พิมพ์

[sunee]

เมื่อวานโดน ญาติ บ่้นกันว่า จะสวดมนต์ทำไม ไม่ไปสวดที่วัด สวดที่วัดแล้วก็กลับมาที่บ้านก็ได้ บ้านอยู่ใกล้วัด แค่ 50 เมตร นี้เองพระท่านสวดในโบสถ์ อยู่แล้ว แต่นี้มาสวดอยู่แต่ในบ้าน การสวดมนต์ไม่ใช่วิสัยของชาวบ้าน อย่าทำบ้านให้เป็นวัด  ........ ประมาณนี้ นะคะ โดนบ่นกันอย่างนี้

 ก็เลยอยากถามเพื่อน ๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไร กับการสวดมนต์ ทำวัตรที่บ้าน เช้า เย็น ดิฉันพยายามช่วย หลาน ๆ พี่น้องมาสวดด้วย ก็ไม่ค่อยจะสำเร็จ คะ

   หรือ ว่าการทำวัตรสวดมนต์ เหมาะแต่ พระ คะ

   :'(

[ธุลีธวัช (chai173)]

               

การสวดมนต์ภาวนาเป็นสมบัติเฉพาะบุคคล ซึ่งยากที่หวังใครอื่นจะใส่ใจเข้าใจตามได้ ทุกสัตว์บุคคลล้วนต่างมีวิถีกรรม

ตามแต่วาสนา กรณีอย่างนี้ผมก็มิต่างจากบ้านอื่นนักมักถูกบิดาบ่นกล่าวหาว่าเป็นคนสิ้นคิดสิ้นกระทำน่าห่วงอนาคต ไร้

มิตรหญิงชัง แต่ก็ยังมุมานะกระทำเหตุด้วยเห็นว่าการเจริญมนต์ภาวนาคือ วิถีสงบระงับวางจากโลกธรรม ไม่ข้องไม่แวะ

ไม่ขุ่น ไม่มีไม่ทุกข์ ให้ใจรู้วางว่างยื้อเอาว่าเราของเราใดใด คนส่วนมากเห็นแก่ตัวทั้งคนด้วยกัน ทั้งเทวดา และสัมภเวสี

เมตตาไม่มี กรุณาไม่ให้ มุทิตาไม่เห็น อุเบกขาไม่เป็น นี่แหละคือความจริง โลกไม่ได้งดงามอย่างที่คิด "ทุกวิถีกระทำ

อยู่ที่คิด จิตรับรู้ คู้ขัด(บัลลังก์)จึงถึงซึ้งสงบ ระงับจริง" เจริญมนต์ภาวนาคือวิถีบัณฑิต ครับ.!



http://www.fungdham.com/pray/pray-jaran.html
http://www.watbusaya.org/0Mon9.htm

[NP2706]

การสวดมนต์ไม่ใช่วิสัยของชาวบ้าน อย่าทำบ้านให้เป็นวัด  ........ ประมาณนี้ นะคะ โดนบ่นกันอย่างนี้
หรือ ว่าการทำวัตรสวดมนต์ เหมาะแต่ พระ คะ

 

       ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่บ้านอยู่ใกล้วัด แต่ในการปฏิบัติสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้าเย็น รวมถึงนักปฏิบัติกรรมฐานทำที่บ้าน และประสบการณ์ในการไปถือบวชเนกขัมมะ ก็มีอยู่เป็นประจำตามเวลาที่เอื้ออำนวยในการไปถือบวช  ซึ่งถ้าอธิบายจากความเข้าใจในส่วนตัวหรือประสบการณ์ที่ได้รับมา ก็ถือว่าได้แลกเปลี่ยนในความคิดเห็นของผู้ปฏิบัติ........
       จุดประสงค์ของการสวดมนต์ แต่ละคนอาจจะมีแตกต่างกัน เช่น เพื่อความสงบ เพื่อสร้างกุศลแผ่ไปให้คนอื่นๆ เพื่อสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง และฯลฯ......มากมายตามแต่ละคนที่มีศรัทธาในเรื่องการสวดมนต์
กับความคิดเห็นที่ว่า " การทำวัตรสวดมนต์ เหมาะแต่ พระ ? " จริงหรือ......แม้แต่ในพุทธประวัติยังกล่าวถึงคฤหัสถ์ บุคคลทั่วไปในการทำความเพียรอยู่กับบ้าน ซึ่งมีความนับถือในพระพุทธศาสนา เรียกว่า"พุทธบริษัท" ซึ่งเป็นผู้สืบทอดศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ชาวพุทธศาสนิกชนจะสวดมนต์ภาวนาอยู่กับบ้านเรือนตนเอง และจะเป็นสิ่งที่ดีให้กับบ้านเรือนที่อาศัยในอานิสงฆ์ของผู้ภาวนา รวมถึงเทวดาที่ปกปักษ์รักษาบ้านเรือนของเราเองด้วย.....  
 
