ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อุทาหรณ์ สอนใจผู้หญิงในเรื่องความรัก ที่ยึดมั่น ถือมั่น ผิดทาง ขาดหลักธรรม  (อ่าน 21202 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


การจากไปของ น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)

อดีตดาวคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ สาวไฮโซหน้าตาดี ที่ตัดสินใจกระโดดตึก 10 ชั้นลงมาเสียชีวิต สาเหตุเพราะผิดหวังในเรื่องความรัก นับเป็นเหตุสะเทือนใจผู้คนที่รู้จักรวมทั้งคนที่ติดตามข่าวนี้อย่างยิ่ง เป็นคนมีความรู้ความสามารถไม่น่าต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้!??

การจากไปของน.ส.มุทิตา สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับคนในครอบครัว "ไทยลิ่มทอง" ยิ่งนัก



ด้วยเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ต้องดูแลธุรกิจครอบครัว แถมยังอนาคตไกลเป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสืออยู่ที่เอแบคมีลูกศิษย์ลูกหามาก มาย แต่แล้วชีวิตที่กำลังเริ่มต้นก็ต้องกลับมาพังทลายเพราะพ่ายพิษรัก สุดท้ายจึงต้องจบชีวิตลงอย่างสลด

ย้อนไปดูเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นตอนเที่ยงวันที่ 21 มี.ค. ที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรตัดนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร เกิดเหตุหญิงกระโดดตึกลงมาด้านล่าง พ.ต.ต.อดิเรก พันธ์ใย พงส.(สบ.2) สน.ยานนาวา จึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบพร้อมรุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบร่างน.ส.มุทิตา ซึ่งตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 10 นอนหายใจรวยรินมีเลือดไหลออกมาเปรอะเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน

ใกล้ๆ กันพบกระเป๋าถือสีดำ ยี่ห้อพราด้า และเศษใบไม้ที่ร่างเกาะเกี่ยวมาด้วยระหว่างตกลงมา โดยเจ้าหน้าที่พยายามนำร่างส่งร.พ.เลิดสิน แต่ "มุทิตา" ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา พยานซึ่งเป็นรปภ.อาคารเอ็มไพร์ ให้การว่า

ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายขับรถเบนซ์สปอร์ต 2 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน วต 2527 กทม. เข้ามาจอดที่ชั้นบี 3 ก่อนเดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้น รปภ.ประจำลานจอดรถชั้น 10 เห็นผู้ตายเดินสูบบุหรี่ ก่อนจะเห็นอีกทีตอนผู้ตายนั่งห้อยขาอยู่บนขอบระเบียง จากนั้นร่างก็ร่วงตกลงไปข้างล่าง



ในตอนแรกไม่มีใครรู้ว่าน.ส.มุทิตา เป็นใครมาจากไหน

รู้เพียงเป็นหญิงสาวหน้าตาดีที่มาคิดฆ่าตัวตาย โดยใช้อาคารเอ็มไพร์เป็นสุสาน จนกระทั่งตำรวจได้ตรวจค้นกระเป๋าสะพาย จึงรู้ว่า "มุทิตา" ทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบค นอก จากนี้ ยังมีสิ่งที่เฉลยถึงสาเหตุการตาย นั่นคือการไขปริศนาในสมุดไดอารี่ลายสีฟ้าคาดเขียว ที่น.ส.มุทิตาเขียนบันทึกเก็บไว้ด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและสีแดง บรรยายถึงความรักที่มีให้กับผู้ชายที่ชื่อ "ปอม" แสดงข้อความตัดพ้อต่อว่าผู้ชายคนดังกล่าว และยังเขียนในลักษณะสั่งเสียลาจากกันชั่วชีวิต เป็นการระบายความในใจแบบบรรทัดต่อบรรทัด

ซึ่งตำรวจจะได้ตามตัวคนชื่อ "ปอม" มาสอบสวนต่อไป

สำหรับประวัติส่วนตัวของน.ส.มุทิตา เจ้าหน้าที่ขยายผลได้ข้อมูลมาว่า "มุทิตา" มีชื่อเล่นว่า "พลอย"

เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และเพิ่งสำเร็จปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เช่นกัน เรียนได้เกียรตินิยมทั้ง 2 ระดับปริญญา สมัยเป็นนิสิตเป็นระดับดาวของคณะเศรษฐศาสตร์อีกด้วย ก่อนเสียชีวิตเพิ่งทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบคได้ไม่นาน "มุทิตา" เป็นลูกสาวคนเดียวมีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าหรูอยู่ย่านศรีนครินทร์

สาเหตุ ที่ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากเรื่องความรัก เนื่องจากเป็นคนจริงจังกับความรักมาก โดยผู้ตายมีแฟนหนุ่มตาดี เป็นเศรษฐีไฮโซ ชื่อ "ปอม" ซึ่งเคยเป็นแฟนกับดาราสาวคนหนึ่ง ระยะหลังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกันหลายครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คิดสั้นในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุที่มาอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ก็เพราะว่ามีเพื่อนสนิททำงานอยู่ที่นี่

การจากไปของน.ส.มุทิตา สร้างความเศร้าใจให้คนใกล้ตัวยิ่งนัก

โดยเฉพาะกับนายพีระยุทธ กับนางอังคณา ไทยลิ่มทอง ผู้เป็นพ่อแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาปิ่มขาดใจ เพราะทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกสาวคนเดียวคนนี้ ซึ่งการจากไปของน.ส.มุทิตาในครั้งนี้ ทำให้คนเป็นพ่อแม่ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากการทำใจและภาวนาขอให้ดวงวิญญาณของลูกสาวจงไปสู่สุคติ และ ขอให้เรื่องทุกอย่างยุติลงเพียงเท่านี้

ศพของน.ส.มุทิตา ญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดชุมพลนิกายาราม ต.บางเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด มีเพื่อนร่วมงานและคนรู้จักเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่หลายคนบอกไม่น่าเชื่อว่าน.ส.มุทิตาจะคิดสั้น เพราะพื้นฐานของ "มุทิตา" เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน

ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนเก็บกดจนถึงขั้นฆ่าตัวตายแบบนี้


แต่อย่างไรก็ตาม เหตุรักขมก็ทำให้คนคิดสั้นฆ่าตัวตายมานักต่อนัก


ใครที่ไม่มีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่มีวิธีสะกดใจสะกดความรู้สึกตนเอง ก็มักจะพ่ายให้กับอารมณ์ชั่ววูบเหมือนกับเหยื่อหลายรายที่ผ่านๆ มา

ซึ่งในเรื่องนี้น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ออกมาตั้งข้อสังเกต ว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ การฆ่าตัวตายเพราะความรักอาจเป็นเพียงปมเดียว แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตายอาจเกิดจากปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาโรคภัย ปัญหาที่สะสมจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า

สำหรับ ผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงปัญหาเดียวและคิดฆ่าตัวตายนั้น ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ผิดหวังจากความรักเพียงอย่างเดียว จะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ เนื่องจากการผิดหวังด้านความรักนั้นเป็นปรากฏการณ์ด้านจิตใจเท่านั้น และก็ยังมีผู้ที่ผิดหวังด้านความรักอีกมากที่ไม่ฆ่าตัวตาย

เนื่องจากสภาวะจิตใจของคนปกติทั่วไปจะปรับตัวได้ภายใน 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยจะกลับสู่สภาพเดิมแม้ว่าจะยังอกหักอยู่ แต่ในบางรายที่ฆ่าตัวตาย คือ เครียดที่ปรับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่พฤติกรรมจะเปลี่ยนเพราะอาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า

"คนที่อกหักส่วนใหญ่มักซึมเศร้า หมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากทำอะไร ขอให้ฝืนตัวเอง อย่าอยู่คนเดียวหาคนระบายให้ฟัง หากไม่กล้าคุยกับพ่อแม่หรือญาติก็ขอให้เลือกพูดกับเพื่อนสนิท จะทำให้สิ่งที่อัดอั้นตันใจระบายออกมา และจะทำให้หายไปกว่าครึ่ง ซึ่งคนใกล้ชิดควรสังเกตและให้ความร่วมมือด้วย โดยการเป็นผู้รับฟังที่ดี

