ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?  (อ่าน 4874 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?
« เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 10:29:17 am »
0
คือระหว่าง ปริยัติ  ปฏิบัติ ปฏิเวธ ควรจะสนใจอะไร มากที่สุด

หรือควรตั้ง ฐาน ในธรรม นั้นอย่างไร ?


  ปริยัติ เท่าไหนจึงจะพอ

  ปฏิบัติ ทำอย่างไร

  ปฏิเวธ ควรมีอย่างไร ?


  :smiley_confused1: :c017: :25:
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 08:56:55 pm »
0

ปริยัติและปฏิบัติต้องทำควบคู่กันไปครับ เพื่อขจัดความลังเลสงสัย
 แต่ก่อนอื่นต้องหากัลยาณมิตรเป็นอันดับแรก

 การเรียนปริยัตินั้น การจะบอกว่าเรียนแค่ไหนอย่างไร คงบอกไม่ได้
 หากจะคุยต่อไป ก็คงบอกได้อย่างกว้างๆว่า เบื้องต้นเอาแค่พอปฏิบัติได้

  ในปัจจุบันพุทธบริษัทส่วนใหญ่เป็นบัวใต้น้ำ คงไปเปรียบกับสมัยพุทธกาลไม่ได้
 สมัยนั้นพระจุฬับัณฑก ไม่รู้ปริยัติสักนิดเดียว นั่งลูบผ้าอย่างเดียว ก็บรรลุอรหันต์
 อีกตัวอย่างหนึ่งในสมัยพุทธกาล คือ พระโปฐิละ ภิกษูรูปนี้เชี่ยวชาญปริยัติมาก แต่ปฎิบัติไม่ได้เลย
 เรื่องนี้เป็นบารมีธรรมของแต่ละคนที่ต่างกัน และต่างคนก็สั่งสมกันมาหลายภพหลายชาติ


 เรื่องปริยัตินี้หาบรรทัดฐานอะไรคงลำบาก ต้องปล่อยให้เป็นไปตามจริตและวาสนาของแต่ละคน

  ส่วนการปฏิบัตินั้น ก็ทำตามคำสอนของครูบาอาจารย์ที่นับถือ
 รักชอบท่านไหนก็ไปกราบไหว้เอาเอง ตามอัธยาศัยครับ


 สุดท้ายคือ ปฏิเวธ เป็นผลของการปฏิบัติ เป็นมรรคและผล ใครอยากเป็นอริยบุคคลขั้นไหน ก็ทำเอาเองครับ
หากเอาแค่ปิดประตูอบายภูมิได้ เป็นโสดาบันก็พอ แต่ถ้าอยากไปเที่ยวสุทธาวาส ก็ต้องเป็นอนาคามี
 หากเบื่อเต็มทนแล้ว ไม่อยากท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏนี้อีกต่อไป ก็ต้องเป็นอรหันต์


 ผมคงคุยได้เท่านี้ อยากรู้อะไรที่ยิ่งกว่านี้ ก็ถามมาได้..ขอรับ

  :49:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2011, 10:09:49 pm »
0
ปริยัติ  ปฏิบัติ ปฏิเวธ ควรตั้งฐานในธรรม นั้นอย่างไร ?

        ปริยัติ เท่าไหนจึงจะพอ

        ปฏิบัติ ทำอย่างไร

        ปฏิเวธ ควรมีอย่างไร ?

สำหรับ "พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ" มีหลักแนวทางในการเจริญธรรมภาวนากล่าวได้อย่างนี้ ครับ!

- ธรรมสัปยุต คือ ตั้งมั่นฐานจิต พุท-โธ ไม่เปลี่ยนแปลง
 
- ธรรมสังเวช คือ หยั่งทุกข์ รู้ทุกข์ คลายหลงปลงวาง

- ธรรมสภาวะ คือ ญาณัง นิมิตเกิดรู้ ณ ฐานกายตน

หลักการทั้ง 3 ข้อคือสิ่งที่ผู้ภาวนาต้องเข้าถึง อันเป็นคุณเครื่องหมายที่สุดแห่งวิถีมรรค วิถีผล ของผู้ก้าวล่วงสังสารวัฏฏ์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 16, 2011, 11:21:34 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ลูกเณร-รัตน์

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 31
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2011, 08:43:48 am »
0
อนุโมทนา สาธุ ครับ
ถึงแม้ จะอ่านแล้ว ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ ครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรม 3 อย่างนี้ ควร มุ่งอะไร ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2011, 09:50:07 am »
0
ปริยัติ ควรรู้เท่าที่จำเป็น ครับ ในการฝึกกรรมฐาน ก็ต้องรู้หลายอย่างครับ ไม่ใช่ รู้แต่วิธีปฏิบัติครับ เพราะเมื่อปฏิบัติเข้าไปแล้ว ธรรมสภาวะ ที่เกิดนั้นต้อง รับมือได้ด้วยครับ เช่น

  การแก้อารมณ์ เป็นต้น

  ดังนั้น ปริยัติ การภาวนานั้น ก็ต้องรู้ไว้ก่อนครับ ไม่ใช่รู้แค่ หายใจเข้า พุธ และ หายใจออก เป็น โธ แล้วจะจบนะครับ ยิ่งภาวนาก็จะยิ่งเห็นปัญหา เมื่อเกิดปัญหา แล้วเรียนไม่พอ ก็จะไม่รู้ครับ

  ปริยัติ เป็น คู่มือ

  ปฏิบัติ เป็นการกระทำ

  ปฏิเวธ คือ สิ่งที่ต้องการ


  ยกตัวอย่าง   จะหุงข้าว

   ปริยัติ ก็ต้องรู้วิธี หุงข้าว  ต้องเตรียมอะไร หุงด้วย วิธีใด

   ปฏิบัติ เลือกวิธี หุงข้าว นำมาใช้หุงข้าว

         ระหว่างที่หุงข้าว ก็ อาจจะเกิดอุปสรรค เกิดขึ้น ในแบบต่าง ๆ เช่น ถ้าหุงด้วยไฟฟ้า ไฟฟ้าดับทำอย่างไร ต่อ ไป หุงด้วย ฟืน ๆ ไม่พอทำอย่างไร เป็นต้น  นี่ระหว่างที่หุง ก็ต้องแก้ปัญหา ด้วย

   ปฏิเวธ ก็คือ ข้าวสวย ที่พร้อม ทาน พร้อม กิน นำมาวัดว่า ได้สมประสงค์ ของการปฏิบัติหรือไม่ ?

   

   ดังนั้น ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เป็นธรรมที่เนื่อง ซึ่งกันและกัน หาได้แยกออกจากกัน

  ควร  มิ ควร แล้ว แต่ ทุกท่าน ทำความเข้าใจ ครับ

 :08:
บันทึกการเข้า