ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีการสอนธรรมะแบบแม่ชีทศพรนั้น "ถูกจริตกับวิถีชีวิตคนเมือง"  (อ่าน 4399 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วิปัสสนาบนหน้าข่าว - “แม่ชีทศพรในสวนหลังบ้านของลุงบุญมี”

"ในขณะที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก ‘ลุงบุญมี’ แกสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัย แต่ ‘แม่ชีทศพร’ กับ ‘แมลงตัวนั้น’ กลับถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในสวนหลังบ้าน’


แม้ผู้เขียนจะไม่เห็นด้วยไปกับ ‘วิธีคิด’ และ ‘วิธีการสอน’ เรื่องกรรมของแม่ชีทศพรในบางเรื่อง แต่ผู้เขียนก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการ ‘ลงมือปฏิบัติ’ ของกระทรวงวัฒนธรรมที่มีต่อแม่ชี ด้วยการเข้าไปควบคุมวิธีการสอนธรรมะของแม่ชีเนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรม ‘ตัดสิน’ ว่าวิธีการสอนของเธอนั้น ‘เบี่ยงเบน’ ไปจากคำสอนทางพุทธศาสนา

ประเด็นที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมต้องออกมาควบคุมวิธีการสอนของแม่ชีทศพรเกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากการที่แม่ชีเสนอการแก้ไขกรรมของหญิงคนหนึ่งสมมติชื่อนาง ก. ด้วยการให้ชายคนหนึ่งสมมติชื่อนาย ข. ซึ่งร่วมฟังธรรมด้วยเข้าไปกอดนาง ก. โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน สาเหตุเพราะนาง ก. เคยตำหนิชายแก่ที่ชอบเดินควงเด็กสาวๆ ว่า ‘แก่ป่านนี้ยังไม่หมดตัณหาอีก’ นั่นจึงกลายเป็นวจีกรรมของนาง ก. แม่ชีจึงพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงว่า ‘ต้องให้เด็กมาเอาโยมสองครั้ง’ (กรรมจึงจะหาย)


จากนั้นแม่ชีจึงให้นาย ข. ชายผู้ร่วมฟังธรรมในโรงธรรมซึ่งมีอายุน้อยกว่านาง ก. เข้าไปกอดนาง ก. หนึ่งครั้งและจับแก้มนาง ก.อีกหนึ่งครั้งเป็นการแก้ไขวจีกรรมในอดีตของนาง ก. ทั้งนาง ก. และนาย ข. ยอมรับการกระทำของกันและกันแบบขำๆ ผ่านคำบอกบทของแม่ชีซึ่งก็ไม่ได้ดูเป็นการกระทำที่จริงจังอะไรนัก บรรยากาศในโรงธรรมผู้ฟังธรรมคนอื่นๆ ต่างหัวเราะขำขันไปกับสิ่งที่ชายหญิงคู่นี้กระทำต่อกัน ไม่มีใครลุกขึ้นมาห้ามเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำต่อกันแบบทีเล่นทีจริง และทั้งคู่ก็ไม่ได้ ‘มีอะไรกัน’ เป็นเพียงการสัมผัสตัวที่ภายนอก (ชมคลิปด้วยกูเกิล พิมพ์คำว่า “แม่ชีทศพรเป็นข่าวจนได้”)

 :25: :25: :25:

คงเพราะบรรยากาศของการ “แก้กรรม” เป็นไปแบบทีเล่นทีจริงเช่นนี้รวมถึงกรณีอื่นๆ ที่แม่ชีแนะนำหญิงคนหนึ่งให้แก้กรรมด้วยการเอาหอยไปห้อยที่ประตูบ้านอันมีนัยสองแง่สองง่าม ร้อนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่าเป็นวิธีการสอนธรรมะที่แปลกประหลาดจึงเข้าไปตรวจสอบความจริงจากแม่ชีและขอให้แม่ชีปรับวิธีการสอนธรรมะเสียใหม่ พร้อมทั้งมีการให้เจ้าหน้าที่คอยติดตามแม่ชีว่ายังมีวิธีการสอนธรรมะแบบหมิ่นเหม่เช่นนี้อีกหรือไม่ หากมีก็จะมีการดำเนินการขั้นต่อไป

สิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมกำลังปฏิบัติต่อแม่ชีคือ ความหวาดกลัวว่าวิธีการสอนแบบแม่ชี (ที่กระทรวงวัฒนธรรมคิดว่าเป็นเรื่องผิด) จะทำให้คำสอนในพุทธศาสนามีอาการผิดเพี้ยนไปด้วย วิธีการเช่นนี้เป็นการพยายามใช้อำนาจผูกขาดการตีความคำสอนมิให้เกิดความหลากหลาย ในขณะที่การตีความคำสอนที่หลากหลายมีความจำเป็นต่อสติปัญญาของชาวพุทธที่มีระดับภูมิธรรมที่สูงต่ำแตกต่างกันไป

 :49: :49: :49:

ประเด็นคือ เราจะยอมรับกันได้หรือไม่ว่า วิธีการสอนธรรมะแบบแม่ชีทศพรนั้นถูกจริตกับวิถีชีวิตคนเมือง จึงมีคนเข้าไปฟังธรรมปฏิบัติธรรมกับท่านมากมาย จนเกิดลูกศิษย์ลูกหาจำนวนไม่น้อย ซึ่งในการวิเคราะห์กรรมแต่ละครั้งเรื่อง ‘ผัวๆ เมียๆ และเรื่องเร้นลับในมุ้ง’ มักจะถูกแม่ชีดึงขึ้นมาพูดท่ามกลางลูกศิษย์ที่นั่งฟังในโรงธรรมอย่างตรงไปตรงมา 

    ‘ประเด็นผัวๆ เมียๆ และเรื่องเร้นลับในมุ้ง’ มักเป็นประเด็นที่ชาวพุทธจำนวนมากคับข้องใจและต้องการคำอธิบาย
    จะปรึกษาพระสงฆ์องค์เจ้ารูปใดก็เป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องเพศ
    มีเพียงแม่ชีทศพรเท่านั้นที่กล้าตอบแบบตรงๆ และชัดเจน
    ซึ่งแม่ชีเองสามารถช่วยให้ชาวพุทธกลุ่มนี้หลุดพ้นจากความคับข้องใจจากประเด็นเรื่องเพศไปได้
    ในขณะที่พระสงฆ์องค์เจ้าอาจทำไม่ได้อย่างนั้น


    ความทุกข์ใจจากเรื่องเพศอันเป็นเรื่องเร้นลับ เมื่อถูกเปิดเผยในพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างเช่นในโรงแสดงธรรมที่ทุกคนเชื่อว่าจะไม่มีใครตัดสินใคร ทุกคนสามารถยอมรับเรื่องราวทำนองนี้ได้โดยมีธรรมาจารย์ที่สามารถ ‘ทายอดีต’ ได้และไว้ใจได้ ก็ย่อมเป็นไปได้ว่าความทุกข์ใจกังวลใจจะถูกทำลายไปในระดับหนึ่ง พร้อมๆ กับความมั่นใจในชีวิตที่ตามมาภายหลัง

 :29: :29: :29:

วิธีการแสดงธรรมะของธรรมาจารย์มีความหลากหลายแตกต่างกันไปตามบุคลิกของอาจารย์แต่ละท่าน เราจะยอมรับกันได้หรือไม่ว่าแม่ชีทศพรเองก็มีบุคลิกและรูปแบบในการแสดงธรรมะและการใช้คำพูดในแบบที่เป็นตัวของเธอเองแตกต่างกับแม่ชีหรือพระสงฆ์ท่านอื่นๆ
     หากเราเข้าใจประเด็นนี้อย่างชัดเจนการสอนธรรมะของแม่ชีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
     หากกระทรวงวัฒนธรรมยังคงตามจี้พฤติกรรมการสอนของแม่ชีอย่างไม่ลดละ
     ก็เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามตามมาว่าแล้วประเด็นอื่นๆ อันเป็นเรื่องเปลือกๆ ในพุทธศาสนาที่ทำให้คนหลงงมงายไม่เข้าถึงพุทธธรรม