      พุทธบริษัท  คือ หมู่ชนที่นับถือพระพุทธศาสนามี ๔ จำพวกคือภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา
      สิกขมานา  แปลว่า "สิกขา" หมายถึง "ศึกษา" เป็นคำเรียกผู้ที่ถือศีล ๖ ข้อก่อนที่จะบวชเป็นภิกษุณีหรือเรียก ว่าสามเณรีก็เรียก
    (ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/สิกขมานา)
      ปัณฑรังคะ แปลว่า  ผู้นุ่งขาวห่มขาว

หน้าที่พุทธบริษัท ๔

          ๑. พุทธบริษัท ๔  ต้องเป็นผู้รู้  เข้าใจ  และสามารถ
ปฏิบัติธรรมได้ถูกต้องตามพระพุทธธรรมคำสอน ๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์
          ๒. พุทธบริษัท ๔  ต้องสามารถ แนะนำ  สั่งสอนผู้อื่น ให้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องตามพระธรรมวินัย ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
          ๓. เมื่อมีผู้ใดกล่าว  ติเตียน  จ้วงจาบ  แสดงคำสอน  ผิดพลาด พุทธบริษัท ๔ ต้องสามารถชี้แจง  แก้ไข  ให้ถูกต้อง
 ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา 

 
 
ผู้สืบทอดในทางศาสนาพุทธ ได้แก่ พุทธบริษัท 4 อันหมายถึง พุทธศาสนิกชน พุทธมามกะ พุทธสาวก อันเป็นกลุ่มผู้ร่วมกันนับถือ ร่วมกันศึกษา และร่วมกันรักษาพุทธศาสนาไว้   

• ผู้นับถือศาสนาพุทธที่ได้บวชเพื่อศึกษา ปฏิบัติตามคำสอน (ธรรม) และคำสั่ง (วินัย) และมีหน้าที่เผยแผ่พระธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระภิกษุสงฆ์ ในกรณีที่เป็นเพศชาย และ พระภิกษุณีสงฆ์ ในกรณีที่เป็นเพศหญิง
• สำหรับผู้บวชที่ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ 20 ปี จะเรียกว่าเป็น สามเณร สำหรับเด็กชาย และ สามเณรีและสิกขมานา (สามเณรีที่ต้องไม่ผิดศีล 6 ข้อตลอด 2 ปี) สำหรับเด็กหญิง ลักษณะการบวชสำหรับภิกษุหรือภิกษุณี จะเรียกเป็นการอุปสมบท สำหรับสามเณรหรือสามเณรีและสิกขมานา จะเรียกเป็นการ บรรพชา
• ส่วนผู้นับถือที่ไม่ได้บวชจะเรียกว่า "ฆราวาส" หรืออุบาสก ในกรณีที่เป็นเพศชาย และอุบาสิกา ในกรณีที่เป็นเพศหญิง

[raponsan]

ภาพจากhttp://www.oknation.net/

  ปล่อยเค้าไปเถิดครับ จิตเค้าไม่เกาะกับบุญกุศล เพราะยังไม่ถึงเวลา
  การสวดมนต์ทำได้ทุกลมหายใจครับ ทำได้ทุกสถานที่ อยู่ที่ใจครับ
  การสวดมนต์เป็นการสาธยายธรรม เปรียบเสมือนการได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

  การชวนคนอื่นมาสวดมนต์เป็นเรื่องดีก็จริง แต่ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย
  ที่สำคัญหากจะให้คนอื่นเห็นชอบ เราควรทำตัวเราให้เป็นตัวอย่างที่ดีเสียก่อน
  การไปใส่ใจธุระของคนอื่นมากไป อาจทำให้จิตของเราไม่ประภัสสร
  จิตที่ผ่องใสของเรา อาจพลิกไปคิดเรื่องอกุศลได้ เราควรใส่ใจเรื่องนี้ก่อน
   

