ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส มาศึกษาพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ  (อ่าน 2942 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.palungdham.com

๗.พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร เดิมเกิด จังหวัดอุบลราชธานี อุปสมบท พ.ศ. ๒๔๓๔ วัดคำบง (มหานิกาย) จ.อุบลราชธานี ท่านสัญจรจาริกมาด้วยกันสามองค์คือ
๑.พระภิกษุมั่น
๒.พระภิกษุสิงห์ (คนละองค์กับ พระอาจารย์สิงห์)
๓, พระภิกษุจัน มาศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ กับพระสังวรานุวงศ์เถร (เอี่ยม)
จำพรรษาที่วัดพลับหนึ่งพรรษา จบเบื้องต้น ๔ ห้องพระกรรมฐานมัชฌิมา
แบบลำดับ ทั้งสามท่านจบ ปีติ-ยุคล-สุข-อานาปานสติ
ต่อมาพระสังวรานุวงศ์เถร(เอี่ยม) ได้แนะนำฝากตัวให้พระภิกษุมั่น-พระภิกษุสิงห์-พระภิกษุจัน
ไปศึกษาต่อกับ พระอาจารย์เสาร์ กันตะสีโร จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นศิษย์เรียนกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ วัดพลับมาแต่เดิม
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พอศอสองพันสี่ร้อย พระอรหันต์ เต็มบ้านเต็มเมือง  เรียนที่วัดพลับ มรรคผลเกลื่อนเมือง แต่ไม่มีเอ่ยถึงวัดพลับ ไม่มีเอ่ยถึงครูอาจารย์ วัดพลับ ปัจจุบันแทบไม่มีคนรู้จัก กรรมฐานของดี กรรมฐานแห่งมรรคผลพุทธกาล จึงกลายเป็นกรรมฐานไม่มีชือ..........ถ้าหากวิจัย  ก็คือไม่เอ่ย ไม่เผยแผ่ชื่อสํานักเรียน แล้วลูกหลานจะรู้ได้ไงว่าของดีเค้าเรียนกันที่ไหน
           สองมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่ทําให้เสียมรรคเสียผล เกี่ยวกับการให้กรรมฐานของครูอาจารย์
             
          ก็ตัวครูบาอาจารย์ที่บรรลุพระอรหันต์ ท่านก็เรียน ปีติ ยุคคล สุฃ ใช้พุทโธไม่ผูกกับลมหายใจ
            แต่เวลาสอนลูกศิษย์ กลับให้ใช้พุทโธแบบตามลม ไม่ได้ให้เหมือนตัวครูที่เรียนมา
             
          ข้อสังเกตุ......พุทโธไม่ดูลม ตั้งรูปกายลักษณะง่าย  ตั้งสมถะได้ไว เพราะถ้าไม่ตามลม นามกายอีกสี่ส่วน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จึงยังไม่มามากมาย จนคุมไม่ได้ จึงตั้งรูปได้ไว รู้รูปได้ไว แล้วจึงเรียนรัศมี นามกายภายหลัง เพื่อรู้นามต่อ
                      .....ส่วนพุทโธตามลมหายใจเข้าออก ข้อเสีย คือตั้งสมาธิได้ยาก เพราะรูปกาย นามกาย มาพร้อมกันทั้งหมด เรียกว่ายกมาทั้งขันธ์ห้า ข้อเสีย ฟุ้งซ่านงาย เพราะ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาครบ สมาธิตั้งไม่ได้ เพราะรวมยากกว่า กรรมฐานของเก่าที่ครูอาจารย์เคยเรียนมา
           ลําพังท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็เรียนหนึ่งสองสาม  แต่ปล่อยลูกศิษย์ เรียนห้องสี่เลย ทั้งที่ลูกศิษย์ ยังไม่เคยเรียนรู้รูปนาม ในห้องหนึ่งสองสาม
          กรรมฐานเลยเปลี่ยนไปหมด เป็นกําหนดรู้สุขทุกข์บ้าง ตามลมแบบอานาปาบ้าง เหตุก็เพราะจิตกระจายสมาธิก็รวมไม่ได้ .......เพราะกรรมฐานพุทโธตามลม เข้าทีเดียวทั้งรูปและนาม จึงเห็นทุกขมากกว่า ก็เลยกลายเป็น ตามลมบ้างกําหนดทุกข์บ้าง เพราะเข้าทั้งลักษณะรัศมี
            สรุปแล้วตามลมก็กําหนดไม่ได้เพราะจิตฟุ้งซ่านไปด้วยอารมณ์ของนามกาย คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สมาธิจึงไม่ได้
           เมื่อสมาธิไม่ได้ แม้พิจราณาไปก็สัมปยุตธรรมไม่ได้
           ถ้าทําอานาปา ครูอาจารย์จึงให้คุมวิปัสสนานามกายเอาเอง ก็คือคุมความฟุ้งซ่านด้วยตัวเอง

    สรุปก็คือทําได้ แต่ต้องคุมเอง เพราะไม่ได้เป็นไปตามกรรมฐานของเดิม
         เพราะเอาห้องสี่มาสอนเลย ให้กับผู้เรียนใหม่ จึงไม่เหมือนตําราเก่าที่วัดพลับ

        ตามประวัติ์   สมัยก่อนใครไม่มีใบตราตั้งจากพระเจ้าแผ่นดิน ห้ามสอนกรรมฐาน จะมีโทษ
                         แต่ปัจจุบันไม่มี  ไม่มีคุมตัวนี้
                           ก็เลยสอนกันตามแนวทางที่อยากสอนได้ตามสบาย


              ศิษย์วัดพลับ วัดราชสิทธาราม อย่าลืมเอ่ยชื่อวัด  อย่าลืมเอ่ยถึงครูบาอาจารย์ กู้ซักห้าสิบปี ร้อยปี กู้มรรคผล เก็บไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลัง   คิดว่าน่าจะมา
         บอกต่อกันไป
          ไอ้ที่เสียแล้วก็เสียไป
           เราจูน ฟื้นชื่อวัดราชสิทธารามขึ้นมาใหม่
             
            เพื่อถวาย....แด่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ...แด่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน และ พระอาจารย์ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ หมดทั้งจักรภพ

         สําเร็จแล้ว อย่าลืม เอ่ยชื่อครูบาอาจารย์ และ ชื่อ วัดราชสิทธาราม
 
           ถ้าตัวเราได้แล้ว    อย่าลืม ทําการบ้านเอาไว้ให้ลูกหลานของเราได้ใช้

            อีกร้อยปีทํามรรคผลให้เกลื่อนเมืองเหมือนเดิม

            พระพุทธองค์ได้พยากรณ์ไว้แล้วว่า ....หลังกึ่งพุทธกาล  อภิญญาหกจะเกิดมาก  ก็เป็นช่วงนี้ไปนั่นแหละ

                    มาร่วมสร้างศรัทธาเพื่อพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ

                    เพื่อถวายพระสังฆราช ไก่เถื่อน ครูบาอาจารย์ของเราทุกคน
                       
                         
             
         

       
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2013, 02:19:35 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา