ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชงสอบ “พระคึกฤทธิ์” ตัดศีลพระเหลือ 150 ข้อ  (อ่าน 1821 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ชงสอบ “พระคึกฤทธิ์” ตัดศีลพระเหลือ 150 ข้อ

พศ.ชง มส. สอบ “พระคึกฤทธิ์” เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ตัดศีลสงฆ์เหลือ 150 ข้อ จาก 227 ข้อ เผยวัดหนองป่าพง อุบลราชธานี ตัดออกจากวัดสาขาเมื่อปี 2553 ขณะที่ “พระธรรมคุณาภรณ์” วัดปทุมคงคา ชี้ ตัดศีลเหลือ 150 ข้อไม่เหมาะสม ทำให้พระธรรมวินัยขาดความสมบูรณ์

          วันนี้(17 ส.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ พศ.จะนำเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระอธิการคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล หรือ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จังหวัดปทุมธานี เข้าหารือ เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีพุทธศาสนิกชนร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ฮอตไลน์ของพศ. และร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พระอธิการคึกฤทธิ์ มีการตัดศีลปาฏิโมกข์ของพระสงฆ์ตามพระธรรมวินัยที่กำหนดไว้ 227 ข้อ เหลือเพียง 150 ข้อ เท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ได้ส่งผลให้วัดนาป่าพงถูกตัดออกจากการเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ไปเมื่อปี 2553

    นายนพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ได้รับร้องเรียน พศ.ได้แจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ปทุมธานี เพื่อประสานเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบในทันที และล่าสุดได้รับรายงานว่าได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 13ส.ค. ที่ผ่านมา และได้เข้าพบพระอธิการคึกฤทธิ์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งพระอธิการคึกฤทธิ์ก็ยอมรับว่ามีการตัดศีลของพระสงฆ์เหลือเพียง 150 ข้อจริง แต่ยืนยันว่าเป็นการยึดคำสอนตามพระไตรปิฎก ไม่ได้แก้ไขอะไร อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศีลของพระสงฆ์ จึงจำเป็นต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมมส. เพื่อขอให้ตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หรือพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาพิจารณากรณีของพระอธิการคึกฤทธิ์ว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร



    “ในอดีตก็เคยเกิดกรณีที่คล้ายกันนี้มาแล้ว เช่น กรณีของสำนักสันติอโศก ซึ่งทางมหาเถรสมาคมได้มีการพิจารณาแล้วมีมติปกาสนียกรรม ซึ่งหมายความว่าตัดออกจากคณะสงฆ์ไทย และคณะสงฆ์ไทยไม่ให้การยอมรับ ส่วนกรณีของวัดนาป่าพง จะมีการดำเนินการอย่างไร ต้องอยู่ที่ผลการพิจารณาของที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป ”ผอ.พศ.กล่าว     

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำชี้แจงของ พระอธิการคึกฤทธิ์ ต่อเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา และพศจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 13 ส.ค.นั้น พระอธิการคึกฤทธิ์ ชี้แจงว่า ได้แยกส่วนคำแต่งใหม่ กับ คำพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฏกออกจากกัน เพราะไปเจอพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ให้ต่อเติมแต่งคำใหม่ของพระองค์ จึงอยากให้ชาวพุทธได้รู้ว่า ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนล้วนๆ นั้น เป็นอย่างไร โดยไม่มีอรรถกถา คือ คำขยายความ หรือ คำแต่งใหม่ของสาวกเข้าไปปนเหมือนพระไตรปิฏกที่ใช้กันอยู่ และไม่ได้มีอยู่เล่มเดียวทั้งหมด จะมี 33 เล่ม ตามพระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ ที่ใช้กันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ซึ่งไม่ได้มีการดัดแปลงใดๆ

     :25: :25: :25: :25:

    ด้านพระธรรมคุณาภรณ์  (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ.7)  เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา รองเจ้าคณะภาค 7 กล่าวว่า พระพุทธองค์ได้บัญญัติพระธรรมวินัยไว้ 227 ข้อ ซึ่งหลังจากปรินิพพานแล้วเหล่าสาวกจะคงไว้หรือจะตัดให้เหมาะสมก็ได้ แต่ในส่วนฝ่ายเถรวาทนั้น ยึดแบบดั้งเดิมที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัยไว้ 227ข้อโดยไม่มีใครไปตัดออก โดยพระธรรมวินัยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
    พุทธบัญญัติ หมายถึง ข้อห้ามที่พระพุทธองค์ทรงตั้งขึ้น เพื่อป้องกันความประพฤติเสียหาย และวางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดด้วยปรับอาบัติหนักและเบาตามโทษที่ได้กระทำผิด
    ส่วนอภิสมาจาร คือ ขนบธรรมเนียมที่ทรงแต่งตั้งขึ้น เพื่อชักนำความประพฤติของภิกษุสงฆ์ให้ดีงาม เช่น เวลายืนไม่ให้แสดงธรรม ไม่ให้หัวเราะเสียงดัง ฉันข้าวไม่ให้พูด เป็นต้น

