ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สักการะ 4 ยอด“พระพุทธไสยาสน์” ชมความงามพุทธศิลป์ แห่งเมืองกรุงฯ  (อ่าน 4559 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

"พระพุทธไสยาส" วัดโพธิ์ ที่เด่นด้วยลายมงคล 108 ประการที่ฝ่าพระบาท(ภาพ: ททท.)


สักการะ 4 ยอด“พระพุทธไสยาสน์” ชมความงามพุทธศิลป์ แห่งเมืองกรุงฯ
       
       เมื่อได้เห็นพระพุทธไสยาสน์ หรือพระพุทธรูปนอน หรือ “พระนอน” ในภาษาที่คนทั่วไปคุ้นเคยแล้ว เคยนึกแปลกใจหรือเกิดคำถามกันบ้างหรือไม่ว่า
       
       เหตุใด จึงได้เกิดคติการสร้างพระพุทธรูปลักษณะนี้ นอกเหนือจากพระพุทธรูปอิริยาบถ นั่ง ยืน และเดิน (ปางลีลา) หรือทำไมจึงเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร จะใช่อย่างที่คนโบราณบอกไว้หรือไม่ว่า “คนวันอังคารใจร้อน ให้นอนเสียบ้าง จะได้เย็นใจ (เหมือนพระนอน)”
       
       และที่สำคัญ ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่ามีความหลากหลายของพระพุทธไสยาสน์ นั่นคือมีลักษณะที่แปลกและแตกต่างกันออกไป…เหตุใดทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ไขคำตอบบางส่วนมาบอกกล่าว พร้อมกับขันอาสาพาไปชมความงามของ 4 ยอดพระ


        :25: :25: :25: :25: :25:

         คุยเฟื่องเรื่องพระปางไสยาสน์
       
       คติการสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์นั้น ก็เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้รำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งไม่เที่ยง แม้กระทั่งพระพุทธองค์ก็ยังเลี่ยงไม่พ้น
       
       ส่วนที่ว่าทำไมพระพุทธไสยาสน์จึงเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร ก็เพราะตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับสีหไสยาสน์ เสด็จดับขันธปรินิพพานในวันอังคาร จึงถือเอาพระพุทธไสยาสน์เป็นพระประจำวันอังคาร
       
       อีกทั้งในความคุ้นเคยของผู้คนเมื่อได้เห็นพระพุทธไสยาสน์ มักจะเข้าใจว่าเป็นปางปรินิพพานเสียทั้งหมด       
       แต่แท้จริงแล้ว ตามพุทธประวัติมีพระพุทธไสยาสน์ทั้งหมด 9 ปาง เฉพาะในประเทศไทยนั้นนิยมสร้างปางโปรดอสุรินทราหูและปางเสด็จขันธปรินิพพาน ส่วนปางอื่นๆ นั้นมักปรากฏเป็นเพียงภาพวาด
       
       ด้วยเหตุนี้พระพุทธไสยาสน์ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจ ที่ต้องการเสริมสร้างความเจริญทางจิตใจ และความเป็นมงคลให้กับชีวิต ได้เรียนรู้และมีความเข้าใจในพุทธประวัติ ซึ่งพระพุทธไสยาสน์แต่ละองค์ในแต่ละวัดล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและน่าสนใจที่แตกต่างกัน ทั้งประวัติความเป็นมา และลักษณะทางพุทธศิลป์ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์


ลายมงคล 108 ประการที่ปรากฏอย่างเด่นชัด ณ ฝ่าพระบาทพระนอนวัดโพธิ์
   

         สักการะพระบาทมงคล พระพุทธไสยาสน์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ "วัดโพธิ์"
       
       เมื่อเอ่ยถึงพระพุทธไสยาสน์ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ต้องนึกถึง “พระพุทธไสยาส” ที่วัดพระเชตุพนฯ หรือ วัดโพธิ์ เพราะได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่งามเป็นเอกแห่งยุคสมัยรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังงามเป็นเอกในกระบวนการพระขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นพระนอนที่มีขนาดยาวที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นอันดับสามของประเทศไทย (46 เมตร) รองจากพระนอนวัดขุนอินทประมูล(อันดับ 1) จังหวัดอ่างทอง และพระนอนจักรสีห์(อันดับ 2) จังหวัดสิงห์บุรี
       
