนนี้ไปอยู่ที่ ฮ่องกง ชีวิต happy มากเพราะฝ่ายชายเอาใจตลอดมาเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้วจน
ทั้งคู่มีฐานะการเงิน มีเงินฝากร่วม 15 ล้านบาทแล้วขนาดทั้งคู่ไม่มีลูกนะครับ ก็มาขอลูกฝั่งไทยไปเป็นลูก
บุญธรรมกัน ผมว่าอาจจะดีก็ได้นะครับ ถ้าเราเปิดโอกาสให้ศึกษาอุปนิสัย ความไปด้วยกันได้หรือป่าว

ผมเชื่ออยู่อย่างว่า บุพเพสันนิวาส เป็นสิ่งที่พูดยาก เนื้อคู่กันแล้ว ก็ไม่แคล้วกันหรอก

ให้โอกาสฝ่ายชายด้วยครับ ศึกษาความเป็นไปได้ก่อน ขอให้คุณครูทำวิจัยเพิ่มอีกนิดครับ

 :08:
บันทึกการเข้า

สถาพร

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 220
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตามเมลจากเพื่อนครับ ว่าช่วงนี้จะช่วยกันตอบในกระทู้ประเด็นเดียวครับแต่ให้ตอบกันอย่างต่อเนื่องครับ แทนการเพิ่มกระทู้ครับ
ก็เห็นด้วยครับ เพราะถ้าเราให้ข้อมูลในเรื่องเดียวกันในมุมมอง ทัศนะคติ ของแต่ละคนย่อมจะมีเส้นทางการแก้ปัญหาได้ครับ



สำหรับเรื่องนี้ ผมเองก็คิด 2 แบบครับ คืือ

  1.คิดเข้าข้างฝ่ายหญิง คือ ต่อต้าน ไม่ร่วมด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่ทำตาม ไม่ .... อีกหลายไม่ ซึ่งความคิดนี้ฝ่ายหญิง น่าจะเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว น่าจะหาคำตอบไว้มากมายพอสมควรแล้ว เพียงแต่คำอธิบายของพวกเราจะไปโดนใจอะไรบ้างนั้นเราก็ยังไม่รู้ นะครับ เพราะเป็นเรื่องจองใจเธอแล้ว

  2.คิดเข้าข้างฝ่ายชาย คือ ทำไม ไม่ให้โอกาสแก่เขาบ้าง เพราะอาจจะเป็นเนื้อคู่กันมา เมื่อถึงเวลาก็ได้เจอกัน และอีกหลายๆ
ประเด็นในฐานะผู้ชาย ที่ิคิดเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน ประเด็นนี้ คุณ doremon ได้นำเสนอไปแล้ว


แต่ต่อไปนี้ ผมขอเสนอประเด็นใหม่ครับ คือเป็น ประเด็นธรรม ครับ

 ผมเชื่อว่าตอนนี้ ทุก ๆ ฝ่าย ต้องกระวนกระวาย ในคำตอบของฝ่ายหญิง อยู่พอสมควร เพราะเเรืื่องทั้งหมดถูกผูกลง
ไปที่ฝ่ายหญิง จะยินยอม ลงเอยด้วยหรือไม่ ดังนั้นในสังคมโลกที่เกิดขึ้นมาแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสในธรรมจักร
ว่า มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์ ความประสพกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ สรุปแล้ว ขันธ์ทั้ง 5
เป็นตัวทุกข์

  ตอนนี้ ความทุกข์ ได้เข้าเล่นงาน ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะคุณครู ความทุกข์ทีเล่นงานตอนนี้ ต้องถือ วิกฤติ เป็นโอกาส แทน
ที่เราจะทุกข์เพราะเรื่องต่าง ๆ เรากับมาพิจารณาความทุกข์ นี้มีเหตุปัจจัยอันเนื่องด้วยอะไร แล้วทำไมเราต้องทุกข์กับเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่ ความทุกข์เราก็ไม่ต้องการทุกข์ ให้เราสาวหาสาเหตุแห่งความทุกข์ และ ปล่อยวาง
ความทุกข์ลงเสีย ดีกว่าหรือไม่ครับ เพราะเรื่องเหล่านี้เราเห็นเป็นธรรมดา เหมือน ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย ซึ่งเราเห็นกันธรรมดา แต่พอเราเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ใจเรากับเห็นว่าเป็นทุกข์ พอมีความเกิด เราก็ดีใจ เสียใจ
พอมีความแก่เราก็ดีใจ เสียใจ เป็นต้นทำให้ใจเราหวั่นไหว ไปเพื่ออะไรครับ เป็นเพราะว่าใจเราไม่เห็นตามความเป็นจริงใช่หรือ
ไม่ครับ เพราะยังยึด เหตุกับผล นั้นมาใส่ใจเสมอว่า นั่นเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา

ประเด็นนี้ ผมว่าน่าจะสำคัญกับภาวะจิตใจของผู้ประสพทุกข์ นะครับ

แนะนำนะครับ

  หายใจ เข้า เป็น พุท  หายใจออก เป็น โธ เดี๊ยวก็มีทางออกครับ

 :58:
บันทึกการเข้า
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เพื่อนครูด้วยกันมาขอคำปรึกษาว่า พ่อแม่บังคับให้แต่งงานเนื่องด้วยอายุ 30 แล้ว

โดยจัดหาเจ้าบ่าวมาสู่ขอรับขันหมากไว้แล้ว กำหนดวันแต่งงานในปีนี้

ส่วนเพื่อนสาว นั้นไม่อยากแต่ง พ่อก็ขู่ แม่ก็ร้องไห้ เพื่อให้แต่ง จะแก้ปัญหาอย่างไรดี

ขอความเห็นกันหน่อยคะ เพื่อมีคำพูดดี ๆ ให้เพื่อนเป็นทางออก หรือ สบายใจ คะ

จากเนื้อหาข้อมูลที่พอจับประเด็นได้นี้ พิจารณาแล้ว คุณครูว่าที่เจ้าสาวท่านนี้คงทุกข์ใจไม่ใช่น้อย นี่หละครับ !

ทุกข์จากการเกิดเป็นหญิง


มองแง่ดีกันก่อนในส่วนฝ่ายหญิง

บุพการี อันหมายถึงพ่อแม่ฝ่ายหญิงนั้น ท่านมีความปรารถนาดีต่อบุตรีจึงเห็นสมควรขวนขวายให้ออกเรือน ซึ่ง

เป็นความปรารถนาดีเพียงมุมมองท่านเท่านั้น การออกเรือนเป็นเกียรติและคุณค่าที่ลูกผู้หญิงพึงมี นั่นเป็นค่านิยม

สมัยเก่า แต่ค่านิยมของสังคมในวันนี้มันเปลี่ยนไปสำหรับคนยุคนี้ บุพการีทั้งสองท่านไม่เข้าใจในความเปลี่ยน

แปลงนี้


มองค้านต่างไปบ้าง

บุพการี อันหมายถึงพ่อแม่ฝ่ายหญิงนั้น ท่านทั้งสองได้พยายามเบียดเบียนบุตรีท่านเองให้ได้ทุกข์ โดยถือเอา

ความเป็นผู้ให้กำเนิด แสดงถึงความเป็นเจ้ากรรมนายเวรเบียดเบียนให้ได้ทุกข์ ซึ่งอาจหมายรวมถึงว่าที่เจ้าบ่าวนั้น

ด้วย อีกทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนท่านอื่นๆ


มองแง่ดีกันในส่วนฝ่ายชาย

บุพการี อันหมายถึงพ่อแม่ฝ่ายชายนั้น ท่านก็มีความปรารถนาดีต่อบุตร พิจารณาเห็นบุตรชายไม่เอางานเอาการก็

คิดอุบายให้มีครัวมีเรือนเผื่อจะรู้รับผิดชอบขึ้นมาบ้าง จึงจัดหาหญิงในสกุลเสมอกันมาดูแล หวังเพียงใส่ใจว่าบุตร

น่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้


มองค้านต่างไปอีก

บุพการี อันหมายถึงพ่อแม่ฝ่ายชายนั้น ท่านทั้งสองเพียงพิจารณาในส่วนทัศนะท่านฝ่ายเดียว ซึ่งก็เสี่ยงสร้างทุกข์

สร้างกรรมให้กับคนคู่หนึ่ง


ผมพิจารณาจากสถานการณ์ ณ ขณะนี้ ทุกฝ่ายล้วน Happy แต่ทุกข์กลับตกอยู่ที่คุณครูว่าที่เจ้าสาวเพียงคน

เดียว เสมือนทุกทุกคนที่เกี่ยวข้องพยายามผลักให้คุณครูว่าที่เจ้าสาวไปสู่ความตาย ไม่ว่าจะนำเอาทัศนะความคิด

ท่านใดมาไม่ว่าบุพการีฝ่ายหญิง หรือบุพการีฝ่ายชาย รวมถึงฝ่ายชายว่าที่เจ้าบ่าวนั้นด้วย ต่างล้วนกำลังผลักภาระ

อันแสนยากที่จะแบกไปให้ฝ่ายคุณครูว่าที่เจ้าสาวเพียงคนเดียว นานาทัศนะล้วนมีสิ่งคาดหวังจะลงเอยอย่างไร

นั้น อยู่ที่คุณครูต้องทำให้ทุกคนพอใจเสมือนถูกมอบหมายหน้าที่ เป็นภรรยา, เป็นแม่, เป็นสะใภ้ และเป็นลูกที่

กตัญญู มันสุดแสนเหนื่อย ยาก ต้องตรากตรำทั้งชีวิต ผลลัพภ์จะออกมาอย่างไร ครอบครัวชีวิตนี้คุณครูรับทั้ง

หมดเสมือนเป็นผู้รับบาปเพียงคนเดียว ทุกข์ มันเป็นอะไรที่ชีวิตลูกผู้หญิงต้องแบกต้องรับอยู่ร่ำไป


พิจารณาเห็นทุกข์อย่างนี้ คุณครูถ้าอยากหนีเวรภัยนี้จริงๆบวชเสียดีกว่าจะได้ไม่ต้องรอให้ชีวิตชะตาพาไปก่อทุกข์

สร้างกรรมซ้ำๆไม่จบไม่สิ้น กุศลจากการถือศีลภาวนาก็แผ่อุทิศขมาท่านทั้งสองผู้เป็นบุพการี และแก่ฝ่ายชาย ขอ

อย่าได้มาถือเวร นี่เป็นหนทางหลีกหนีที่เด็ดเดียวแห่งผู้มีบารมีหลีกหนีพ้นบ่วงทุกข์ เป็นสุขอยู่ด้วยพราหมจรรย์

เยื้องพระเถรีทั้งหลายในครั้งพุทธกาล


                   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2011, 04:08:22 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา