เหนื่อยนะ
เพลียจัง
ยังมีเวลา
ยังเช้าอยู่
กินข้าวก่อน
ไม่มีเพื่อน
เอาไว้แก่ก่อน
เกษียณแล้วเดี่ยวจะ
หาครูได้ก่อน
ขี้เกียจอ่าน
ไม่มีคนปรึกษา
เลี้ยงลูกอยู่
เรียนอยู่
พรุ่งนี้
และ อีก หลาย ๆ สาระพัด ที่จะยก เป็นคำอ้าง เล่าอ้าง อีกสาระพัด สาระพัน ที่ฟังกันมาบ่อย เวลาถามว่าเมื่อไหร่จะเริ่มภาวนาเสียที
หลาย ๆ ท่าน มีโอกาสทางธรรม ที่อาตมาพยายามมองและ ใคร่ครวญ ความพร้อม แต่ละท่าน แต่ละคน แต่ก็ไม่มีใครสามารถ ก้าวล่วงข้ออ้างเหล่านั้น ไปได้ เป็นเพราะอะไร ?
นึกดูกลับมาที่ตนเอง กว่าจะได้ พบครูอาจารย์ ที่มาประสิทธิ์ประสาทวิชากรรมฐาน ให้ ก็ปาไปตั้ง หลักสี่ของอายุ ลำบาก ลำบน ขึ้นเขาลงห้วย เดินธุดงค์จาริก จากสงขลา กับมาที่สระบุรี ผ่านทุกข์ ทั้งทางกาย และ ทางใจ ก็เพื่อที่จะได้ครูอาจารย์ ที่สอนกรรมฐาน อันเป็นทางสู่มรรค ผล และ นิพพาน
มีข้อพิจารณา คือ บทธรรมในพระไตรปิฏก แม้อ่านแล้ว ก็ไม่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ ในพระธรรมได้ ยังคงต้องอาศัย การภาวนาปฏิบัติ เป็นส่วนการหล่อหลอม และ การภาวนาปฏิบัติ นี้ต้องการกัลยาณมิตร ที่พร้อมด้วยคุณสมบัติในพระกรรมฐาน
สมัยปัจจุบันนี้ สื่อ ของครูอาจารย์ ก็มี เสียงธรรม ก็มี แต่คนทั้งหลาย ก็ยังไม่สามารถ ละโอกาส เพื่อ วาสนา อันนี้เป็นเพราะเหตุใด