       “พระพุทธไสยาส” นี้เป็นฝีมือช่างสิบหมู่ ซึ่งหลวงพระองค์เจ้าลดาวัลย์ (กรมหมื่นภูมินทรภักดี) เป็นผู้ทรงกำกับการก่อสร้าง โดยองค์พระเป็นปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ หันพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก พระเศียรสู่ทิศใต้อันเป็นทิศหัวนอน พระบาทสู่ทิศเหนือเป็นปลายตีน ซึ่งตรงตามตำราสีหไสยา เชื่อกันว่าพระพุทธไสยาสนี้เป็นปางโปรดอสุรินทราหู


        st12 st12 st12 st12 st12

       สิ่งที่นับเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสวัดโพธิ์ ก็คือ ลายมงคล 108 ประดับมุกที่พื้นพระบาทของพระไสยาสน์เพื่อให้ถูกต้องตามตำรามหาปุริสลักษณะ คือตามคติอินเดียโบราณเชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือ ฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ซึ่งได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้างแก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักร แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า
       
       ซึ่งพระพุทธรูปในอิริยาบถอื่นนั้นไม่สามารถมองเห็นฝ่าพระบาท นอกจากพระพุทธไสยาสน์ ดังนั้นช่างจึงได้ประดับลายมงคล ด้วยลวดลายศิลปะไทยผสมจีน ซึ่งผสานกันได้อย่างประณีตศิลป์ นับเป็นงานประดับมุกชิ้นเอกในสมัยรัตนโกสินทร์
       
       การได้สักการะพระบาทมงคล 108 ประการพระพุทธไสยาสวัดโพธิ์ เอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสน์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงนับเป็นมงคลแห่งชีวิต ผู้สนใจสามารถเข้าสักการบูชาได้ตลอด ติดต่อสอบถามที่ 0-2221-1969, 0-2224-8499

             
"พระไสยา" วัดบวรนิเวศ พระพุทธไสยาสน์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยที่มีลักษณะงามยิ่ง


         พระพุทธไสยาสน์ศิลา วัดบวรนิเวศ งามล้ำค่าศิลปะสมัยสุโขทัย
       
       ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ดังนั้น การจะหาชมพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยสุโขทัยและยังคงความสมบูรณ์จึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกับพระพุทธไสยาสน์ซึ่งมักไม่ค่อยปรากฏมากนัก แต่ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระพุทธไสยาสน์เก่าแก่และมีความงดงาม นั่นคือ “พระไสยา”
       
       “พระไสยา” เป็นพระศิลาลงรักปิดทอง ปางปรินิพพาน เดิมพระไสยา ประดิษฐานที่วัดพระพายหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรว่ามีลักษณะงามกว่าพระไสยาสน์องค์อื่น จึงโปรดให้อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ ได้ประดิษฐานไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระวิหารเดียวกับพระศาสดา
       
       ว่ากันว่าพระพุทธไสยาสน์นี้มีพุทธศิลป์งดงามยิ่ง ถึงขนาด สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ผู้ออกแบบพระไสยาสน์ที่วัดราชาธิวาส ซึ่งกรมศิลปากรฯ ว่างดงามที่สุดในไทยนั้น ก็มีแรงบันดาลใจต้นแบบมาจากพระไสยา วัดบวรฯ นี้เอง


พระพักตร์ที่แลดูสงบนิ่งทว่าแฝงความอ่อนหวานของ"พระไสยา"
   
        ผู้ที่ได้ชมพระไสยา จะเห็นถึงพระวรกายขณะทอดองค์บรรทมที่ดูอ่อนช้อยคล้ายมีชีวิต พระพักตร์อ่อนหวาน ตามแบบศิลปะสุโขทัย คือตามคติของช่างสุโขทัยนิยมสร้างเป็นพระพุทธศากยโคดม ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่ตรัสรู้แล้ว ลักษณะพระพักตร์จึงดูสงบ ยิ้มน้อยๆ สะท้อนสภาวะแห่งความปีติสุขที่อยู่ภายใน
       
       และจะเห็นว่าชายผ้าสังฆาฎิเป็นแบบเขี้ยวตะขาบที่งดงามอ่อนช้อย เป็นเอกลักษณ์สำคัญของงานช่างศิลป์สมัยสุโขทัย ส่วนที่ด้านหลังเป็นภาพจิตรกรรมต้นสาละคู่อยู่เบื้องพระเศียรและพระบาท รวมทั้งเหล่าภิกษุสาวกที่เข้าเฝ้า ซึ่งตรงกับพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน นอกจากนี้ใต้ฐานพระพุทธไสยาสน์ยังได้บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายกไว้อยู่ด้วย
       
       วัดบวรนิเวศฯ เปิดให้เข้าชมสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในวัด เฉพาะงานเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลตรุษจีน ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ติดต่อเข้าชมล่วงหน้า โทร.0-2281-2831-3

                       
"พระนิพพานทรงญาณ" วัดราชาธิวาส งามด้วยศิลปะกรีก ซึ่งมีลักษณะคล้ายคนจริงๆ


         พระพุทธไสยาสน์ลักษณะคล้ายคนธรรมดา งดงามด้วยลีลาศิลปะกรีกที่วัดราชาฯ
       
       พระพุทธไสยาสน์ที่ได้รับการกล่าวถึงว่ามีความงามโดดเด่นในด้านที่มีลักษณะเหมือนสามัญมนุษย์ที่งามที่สุด ถึงขนาดถ้ามองดูไกล ๆจะเหมือนคนนอนจริง ๆ ซึ่งถือเป็นการผสมผสานอย่างกลมกลืนของรูปแบบทางพุทธศิลป์แบบตะวันออกและลักษณะทางศิลปกรรมแบบตะวันตกอย่างลงตัว
       
       พระพุทธไสยาสน์ที่ว่านั้น คือ “พระนิพพานทรงญาณ” เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริด ปางทรงพระสุบิน ศิลปะประยุกต์แบบกรีก ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกในความงามที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ กล่าวคือพระวรกายคล้ายคนธรรมดา ห่มจีวรที่พลิ้วไหวเป็นริ้วบางเบาคล้ายผ้าจริง พระเนตรหลับพริ้ม แม้กระทั่งลักษณะการวางพระบาท ก็เป็นไปในลักษณะสมจริงเช่นคนหลับทั่วไป แต่ทว่า เป็นอิริยาบถการนอนหลับที่งดงามยิ่ง
       
       พระนิพพานทรงญาณ นับเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย สร้างในรัชกาลที่ 6 โดย "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์เป็นผู้ทรงออกแบบ และพระเทพรจนา (สิน) เป็นผู้ปั้นและหล่อ เนื่องจากเป็นพระประจำวันประสูติในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (พระองค์เจ้าไชยันต์มงคล) ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนวัดราชาธิวาส


จีวรที่พลิ้วไหวเป็นริ้วบางเบาคล้ายผ้าจริงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของพระพุทธไสยาสน์วัดราชา
   
       ปัจจุบันประดิษฐาน ณ ห้องประชุมตึกไชยันต์ โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส ที่ใต้ฐานบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย และที่ผนังกำแพงรอบองค์พระพุทธไสยาสน์ก็เป็นที่บรรจุพระอัฐิเจ้านายและลูกหลานในราชสกุลไชยันต์
       
       นับเป็นสิ่งที่ชาวราชาธิวาสให้ความเคารพสักการบูชา ได้คุ้มครองปกปักรักษา ไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆ ให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ครูอาจารย์และนักเรียนชาวราชาธิวาสเสมอมา เคยมีเหตุการณ์ 2-3 ครั้ง ที่เด็กนักเรียนเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากตึกเรียน แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก


        :25: :25: :25: :25: :25:

       นอกจากนี้ยังมีผู้เลื่อมใสศรัทธาได้อธิษฐานขอให้ประสบผลในสิ่งที่ต้องการ หลังผลการสอบครั้งใดจึงได้เห็นนักเรียนหลายคนวิ่งรอบตึกไชยันต์ บ้างก็นำดอกไม้ พวงมาลัย มาถวายพระนิพพานทรงญาณอยู่เสมอ
       
       พระนิพพานทรงญาณ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสำคัญของชาติ ผู้สนใจจะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ ติดต่อได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ ที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส โทร. 0-2243-2159, 0-2241-5525

                      
"หลวงพ่อนอนหงาย" วัดราชคฤห์ พระพุทธไสยาสน์ปางถวายพระเพลิง ที่มีเพียงแห่งเดียวในไทย


          พระนอนหงายปางถวายพระเพลิง สมัยกรุงธนบุรี หนึ่งเดียวในไทย ที่วัดราชคฤห์
       
       คงจะยังไม่ทราบกันว่า วัดราชคฤห์ เป็นวัดที่ฝังศพทหารเอกผู้กล้าของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นั่นคือพระยาพิชัยดาบหัก ทั้งยังเป็นผู้สร้างพระพุทธไสยาสน์ลักษณะนอนหงายนี้ขึ้น ซึ่งปกติจะหาชมพระนอนหงายได้ยากมาก และยังนับเป็นพระปางถวายพระเพลิงที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย
       
       ตามประวัติเล่าว่า พระยาพิชัยดาบหักได้สร้างพระปางนอนนี้ขึ้น เพื่อเป็นการบำเพ็ญบุญอุทิศกุศลและไถ่บาปให้กับทหารและชาวบ้านที่ได้ฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก


        st11 st11 st11 st11 st11

       พระพุทธรูปปางนอนหงาย หรือที่ชาวบ้าน เรียก “หลวงพ่อนอนหงาย” นั้นประดิษฐานอยู่ภายในวิหารเล็ก เป็นพระปางถวายพระเพลิง ที่เบื้องปลายพระบาทนั้นมีพระสาวก คือ พระมหากัสสปะนั่งประนมมือ โดยในพุทธประวัติมีกล่าวไว้ว่า หลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว ได้นำผ้าใหม่ซับด้วยสำลี ห่อด้วยผ้าห้าร้อยคู่ แล้วเชิญพระพุทธสรีรศพลง ประดิษฐานในรางเหล็กที่ใส่น้ำมัน ปิดครอบด้วยฝารางเหล็ก
       
       แล้วนำไปตั้งพระพุทธสรีรศพโดยลักษณะนอนหงายไว้บนจิตกาธารหรือเชิงตะกอนที่ทำด้วยไม้หอมล้วนๆ ที่มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา เพื่อทำฌาปนกิจถวายพระเพลิง แล้วจึงได้ทำการประชุมพระเพลิงแต่ปรากฏว่าไฟไม่ติด รอจนพระมหากัสสปเถระเดินทางมาถึง ได้กราบพระพุทธสรีรศพ พอกราบครบ 3 ครั้ง ปรากฏว่าไฟติดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ จึงเรียกพระปางนี้ว่า ปางถวายพระเพลิง


ที่เบื้องปลายพระบาทนั้นคือพระสาวก พระมหากัสสปะ
   
        นับว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่สื่อเรื่องราวในพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธองค์ที่ดีที่สุด
       
       “หลวงพ่อนอนหงาย” นี้ชาวบ้านให้ความเคารพกันมาก เพราะท่านมีความศักดิ์สิทธิ์เมตตา มีผู้มากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาด สังเกตจากดอกไม้ธูปเทียนและผ้าจีวรที่มีผู้นำมาถวาย ท่านจึงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้มีกำลังใจในการทำกิจการต่างๆ
       
       สามารถเข้าชมและสักการบูชา “หลวงพ่อนอนหงาย” ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 06.30 – 18.30 น. โทรศัพท์ 0-2465-2908, 0-2465-4031, 0-2891-4634   
       

        ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

        เป็นเพียง 4 พระพุทธไสยาสน์ ที่มีความงามด้านพุทธศิลป์ในลักษณะปางต่างๆ หลายๆ ครั้งที่ผู้ที่ได้เห็นแต่ไม่ใส่ใจ หรือไม่รู้ว่ามีพระพุทธไสยาสน์ที่น่าสนใจในอีกหลายวัด ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนเกิดจากแรงแห่งศรัทธาความงามตามคติช่างของแต่ละยุค สะท้อนผ่านพุทธศิลป์ของพระพุทธไสยาสน์ ก่อเกิดความเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป
       
       สำหรับผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงศาสนา ได้เรียนรู้และเพลิดเพลินกับการเที่ยววัดในมุมมองใหม่ พร้อมสัมผัสกับความงดงามทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมในวัด โดยเฉพาะพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งแต่ละวัดล้วนแต่มีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้รวบรวมเส้นทางท่องเที่ยวบูชาพระพุทธไสยาสน์จำนวน 10 เส้นทาง เกือบ 40 แห่ง ในหนังสือ “เยือนแดนพุทธศิลป์ เที่ยวถิ่นพระพุทธไสยาสน์” โดยมีจำหน่ายที่ ททท. ร้านหนังสือ SE-ED และ B2S ทุกสาขา ราคาเล่มละ 99 บาท หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 1672


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000059781
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2014, 12:09:33 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


หลวงพ่อไสยางดงามในแบบพุทธศิลป์สุโขทัยต้องบอกตรงตรงเลยว่าไม่มีพุทธศิลป์ยุคใดเทียบเคียงได้ อาณาจักรสุโขทัยเป็นรุ่งอรุณแห่งความสุขแห่งมวลไพร่ฟ้าโดยแท้จึงสะท้อนรูปแบบพุทธศิลป์ได้งามมาก....มาก
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา