ประเพณีเดือนยี่เพง-ประเพณยี่เป็ง
ประเพณีเดือนยี่เพง-ยี่เป็ง คือ ประเพณีในเทศกาลวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ซึ่งแต่เดิมนั้นพิธีสำคัญของเทศกาลนี้อยู่ที่พิธีกรรมตั้งธรรมหลวงหรือฟังเทศน์มหาชาติ ชาว บ้านจะมีการประดับประดาวัดวาอารามบ้านเรือน ด้วยประทีปโคมไฟ โคมระย้า ทำอุบะดอกไม้ไปถวายวัด ทำซุ้มประตูป่าด้วยต้นกล้วย อ้อยก้านมะพร้าว เตรียมข้าวปลาอาหารเป็นพิเศษ เช่น ห่อนึ่ง แกงอ่อม แกงฮังเล ลาบ และขนมต่าง ๆ ไปทำบุญ บางแห่งมีพิธีกวนข้าวมธุปายาสหรือบ้างเรียก ข้าวพระเจ้าหลวง ถวายเป็นพุทธบูชาในตอนเช้ามืดของวันเพ็ญเดือน ๑๒ นี้ ด้วย จากนั้นก็จะมีการทานขันข้าวหรือสำรับอาหารไปถึงบรรพชนคนตาย ถวายอาหารและกัณฑ์เทศน์แด่พระภิกษุสงฆ์ และมีการฟังธรรมมหาชาติตั้งแต่เช้าถึงกลางคืน บางแห่งก็จะมีการสืบชะตาด้วย จะมีการปล่อยโคมลอย เรียกว่า "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" ในช่วงพลบค่ำจะมีการเทศน์ธรรมชื่อ "อานิสงส์ผางประทีส" และชาวบ้านจะมีการจุดประทีสหรือประทีป โคมหูกระต่าย โคมแขวน เป็นพุทธบูชากันทุกครัวเรือนสว่างไสว
ประวัติวันลอยกระทง
เขียนโดย Alex
ลอยกระทง เป็นประเพณีของไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ งานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะ พระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทง เดิมพิธีลอยกระทงเรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม ลอยโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ เพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนา ก็ทำพิธียกโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท
การ ลอยกระทงตามสายน้ำนี้ นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน" ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆบ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่ง บ้าง" ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุดที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคมบนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว
วันลอยกระทง เป็นวันเทศกาลสำคัญ วันหนึ่ง ของคนไทย ซึ่งจะมีขึ้นใน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นช่วงที่อากาศโปร่งใสสบาย และสิ้นสุดฤดูฝนแล้ว นอกจากนี้ ระดับน้ำ ในแม่น้ำ ลำคลอง ทั่วทั้งประเทศ ก็มีระดับสูงด้วย
คำว่า "Loy" ก็คือ "ลอย" และคำว่า "กระทง" นี้ หมายถึง กระทง รูปดอกบัว ทำด้วยใบตอง และในกระทง ส่วนใหญ่ ก็จะใส่ เทียนไข ธูป 3 ดอก ดอกไม้ และ เงินเหรียญ
ความ จริงแล้ว เทศกาลนี้ แต่เดิมเป็น พิธี ทางศาสนาพราหมณ์ ซึ่งประชาชนต้องการแสดง ความขอบคุณต่อเจ้าแม่คงคา ดังนั้น คืนเดือนเพ็ญ ประชาชนจึงจุดเทียนและธูป พร้อมกับ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจึงลอยกระทง
ใน ลำคลอง แม่น้ำ หรือแม้แต่ สระน้ำเล็กๆ เป็นที่เชื่อกันว่า กระทงนี้ จะพาไปซึ่ง บาปและความโชคร้าย ทั้งมวลออกไป นอกจากนี้ การตั้งจิตอธิษฐาน ก็เพื่อปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง แน่นอนที่สุด ช่วงนี้เป็น เวลาแห่ง ความรื่นเริง และ สนุกสนาน เพราะได้ลอยความเศร้าโศกต่างๆ ออกไปแล้ว
เทศกาล ลอยกระทง จะเริ่มในช่วงเย็น เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ประชาชนจาก ทุกสาขาอาชีพ จะนำกระทงของตน ไปยังแม่น้ำ ที่ใกล้ๆ หลังจาก จุดเทียนไข และธูปแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐาน ในสิ่งที่ ตนปรารถนา แล้วจึงค่อยๆ วางกระทงลงในน้ำ แล้วปล่อยให้ กระทงลอยไปจนสุดลูกตา
การประกวด สาวงาม ก็เป็น ส่วนสำคัญของ เทศกาลนี้ เช่นกัน แต่ว่า ในโอกาส เช่นนี้ เราเรียกว่า "ประกวดนางนพมาศ"Aeva Debug: 0.0006 seconds.