[หมิว]

นางธนัญชานี ได้สวด บท นโม อยู่ตลอดเวลา บทนี้ไม่ได้สาธยายธรรมเป็น การสรรเสริญ คุณธรรมของ พระพุทธเจ้าคะ มนต์บางบทสวดแล้ว เป็นการสวดเพื่อ เสริมกำลังใจ และ ศรัทธา บางบท หลาย ๆ บทก็เป็นการสวดสาธยายธรรม

  ดูเหมือนกับ ตอนที่ เรื่องอะไรจำไม่ได้ สวดมนต์ ต่อชีวิต ให้กับเด็กน้อย

  หรือ เทวดา สวดต่อชีวิต

  ดังนั้นคิดว่า การสวดมนต์เป็น อะไร หลาย ๆ อย่างคะ โดยเฉพาะเรือ่งเสริมกำลังจิต และกำลังใจ
จำได้การสัมปยุตธรรม ลงศูนย์นาภี ก็ใช้ บทพระพุทธคุณ นะคะ

  สรุป คนที่ไม่สวดก็เรื่อง เค้า สิคะ เราสวดของเรา ก็เป็นเรื่องของเรา สวดที่บ้านเป็นกิจลักษณะส่วนตัวเรา ทำห้องพระไว้ต่างหากก็ดีคะ ทุกคนจะได้รู้ว่า เข้าห้องพระแล้ว ก็ภาวนา นะจ๊ะ จะสวด จะนั่ง จะนอนก็ขอให้ภาวนา

  เห็นด้วยคะ ว่า การภาวนาเช่นการสวดมนต์ ไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะที่วัดคะ เพราะเราอยู่ที่บ้าน ก็ภาวนาที่บ้าน ถ้าคิดอย่างนี้ก็จะทำให้เกิดค่านิยมไล่คนภาวนา เข้าไปอยู่ในวัด เดี๋ยวหมู่มาร ก็ได้หัวเราะกันพอดี คะ

  สาธุ สาธุ สาธุ

   

[ธุลีธวัช (chai173)]

มนต์อย่าหม่น

         

     เจริญมนต์เจริญใจ          ยากไฉนปากคำคน
เจริญมนต์ใสใช่หม่น          ธรรมมียลกูของกู

     เจริญมนต์ให้ไสเสือก          ไล่ให้เกลือกวัดยื้ออยู่
เจริญมนต์กายขัดคู้          ใยฤาสูปรามเขลาถาม.



http://watnamprai.igetweb.com/index.php?mo=3&art=346707

[ธุลีธวัช (chai173)]

สติ,สมาธิ,ปัญญา (วิถีสงบแนวรับ)

http://www.youtube.com/watch?v=4zB2jBVe6jg

นภาพิรุณพ่าย          พร่ำบรรยายสรรเสริญคุณ
เอกองค์หนึ่งการุณ          เคืองเขื่องขุ่นอันตรธาน.

                                                                                                                                                             ธรรมธวัช.!

[intro]

สวดไปเถอะ ครับ จะที่ได้ ที่ทำงาน ที่วัด ขอให้ได้สวดเุถอะครับ สวดแล้วได้บุญ สบายใจ ใครไม่สวดก็ ช่างเขาเุถอะ หรือ ช่างหัวมัน ก็ได้ครับ

  เพราะเป้าหมายการเจริญ ภาวนาที่แท้จริง อยู่ที่ตัวเรา ใช่หรือไม่ครับ

   

[ธุลีธวัช (chai173)]

กำลัง,ปัญญา,สมาธิ (วิถีสงบแนวรุกปะทะ)

http://www.youtube.com/watch?v=B-p03mokE8Q

กายไหวใจสงบ          นิ่งสยบศัตรูพ่าย
ย่างเยื้องสง่าผาย          ลีลาร่ายใจเป็นหนึ่ง.

                                                                                                                                                 ธรรมธวัช.!

[Akira]

มวยไท้เก็ก เกี่ยวกับ สวดมนต์ ตรงไหน คุณ ธรรมธวัช

 

[ธุลีธวัช (chai173)]

มวยไท้เก็ก เกี่ยวกับ สวดมนต์ ตรงไหน คุณ ธรรมธวัช

หลากหลายท่านอาจฉงนว่า ผมนำอะไรมาในหน้ากระทู้นี้ หนึ่งคือบทสวดสรรเสริญคุณ ที่ฟังแล้วให้ใจฟูแผ่กว้างระลึกถึงมหากรุณาคุณที่ยิ่งใหญ่อันหาประมาณมิได้ ความฟุ้งซ่านระงับฉับพลันขณะหนึ่ง

หากแต่อีกหนึ่งไท้เก๊กรำมวยหลายท่านไม่เข้าใจหลักการวิถีปราณ เห็นกายไหวเคลื่อนนั้น แท้นิ่งสงบเราแต่สยบเขา แพ้ชนะไม่มีแก่นสาร

ผมดูแล้วกลับรู้สึกสงบและเข้าใจหลักปรัชญาวิถีเซ็นต์ ของท่านสังฆปรินายก (ปรมาจารย์ตั๊กม้อ) หากใครจะค้านวิถีสงบเยื้องนี้ก็สุดแต่วาสนาคนเถอะ


"ตอบจากความรู้สึกของหัวใจ....ที่เข้าใจ"


     อรรถสาระ แก่นแท้ มีเพียงใจ
อย่าซ่านไหว เคืองขุ่น มิรู้ความ
รูปที่เห็น ย่างกราย ดูเหมือนทราม
แท้จริงปราม ปราบจริง ที่ใจตน.

                                                              ธรรมธวัช.!

[Akira]

แสดงว่า คุณ ธรรมธวัช พิจารณาตรงผลที่ทำให้เกิดความสงบ ดังนั้น การสวดมนต์ เป็นการภาวนา เพื่อความสงบ การรำมวยไท้เก็ก ก็คือ ใจที่สงบ ซึ่งเป็นหลักของ ลัทธิ เต๋า ไม่ใช่ของ ปรมาจารย์ตั๊กม้อ นะคะคุณ ธรรมธวัช

   ปรมาจารย์ ตั๊กม้อ ท่านนั่งนิ่ง ๆ หันหน้า เข้าหาฝาผนังถ้ำ ถึง 9 ปี จนกระทั่งมีศิษย์ที่ท่านรอ นั้นมาตัดมือถวายท่านเพื่อเป็นศิษย์ ท่านจึงหยุดนั่ง และออกมาสอนธรรมแก่  ศิษย์ แบบเซ็น ธยาน ฌาน

   ที่นี้วิธีการนี้ ชาวธรรม รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็น วิึึึถีเรียกว่า อนุตรธรรมวิถี ซึ่งมีหลักการ ๆ มอบธรรม อยู่ 3 อย่าง คือ

    1.เปิดประตูจิต รับธรรม นัยว่า ประตูจิต นี้เล็ก เท่ากับ เส้นผมมนุษย์ ผ่ากันเป็น 3 ซี่ แล้วจึงสอดเข้าไป รูนั้นเีรียกว่า ประตูจิต รับธรรม คือ ความสงบ
   2. รับคาถา ประจำตน ซึ่งเอาไว้สวด ใช้งาน เพื่อปัดเป่า ความชัี่วร้าย สิ่งไม่ดี

   3.ลัญจกร คือ ตราประทับ คือความสำเร็จได้รับการรับรอง ว่าผ่านแล้ว ไม่ลงนรก ต่อไปแล้ว สำเร็จเป็นพระริยะบุคคล

    การปล่อยวางจิต ถ้าจำไม่ผิด ในกรรมฐาน มัชฌิมา ที่เคยได้ยินแสดงทาง วิทยุโดยพระอาจารย์ อยู่ สองครั้ง การปล่อยวางจิต เพื่อเริ่มต้นภาวนากรรมฐาน เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้จิตหยุดนิ่ง

    จำได้ว่า พระอาจารย์ เคยกล่าวว่า กายมนุษยไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้ากายมนุษย์ หยุดนิ่งแล้ว ก็คือไม่แก่ ไม่เจ็บ และ ไม่ตาย ถ้ากายหยุดนิ่ง จะเป็นอย่างนั้น การเข้าใจแก่นธรรมกรรมฐานคือการเข้าสู่ภาวะรู้ชัด กาย จิต แยกกันเป็น ส่วน

    อย่างไร ก็ขอคุยเท่านี้ นะคะ กลัวปล่อยไก่ ( มากกว่านี้ )

     

[ธุลีธวัช (chai173)]

การรำมวยไท้เก็ก ก็คือ ใจที่สงบ ซึ่งเป็นหลักของ ลัทธิ เต๋า ไม่ใช่ของ ปรมาจารย์ตั๊กม้อ นะคะคุณ ธรรมธวัช

                                                                     

จางซานฟง หรือ เตียซำฮง เป็นปรมาจารย์ไท่เก๊ก ที่เดิมเป็นศิษย์เส้าหลินเรียนมวยแล้วรี้ออกนอกสำนักมาเป็นเจ้าสำนัก

บู๊ตึ้ง แล้วได้ประยุกต์หลักการของเต๋าเข้ากับวิชาเส้าหลินจึงเป็นตำนานอย่างที่เข้าใจในบทภาพยนต์ หากจะแยกส่วน

หลักการตามอรรถพยัญชนะก็ว่ากันไป สิ่งที่เห็นเป็นเพียงหนึ่งที่กระทบใจแล้วรู้สึกสงบได้อย่างน่าแปลก เพราะมองหลัก

การที่ใจ ใช่แสร้งเฉไฉออกนอกลู่ทางล้างผลาญใดใดไม่ ในฐานะบุรุษอาจมองต่างจากอิตถิ์สตรีที่เห็นเพศพราหมจรรย์

เป็นอุดมเพศที่น่าไขว่คว้าเป็นสุขมากกว่ารักใคร่อ่อนไหวซบไหล่ชายมิอายตัว นี้จึงบอกกล่าวว่าึความยิ่งใหญ่ใดใดใช่หา

เอานอกตัวผัวกู แต่มันอยู่ที่ใจไขว่คว้าหาแก่นสิ่งสรรพใดใดในหล้าล้วนไม่มีให้ ใจนี้เท่านั้นหยั่งได้เป็นสุขเฉพาะตนจริง

ต้องขอโทษที่บังอาจกล่าวชี้ถึงสิ่งซ่านเสพคือความรักหวงแหนยิ่งใหญ่ในความคิดของอิตถิ์สตรีเป็นเพียงภาพลวง

ผู้ชายจึงมีสองประเภท คือ เจ้าชู้มุดคู้ไม่รู้รับผิดชอบหญิงทั้งหลายเป็นเหยื่อประโลมโลกแยกไม่ออกว่าความรักจริงแท้

อย่างไร ชายอีกประเภท คือ เร้นสันโดษไม่หลงละโมบดอกไม้งามทรามเขลาเจ้าชายสิทธัตถะจึงทิ้งพระนางพิมพา



http://board.palungjit.com/f13/%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%8B%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-155284.html
http://www.dhammachak.net/

[ธุลีธวัช (chai173)]

"ศัตราคมสยบนิ่ง"

http://writer.dek-d.com/mengmankod/writer/viewlongc.php?id=592843&chapter=2

[หมิว]

แท้นิ่งสงบเราแต่สยบเขา แพ้ชนะไม่มีแก่นสาร

   ชอบประโยคนี้ คะ......

 

[tasawang]

ปลูกฝัง นิสัยธรรม ครับ การสวดมนต์ จะสวดน้อย หรือ สวดมาก ชักชวนคนได้บ้าง ไม่ไดบ้างครับ เป็นการสะสมบารมีครับ เป็นกุศล

   แต่เมื่อจิตเป็นกุศล แล้ว ก็อย่าให้จิตตกจากฝ่ายกุศล นะครับ

  การชักชวน คนอื่น สร้างกุศลนั้น เป็นวิัสัย ของ พระโพธิสัตว์ ครับ จึงต้องสร้างบารมีครับ

   วิธีการสร้างบารมี ก็ตั้งแต่ระดับ สามัญญะบารมี  เป็น อุปบารมี เป็น ปรมัตถบารมี นะครับ


ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com

[sunee]

ขอบคุณทุกท่าน ที่ชี้แนะนำคะ โดยปกติใจก็คิดอยู่แล้ว ใครจะร่วมด้วยหรือไม่ร่วมดัวย หรือ จะไล่เราไปสวดที่วัด ก็คิดว่า มันก้เรื่องของเรานี่คะ เราไม่ได้ทำบาป จึงไม่กลัวคะ ใครไม่สนใจเราก็สวดของเราไปอย่างเดิมคะ