สวัสดีค่ะอยากขอคำปรึกษาหรือข้อแนะนำอะไรดีๆหน่อยจากพี่ๆน้าๆค่ะ
คือตอนนี้ดิฉันอายุ23ปีแล้วค่ะตอนนี้ยึดอาชีพค้าขาย
เรื่องมันมีอยู่ว่า....
เมื่อก่อนดิฉันทำงานบริษัทก็เช่าบ้านอยู่กับเพื่อนชื่อ ก. แล้วต่อมาเขาก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนผู้ชายอีกคนต่อมาเราก็เป็นแฟนกันค่ะตอนนี้ก็แต่งงานมีหลักมีฐานแล้วค่ะพอหลังแต่งงานดิฉันก็มายึดอาชีพค้าขายแทนด้วยความรู้สึกที่เรารักงานอิสระมากกว่าเพราะดิฉันก็เคยค้าขายมาแล้ว ต่อมาเพื่อนที่ชื่อ ก. เขาอยากได้รายได้เสริมก็โอเคเราก็ให้เขามาช่วยขายของแล้วกันจะได้รายได้เสริม แต่พออยู่ไปอยู่มาเพื่อนที่ชื่อ ก. เนี่ยค่ะมีอะไรเดือดร้อนอะไรเราก็ช่วยทุกอย่างไม่ว่าเรื่องเงินทอง เวลาจะเข้าไปทำธุระที่ กทม. เขาก็มักจะให้เราขับรถพาไปเสมอ(รถก็รถเราด้วยสิ่)อันนี้เรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว เงินทองที่เคยยืมไปก็ไม่ใช่ว่าจะได้คืนหรอกแต่ก็ยืมประจำ(ของเก่าไม่ใช้ของใหม่มาเรื่อย)ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกคนเคยอยู่ด้วยกันก็ช่วยเหลือกันไป
พอมาวันหนึ่งเราต้องส่งเงินก้อนใหญ่ให้ทางแม่เราใช้ และเพื่อนชื่อ ก. มาขอยืมตังค์ ไอ้เราก็ไม่มีแล้วส่งให้แม่หมดแล้ว ก็คงจะไม่เข้าใจเรา ต่อว่าเราหาว่า "ลืมบุญคุณ" ประมาณว่าจะทวงบุญคุณ เขาก็ว่าไปว่า ได้ดีทุกวันนี้เพราะเขาช่วย(ซะงั้น) ทีจะขอยืมตังค์ก็ยืมไม่ได้ก็ว่าไปต่างๆนานา ทั้งยังลามไปถึงเรื่องแฟนเราอีกว่าที่คบกันได้เพราะเขาแนะนำ ขุดมันขึ้นมาทั้งยวงเลย
เราก็พอเข้าใจไม่ได้เป็นคนลืมบุญคุณใครแต่ช่วยเหลืออะไรมามันก็มากพอแล้วและยังจะเต็มใจช่วยต่อไปถ้าเขาไม่มาพูดให้เสียความรู้สึก (อ๋อที่แท้ก็คิดว่าเราเป็นหนี้บุญคุณเขานั่นเอง) ไอ้เราไม่ได้คิดว่าเป็นการใช้หนี้บุญคุณหรืออะไรเลย ก็แค่คิดว่าเพื่อนกันช่วยกันไป
***************************
ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาพูด(ประมาณว่าทวงบุญคุณ)แล้วเราต้องตอบแทนเขาอีกนานแค่ไหน แล้วของอย่างนี้มันตอบแทนหมดได้ไหม จะได้จบๆกันไป ในเมื่อเขาไม่ได้คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมโลกช่วยเหลือกันไป
ขอคำแนะนำชี้แจงด้วยนะคะ ปวดประสาทมากๆ ถ้าแม่อยู่ด้วยก็จะดีอยู่หรอกจะได้ไม่ต้องเครียดมากขนาดนี้