     เหตุใดกระทรวงวัฒนธรรมจึงไม่เข้าไปจัดการบ้าง เช่น งานสร้างโบสถ์ปิดทองฝังลูกนิมิตที่จัดขึ้นทุกปี
     ก็ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ของชาวบ้าน การสร้างตะกรุดพระเครื่องที่มอมเมาประชาชน
     การสร้างจตุคามรามเทพยอดฮิตเมื่อหลายปีก่อน ก็สร้างกันเกือบทุกวัด
     ไม่เห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะเข้าไปจัดการอะไรปล่อยให้เป็นพุทธพาณิชย์เกลื่อนเมือง


 :32: :32: :32:

สิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมกระทำกับแม่ชีทศพรในเวลานี้จริงๆ แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับที่กระทรวงวัฒนธรรมกำลังกระทำกับหนังไทยเรื่อง “แมลงในสวนหลังบ้าน” (Insects in the Backyard) ด้วยการห้ามฉาย โดยที่หนังเรื่องดังกล่าวก็เป็นหนังที่พูดถึงประเด็นเรื่องเพศอย่างตรงไปตรงมาไม่ต่างกับวิธีการสอนธรรมะของแม่ชีทศพรที่สอนธรรมะประเด็นเรื่องเพศอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน

กระทรวงวัฒนธรรมทำประหนึ่งว่าชาวพุทธควรฟังธรรมะในรูปแบบใด ไม่ควรฟังธรรมะในรูปแบบใด ราวกับประชาชนชาวพุทธไม่มีสติปัญญาเพียงพอที่จะพิจารณาว่าอะไรถูกอะไรผิด
     ไม่ต่างอะไรกับเด็กอมมือที่ต้องมีองค์กรจากภาครัฐมากำกับดูแลแม้แต่การบริโภคธรรมะ
     เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง “แมลงในสวนหลังบ้าน” กระทรวงวัฒนธรรมก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่กับประชาชนคนไทย (ซึ่งไม่ใช่เด็กๆ) ว่าหนังเรื่องไหนควรดู หนังเรื่องไหนไม่ควรดู
     ในขณะที่ประชาชนคนไทยจำนวนมากต่างก็ไม่ใช่เด็กอมมือ คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างก็มีประสบการณ์เรื่องเพศกันมาแล้วจึงน่าจะมีวิจารณญาณในการรับชมหนังไทยเรื่องนี้และมีสติปัญญารู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

     ดังนั้น กระทรวงวัฒนธรรมควรวางใจและเชื่อมั่นในสติปัญญาของประชาชนคนไทยว่าประชาชนคนไทยสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นเปลือกอะไรเป็นแก่น อะไรเป็นมรรคอะไรเป็นผล อะไรผิดอะไรถูก

 :49: :49: :49:


สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนเพิ่งจะมีโอกาสชมหนังเรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ภาพยนตร์ไทยที่ได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเมืองคานส์เมื่อปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้เดินทางไปฉายทั่วโลก ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจสุดๆ ในฉากสุดท้าย เมื่อพระโต้งตัวละครในภาพยนตร์แก้ผ้าสรงน้ำในห้องน้ำ (นี่เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่มีฉากภิกษุแก้ผ้าอาบน้ำ) หลังจากพระโต้งแก้ผ้าอาบน้ำเสร็จแทนที่พระโต้งจะนุ่งห่มจีวรดังเดิมพระโต้งกลับหยิบเอากางเกงและเสื้อมาสวมใส่แล้วออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับสตรียามค่ำคืน


 ตอนที่หนังเรื่องนี้ออกฉายก็ไม่เห็นมีชาวพุทธกลุ่มไหนออกมาประท้วงว่าหนังเรื่องนี้บ่อนทำลายพุทธศาสนา “ลุงบุญมี” จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของหนังไทยที่ได้รับอนุญาตให้ฉายในราชอาณาจักรถึงแม้จะมีฉากแรงๆ

บางทีเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยก็เพราะองค์กรของภาครัฐตื่นเต้นกันไปเอง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงสักนิด จริงไหมโยม ?

