ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามจากเมล "รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น"  (อ่าน 2765 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เป็นคำถามจากเมล ที่พอจะนำมาตอบในนี้ได้

ถาม รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น

ตอบ รู้ได้ดั่งนี้ว่า

  ๓๗๑] ความเป็นธรรมอย่างเดียวเหล่านั้นเป็นไฉน ฯ

      ๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน   

             จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน
             เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน
             คือหมั่นสร้างกุศล

      ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต

             จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ
             โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท
             คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น

      ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ   ความเสื่อม

             ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น
             ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก
             มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น

      ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ
           
             จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์
             มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ

      ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย

            ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล
            ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ....

      ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย

            เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ
            เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง   

      ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ
            จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ
            สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น 
         
      ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

            เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา
            คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ

       จิตที่ถึงความเป็นธรรมอย่างเดียวในฐานะ ๑ - ๔ เหล่านี้ ย่อมเป็นจิตที่มีปฏิปทาวิสุทธิผ่องใส เจริญงอกงามด้วยอุเบกขา และถึงความร่าเริงด้วยญาณ ฯ

          ดังนั้นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยสมาธิ จิตย่อมแล่่นไปตามลำดับ ด้วยปฏิปทาข้อ 1 ถึง ข้อที่ 4

          ส่วนข้อนอกนั้นเป็นจิตที่ถึงพร้อมแล้วอย่างยิ่งยวด


     ข้อความจากหนังสือ อานาปานสติปฏิสัมภิทามรรค หน้าที่ 23

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 25, 2011, 02:25:11 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

รักหนอ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +22/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 369
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนากับ พระอาจารย์ คะ นาน ๆ จะได้อ่านพระอาจารย์ โพสต์คะ

 :25:
บันทึกการเข้า

nopporn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน   

             จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน
             เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน
             คือหมั่นสร้างกุศล

      ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต

             จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ
             โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท
             คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น

      ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ   ความเสื่อม

             ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น
             ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก
             มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น

      ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ
           
             จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์
             มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ

      ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย

            ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล
            ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ....

      ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย

            เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ
            เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง   

      ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ
            จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ
            สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น
         
      ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

            เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา
            คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ


น่าเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน เราก็จะไม่รู้จักผลของสมาธิ กันเลยนะคะ


 :c017:


บันทึกการเข้า
อยู่แก๊งค์ ป่วนอ๊บ