- การอนุโทนาจิต ในขณะจิตนั้นต้อง ทั้งก่อนและหลังอนุโมทนาต้องเป็น มุทิตาจิต คือ ยินดีกับเขาด้วยใจเมื่อเขาได้พบสุขได้ทำในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งสภาพจิตนี้จะเกิดขึ้นได้คุณต้องมี กรุณาจิต นั่นก็คือ ความเอื้อเฟื้อแบ่งปันสุข อนุเคราะห์ให้แก่คนอื่นพ้นจากทุกข์ และ กรุณาจิตจะเกิดขึ้นได้นั้นคุณก็ต้องมี เมตตาจิต ความปารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข แล้วจิตคุณจะเกิดอุเบกขาจิตขึ้นได้ง่าย
- ดังนั้นที่สำคัญแก่จิตคุณตอนนี้คือ เมตตาจิต กรุณาจิต มุทิตาจิต แก่ผู้อื่น แล้วสิ่งนี้จะส่งผลให้คุณไปถึงการมีทานจิตแก้ใจ คือการให้โดยไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทน ให้แล้วไม่มานึกเสียดายหรือเสียใจในภายหลัง ให้เพื่อหวังให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์สุขจากการให้ของเรา
- แล้วจะทำอย่างไรให้มีเมตตาจิต เริ่มแรกคุณต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะกระทำในสิ่งที่ไม่เบียดเบียนตนเองและคนอื่นทางกาย วาจา ใจ นั้นก็คือมี ศีล สมาธิ เป็นเบื้องต้น เริ่มรู้จักคิดดี พูดดี ทำดี
- เมื่อรู้สภาพจิตตนเองว่ามีความขุ่นข้องขัดเคืองใจ ให้ระลึกรู้ว่าอกุศลจิตได้เกิดแก่คุณแล้ว
- อย่างเช่น เรื่องราวที่คุณเล่ามานั้นมันคือความอิจฉา ซึ่งมาจากความสำคัญมั่นหมายที่คุณจดจำในสิ่งที่คุณมีความไม่พอใจยินดีแก่จิตตน นั่นเพราะคุณสำคัญแก่ใจไว้ว่าคุณพอใจยินดีที่จะได้กระทำแบบเขา พอใจที่จะได้ร่วมมีส่วนหนึ่งในการทำบุญนั้นๆ พอไม่เป็นไปตามที่คุณพอใจยินดี แล้วเห็นผู้อื่นทำได้ คุณก็เลยเกิดความขุ่นข้อง ขัดเคืองใจ เกิดเป็นความโมโห โทโส แก่จิตคุณ เกิดเป้นความอยากจะผลักให้สิ่งที่รับรู้เป็นไปนั้นหนีออกไกลจากคุณ
- ให้ละที่ความสำคัญมั่นหมายนั้นเสีย เพราะยิ่งเราสำคัญสิ่งใดมากก็ยิ่งตรึกถึง นึกถึง คำนึงถึงมาก ลองนึกดูไหมว่าสิ่งใดที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญมัน สิ่งนั้นแม้เรามีอยู่ พบเจออยู่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ดังนั้นให้คิดเสียว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเรา ยิ่งใส่ใจมันเราก็ยิ่งทุกข์ ตั้งจิตขึ้นเป็นเมตาทานเสีย จะเข้าถึงความมีใจกลางๆแก่สิ่งนั้นได้ด้วยความเป็นกุศลครับ