    เมื่อรวมพุทธบัญญัติกับอภิสมาจารเข้าด้วยกัน จะเรียกว่า พระธรรมวินัย หากมีการตัดส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป พระธรรมวินัยก็จะไม่มีความสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การที่มีความเข้าใจผิดไปตัดอภิสมาจารออกให้เหลือเพียงพุทธบัญญัติ 150 ข้อ ถือว่า ไม่เหมาะสม เพราะเวลาสวดปาฏิโมกข์พระสงฆ์ก็จะสวด 227 ข้อถึงจะมีความสมบูรณ์ ถือเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/260085/ชงสอบ+“พระคึกฤทธิ์”ตัดศีลพระเหลือ150ข้อ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ชงสอบ “พระคึกฤทธิ์” ตัดศีลพระเหลือ 150 ข้อ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2014, 07:52:47 pm »
0


พระอธิการคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล แห่งวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ไม่มีใครที่ไม่รู้จักท่าน ผมเองได้มีโอกาสไป"มศว"พบเจอและสดับฟังธรรมในแบบฉบับของท่านแล้วต้องอึ้งแลฉงน อึ้งในความที่ท่านนั้นกล่าวเทศน์ให้พิจารณาเห็นถึงความสำคัญของพุทธวจนะ โดยเฉพาะสิกขาบท 150 ข้อ ที่พระพุทธองค์กล่าวบัญญัติไว้ครั้งเมื่อทรงพระชนม์ชีพ แม้จะทรงกล่าวตรัสฝากไว้ครั้งแต่ปลงอายุสังขารจวนจะเสด็จดับขันธ์แก่พระอานนท์ว่าให้ภิกษุสงฆ์ถือเอาพระธรรมวินัยเป็นศาสดาสิกขาบทใดสงฆ์เห็นสมควรจะตัดทอนลงบ้างก็ได้ แต่ในความเป็นจริงสงฆ์หาได้ตัดทอนลงแต่อย่างไรไม่กลับนับเนื่องเอาข้อเสขิยะวัตร 75 (ข้อพึงศึกษาว่า) และ อนิยต 2 ผนวกเข้าทั้งหมดเป็น 227 ในข้างฝ่ายเถรวาทมาจวบกระทั่งทุกวันนี้ แต่ด้วยความที่ท่านพระอธิการคึกฤทธิ์นั้นเดิมเป็นผู้คงแก่เรียนเพียรแต่ศึกษาปฏิเสธทุกตำราคัมภีร์ของสงฆ์เถระทั้งปวงที่มี และไม่นำเอามากล่าวอ้างด้วยเห็นว่าผิดวิปริตจากพุทธวจนะแล้วเทศน์กล่าวสอนศรัทธาญาติธรรมให้เชื่อตามอย่างแบบตนค้นให้เห็นจริงไม่ฟังใคร ซึ่งโดยตามธรรมเนียมพระสายวัดป่านั้นจะถือครูบาอาจารย์อย่างยิ่งยวด แต่ไฉนท่านพระอธิการคึกฤทธิ์เสมือนลืมอาจารย์ซะอย่างนั้น ผมพิจารณาแล้วประหลาดใจอยู่พอสมควร จริงจริงแล้วข้อวัตรปฏิบัติสงฆ์เท่าที่มีก็ประกอบด้วย ปาราชิก 4, สังฆาทิเสส 13, นิสสัคคียะปาจิตตีย์ 30, ปาจิตตีย์ 92, ปาฏิเทสนียะ 4, อธิกรณสมถะ 7, อนิยต 2 และ เสขิยะวัตร 75 สงฆ์จะต้องด้วยอาบัติก็มี ปาราชิก(อาบัติหนักขาดจากความเป็นสงฆ์ทันที), สังฆาทิเสส(อาบัติอย่างกลางต้องปริวาสอยู่กรรม), ปาจิตตีย์, ถุลลัจจัย, ทุกกฏ และ ทุพภาษิต(อาบัติขั้นเบาปลงประจานเสียต่อภิกษุ/สงฆ์ได้) ข้อที่ผมอยากให้สังเกตคือเสขิยะวัตร 75 เดิมเป็นเพียงให้ภิกษุศึกษาว่าเห็นควรหรือไม่แล้วจึงกระทำไม่นับเนื่องในพุทธบัญญัติเป็นเด็ดขาดแต่ครั้งทรงพระชนม์ชีพ หากแต่สงฆ์ปฐมสังคายนานำมาผนวกเนื่องเข้าในสิกขาบทปรับเป็นทุกกฏ ในส่วนที่เป็นเพียงศึกษาว่านั้นให้ใช้กับสามเณรไปซะ ในส่วนของอนิยต 2 นั้นเป็นเพียงแต่ไม่แน่นอนขั้นสงสัยใกล้เคียงเสมือนถูกปรักปรำไม่มีมูลคือต้องรอพยานชี้มูล กรณีอย่างท่านพระอธิการคึกฤทธิ์นั้น ถ้าเป็นอดีตคงแยกนิกายไปอย่างมหายานแต่นี่เป็นเถรวาทจะผิดแผกแปลกไปมากกว่านี้คงยอมให้เป็นไปไม่ได้แล้วนั่นเอง หรือเพื่อนๆเห็นต่างครับ.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2014, 08:14:00 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา