:smiley_confused1:จําเเนกได้ย่อย เพียง 2 แบบ........แบบที่1...พระอรหันต์ที่ไม่มี (ฌานสมาบัติ).....แบบนี้ไปด้วยกําลังของวิปัสสนา แบบนี้ มีสมาธิแค่ อุปจารสมาธิ ก็เพียงพอ แบบนี้ส่วนใหญ่จะแตกฉานธรรม มีน้อยที่ไม่แตกฉานธรรม เพราะวิปัสสนา นั้น ใช้กําลังแห่งปัญญา เป็นเครื่องแจ้ง และภาวนาโดยสติ เป็นเครื่องกําหนด รูป และ นาม.........แบบที่2...พระอรหันต์ที่มี (ฌานสมาบัติ)...แบบนี้ไปด้วยกําลังของ สมถะ และ วิปัสสนา (สองส่วน) แบบนี้ มีสมาธิ ถึง อัปปนาสมาธิ แบบนี้ แล้วแต่ กรรมฐานที่ทําหรือปฏิบัติ มีความสามารถทางฤทธิ์ แตกต่างตามกรรมฐาน ที่ได้ปฏิบัติ....การทรงอารมณ์ โสดาปัตติผล ใช้เวลาเสวยอารมณ์ 2-3 วัน จึงรู้ว่าเป็นสมุจเฉทในระดับนี้....การทรงอารมณ์ สกิทาคามิผล ใช้เวลาเสวยอารมณ์ 7-8 วัน จึงรู้ว่าเป็นสมุจเฉทในระดับนี้....การทรงอารมณ์ อนาคามีผล ใช้เวลาเสวยอารมณ์ 20-22 วัน จึงรู้ว่าเป็นสมุจเฉทในระดับนี้...คัดมาลงเพื่อเพิ่ม เติมสัทธาธิกะ เพราะความมีอุบาย ในจิตนั้น แต่ละคนล้วน สร้างได้ต่างกัน แล้วแต่ความฉลาด ในสถานการณ์ ตรงหน้า ในขณะฝึกจริง......ที่มาของเนื้อหา........คําสอน-ตํารา(บูรพาจารย์)