นอกจากนี้ ผู้ที่ผิดหวังในความรักมักโทษตัวเอง มองว่าตัวเองไม่ดี ซึ่งการคิดเช่นนี้จะนำพาไปสู่การไม่ยอมรับตัวเองและการฆ่าตัวตาย ขอให้เปลี่ยนมุมมองโดยมองว่าก่อนมีความสัมพันธ์ก็ยังอยู่ได้ และคิดว่าการไม่ถูกเลือกเป็นสิทธิ์ของเรา และเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกัน โดยมองหาแง่มุมที่เป็นบวกกับตัวเอง เช่น เขาไม่เลือกเราก็ดีเพราะหากคบกันไปอนาคตอาจเกิดปัญหารุนแรงกว่านี้ หรือพัฒนาตัวเองให้เขารู้สึกว่าเสียดายที่ไม่เลือกเราเป็นต้น" น.พ.ทวีศิลป์กล่าว



จำไว้ว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก!?!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2012, 10:36:45 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28453
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 11:14:27 am »
0


ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ ภาษิตของพระพุทธเจ้า

ถ้าหากใครไม่เคยประสบกับตนเองย่อมไม่มีวันเท่าใจได้อย่างแน่นนอน เมื่อเรามีรัก1อย่างย่อมมีทุกข์1อย่าง มีรักในสิ่งใด100อย่างย่อมมีทุกข์100ตามไปด้วยเพราะจิตที่ผูกพันกับสิ่งใดเรามักจะยึดมั่นในสิ่งต่างๆเหล่านั้น และสิ่งที่เรารักและยึดมั่นไว้มักจะมาทำร้ายจิตใจของเราเสมอ

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะสิ่งต่างๆๆทั้งหมดในโลกที่เรายึดมั่นไว้มันไม่มีความมั่นคงสักวันย่อมเปลี่ยนแปลงไปย่อมกฏแห่งความไม่เที่ยงแท้เราไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้เลย

พระพุทธศาสนาจึงมีจุดมุ่งหมายสูงสุด ในสิ่งที่เที่ยงแท้นั้นคือพระนิพพานสภาวะที่ไม่เป็นแปรไป มั่นคงพ้นไปซึ่งการเวียนว่ายตายและเกิดการเกิดบ่อยๆเป็นทุกข์คำนี้เป็นจริงแท้ หากเราพิจารณาตั้งแต่เกิดจนมาปัจจุปันนี้เราผ่าน ความทุกข์ต่างๆๆมากมาย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

หากมองย้อนไปในอดีตที่แสนยาวนานเราที่ยังเป็นปุถุชนผ่านทุกข์ต่างๆๆมาเเล้วนับไม่ได้เลยทุกข์ประจำโลก  เกิด  เเก่  ตายจาก กฏที่ไม่มีใครทำลายได้ ทุกข์จร  ความผิดหวัง พลัดพราก ท้อเเท้ โรคภัยไข้เจ็บ ความน้อยใจ ความเบื่อหน่าย  และความห่วงใยชีวิตที่เเสนสั้นของมนุษย์ เรากลับประสบกับสิ่งต่างๆๆข้างต้นอย่างมากมาย และมีการเเสวงหาที่ไม่สิ้นสุดลงเลย

พระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่ศาสนาแห่งรัก แต่พระองค์สั่งสอนให้มนุษย์มีจิตและการปฏิบัติต่อกันอย่างนี้

เมตตา หมายความว่า การปรารถนาดีรักใคร่ต่อสัตว์ทั้งหลาย
เมตตาคือความไม่โกรธ (อโทสะ)

กรุณา หมายความว่า เมื่อเห็นสัตว์ทั้งหลายได้รับ
ความลำบาก  ย่อมช่วยผู้ที่ได้รับความลำบากนั้นให้ได้รับความสุข
 
มุทิตา หมายความว่า ความรื่นเริงบันเทิงใจ
ในความสุขความสมบูรณ์ของผู้อื่น
 
อุเบกขา มีลักษณะ คือ มีอาการเป็นไปอย่างกลาง
ในสัตว์ทั้งหลาย  มีการมองดูในสัตว์ทั้งหลายด้วยความเสมอกัน

 
ธรรมทั้งปวง หากมีประจำในใจของผู้ใด เขาย่อมเป็นสุขและยังความสุขนั้นไปสู่คนรอบๆๆข้างแต่เราจะมีโอกาสทุกครั้งในการวนเวียนเกิดเวียนตายอย่างนี้ไหม 

การได้พบพุทธเจ้าเป็นของยาก
การได้ฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก
การเข้าใจพระธรรมเป็นของยาก
การพบกัลยณมิตรเป็นของยาก


ถ้าเราเกิดในยุคที่ไม่มีสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ทั้งชึวิตนั้นคงก่อเเต่อกุศลตลอดชาติด้วยความเขลาบาปที่ทำย่อมนำไปอบาย4 ที่ๆมีแต่ทุกข์เป็นอาหาร

แล้วทำไมนะ คนเราจึงไม่เเสวงหาปัญญาเครื่องนำออกจากทุกข์นี้นั้น อาจเป็นเพราะกิเลสที่หมักดองในจิตตสันดานเราจะพ้นไปเสียจากอำนาจของมันได้อย่าไร
 
เราควรตั้งคำถามนี้กับใจตัวเองหรือไม่



ที่มา http://www.daowadung.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=daowadungcom&thispage=1&No=1254885
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2012, 10:38:49 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มี หญิง และ ชาย ที่ต้องตายเพราะเหตุอย่างนี้ มากน้อยเท่าใด ในประวัติศาสตร์คงกล่าวยาก

เพราะหนัง ละคร ทุกเรื่อง ก็จะมีเรื่องอย่างนี้ อยู่มากมาย

หนทางแห่งธรรม ไม่มีใคร พูด หรือ บอกกล่าว จึงทำให้เกิดคดีสะเทือนใจ อย่างนี้มากมาย

มีความปรารถนา สิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์

ทุกข์ ที่เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ นี้แหละที่จะนำจิตสู่ธรรมะ

เพราะ ทุกข์ เป็นเบื้องต้น ใน อริยสัจจะ
 :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

วรรณา

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 158
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ส่งสารเธอจังเลย แต่ ก็ไม่อยากให้ ทำร้ายตัวเองอย่างนี้

เพราะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็เป็นเรื่องยาก แล้ว

 :25:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


เพราะเธอสวย เธอรวย เธอเก่ง เธอเด่นเป็นดาวมหา'ลัย ความไม่เคยผิดหวังในตัวเอง เป็นที่ชื่นชมของพ่อแม่ เป็น

ที่รักใคร่ของเพื่อนๆ เหตุเพราะสิ่งนี้กับเป็นหลุมพรางฆ่าเธอ เพียงแค่ความรักไม่สมหวัง รับไม่ได้ ตายเสียดีกว่าอยู่

ด้วยวัยยังอ่อนประสพการณ์ชีวิต ขาดธรรมหล่อเลี้ยงจิตใจ นี่เป็นบทเรียนของคนไม่ใฝ่ธรรม จึงระกำเพราะหลง

โลก บทเรียนนี้สอนให้เยาวชนรู้ไว้เถอะว่า อย่าริรักเร็ว เรียนรู้สั่งสมประสพการณ์ชีวิต สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง นี่

แหละจึงเรียกว่า "ชีวิต" จะได้ไม่เผลอทำผิด ตายอย่างไร้ค่า สิ้นคิด อย่างนี้ควรจะเห็นใจดี หรือ สมเพทดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 20, 2010, 07:48:33 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28453
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ที่ใดมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2012, 10:43:57 am »
0

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