"ระชาย วรธัมโม"


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20110510/97002/วิปัสสนาบนหน้าข่าว“แม่ชีทศพรในสวนหลังบ้านของลุงบุญมี”.html#.Ub5-Ptj0YXF
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ในโลกนี้ มีใครแก้กรรมที่ทำลงไปแล้วได้ พระพุทธเจ้าปรามาสพระปัจเจกพุทธเจ้า ยังต้องลำบาก 6 ปี หากแก้กรรมกันได้อย่างที่แม่ชี พูด ตอบไว้จริง ป่านนี้ บรรดาพุทธบริษัทที่ปรามาสพระรัตนตรัย ก็ไม่ต้องกลัวบาปกรรม สำเร็จธรรมกันเป็นแถว ๆ แล้วครับ

  :49:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กรรมดี ส่วนกรรมดี กรรมชั่ว ส่วนกรรมชั่ว
กุศลกรรมจะรับก่อน หรือ อกุศลกรรมจะรับก่อนอันนี้ตอบได้ยาก

เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และ เบื่อหน่ายต่อสังสารวัฏ

 จำคำสัญชัยปริพาชก พูดกับ อุปปติสสะปริพาชกได้หรือไม่ครับ

   คนโง่ มีจำนวนมากกว่า หรือ คนฉลาดมีจำนวนมากกว่า ลองไปศึกษาการสอนของสัญชัยดูสิครับ จะคล้ายกัน คือนำเรื่องกรรม มาใช้ให้เป็นประโยชน์

   คนส่วนใหญ่จะเห็นว่า มีที่พึ่ง แต่แท้ที่จริงไม่ได้สอนให้พึ่งพระรัตนตรัย จริงอยู่ มีการนำสินทรัพย์ทานออกมาส่งเสริมด้านการภาวนา ก็นับว่ามีอุบายอยู่ครับ

  ผมเคยไปวัด แล้ว หลวงตาท่านทักว่าช่วงนี้ มีเคราะห์ ต้องสะเดาะห์เคราะห์ ด้วยการมาถือศีลกินเจ 7 วันที่วัด ในระหว่างที่อยู่วัดก็มีการสอนภาวนา ( อันนี้เขาเรียกอุบาย )

  แต่วิธีการสอน ด้วย สติปัฏฐาน และกัมมัฏฐานทั้ง 40 นั่นก็สมควรอยู่ แต่ วิธีการที่แม่ชีที่แม่ชี นำออกมาสอนสะเดาะห์เคราะห์กรรมอะไร นั่นผมไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะวิธีการกอดจูบ ลูบคลำ เป็นต้น อันนี้ผมว่า ใช้อุบายผิด

  :bedtime2:
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นด้วย กับ คุณ microne ครับผมว่า ในยุคนี้มีการสอนออกจากแนวทางกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยอุบาย วิธีของผู้สอนที่ ไม่ได้ปฏิบัติได้จริง นี่แหละ

  :49:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การแยกแยะ ออกว่า ธรรมเหล่าใด เหมาะแก่บุคคลระดับใด เหมือนไปวัด

 st11 st12
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

Jiraiya

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ต้องอ่านและฟัง เรื่อง นาง ปปัญจกัลยาณี แล้วจะซึ้ง นะจ๊ะ

  กรรมดี  ส่วนกรรมดี
  กรรมชั่ว ส่วนกรรมชั่ว

  :49:
บันทึกการเข้า
ซาบซึ้ง ถึงใจ ภาวนาเข้มข้น ไม่หวลคืนกลับ ดับแล้ว ดับจริง

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คิดว่า ควบคุม น่าจะเป็นการดี นะคะ
 อย่าลืมว่า น่าจะผ่านการกลั่นกรอง ของ มส. ด้วย นะคะ ความเห็นของ พระมหาเถระ ย่อมมีความสำคัญ

 :88: :49:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
วิบากราษฎ์ร วิบัติรัฐ



          หลักการพร่ำมิติสอง   รัฐเพียงครองคอกรั้วล้อม
เทศน์จารจรผิดเป็นพร้อม   พาลเขลาคร่อมครุเป็นทัณฑ์
     โศกพิไรเกลื่อนกลืนชน   ศาสน์แจงหม่นดุลย์มหันต์   
เนื้อนาแท้มิต้องสรร   ราษฎ์รฤารัฐอันธการ.


                                                                                      ธรรมธวัช.!



http://www.dhammada.net/2012/03/08/13874/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 18, 2013, 06:35:51 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา