อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ภิกขุวรรค จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล
               ๑. อรรถกถาอัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตร๑-               
 ๑-บาลีเป็น 
จูฬราหุโลวาทสูตร.                
อัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตร มีบทเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้. 
               ในบทเหล่านั้น บทว่า อมฺพลฏฺฐิกายํ วิหรติ ท่านพระราหุลอยู่ ณ ปราสาทชื่อว่า อัมพลัฏฐิกา คือ เมื่อเขาสร้างย่อส่วนของเรือนตั้งไว้ท้ายพระเวฬุวันวิหาร เพื่อเป็นที่อยู่ของผู้ต้องการความสงัด พระราหุลเจริญปวิเวกอยู่ ณ ปราสาทอันมีชื่ออย่างนี้ว่า อัมพลัฏฐิกา. 
               ชื่อว่าหนามย่อมแหลมตั้งแต่เกิด.  แม้ท่านพระราหุลนี้ก็เหมือนอย่างนั้น เจริญปวิเวกอยู่ ณ ที่นั้น  ครั้งเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษา. 
               บทว่า ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้น คือ เสด็จออกจากผลสมาบัติ. 
               บทว่า อาสนํ คือ ณ ที่นี้ก็มีอาสนะที่ปูลาดไว้เป็นปรกติอยู่แล้ว พระราหุลก็ยังปัดอาสนะนั้นตั้งไว้. 
               บทว่า อุทกาทาเน คือ ภาชนะใส่น้ำ. ปาฐะว่า อุทกาธาเน บ้าง. 
               บทว่า อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกท่านพระราหุล คือตรัสเรียกเพื่อประทานโอวาท. 
               จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาไว้มากแก่พระราหุลเถระ. พระองค์ตรัสสามเณรปัญหาแก่พระเถระไว้เช่นกัน. อนึ่ง พระองค์ตรัส
ราหุลสังยุต มหาราหุโลวาทสูตร จุลลราหุโลวาทสูตร รวมทั้งอัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตรนี้เข้าด้วยกัน. 
               จริงอยู่ ท่านพระราหุลนี้ เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษาทรงจับชายจีวร ทูลขอมรดกกะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระสมณะ ขอได้ทรงประทานมรดกแก่ข้าพระองค์เถิด. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมอบให้แก่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระบวชให้. 
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า  ชื่อว่าเด็กหนุ่มย่อมพูดถ้อยคำที่ควรและไม่ควร เราจะให้โอวาทแก่ราหุล  ดังนี้แล้ว ตรัสเรียกพระราหุลเถระ มีพระพุทธดำรัสว่า ดูก่อนราหุล  ชื่อว่าสามเณรไม่ควรกล่าวติรัจฉานกถา. เธอเมื่อจะกล่าว ควรกล่าวกถาเห็นปานนี้ คือ คำถาม ๑๐ ข้อ การแก้ ๕๕ ข้อ  ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑ ปัญหา ๒ ฯลฯ ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ์ ๑๐ อันพระพุทธเจ้าทั้งปวงไม่ทรงละแล้ว. 
               พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
สามเณรปัญหานี้ว่า เอกนฺนาม กึ อะไรชื่อว่า ๑ สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร ฯลฯ ทส นาม กึ อะไรชื่อว่า ๑๐ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ วุจฺจติ ผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ เรากล่าวว่าเป็นอรหันต์. 
               พระพุทธองค์ทรงดำริต่อไปว่า  ชื่อว่าเด็กหนุ่มย่อมกล่าวเท็จด้วยคำน่ารัก  ย่อมกล่าวสิ่งที่ไม่เห็นว่าเราได้เห็นแล้ว กล่าวสิ่งที่เห็นว่าเราไม่เห็น เราจะให้โอวาทแก่ราหุลนั้น แม้แลดูด้วยตาก็เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย  จึงทรงแสดงอุปมาด้วยภาชนะใส่น้ำ ๔ ก่อน จากนั้นทรงแสดงอุปมาด้วยช้าง ๒ จากนั้นทรงแสดงอุปมาด้วยแว่น ๑  แล้วจึงตรัสพระสูตรนี้. ทรงแสดงการเว้นตัณหาในปัจจัย ๔ การละฉันทราคะในกามคุณ ๕  และความที่อุปนิสัยแห่งกัลยาณมิตรเป็นคุณยิ่งใหญ่ แล้วจึงตรัสราหุลสูตร. เพื่อทรงแสดงว่า ไม่ควรทำฉันทราคะในภพทั้งหลาย ในที่ที่มาแล้วๆ  จึงตรัสราหุลสังยุต. เพื่อทรงแสดงว่า ไม่ควรทำฉันทราคะอันอาศัยเรือน อาศัยอัตภาพว่า เรางาม  วรรณะของเราผ่องใส แล้วจึงตรัสมหาราหุโลวาทสูตร. 
               ในมหาราหุโลวาทสูตรนั้น ไม่ควรกล่าวว่าราหุลสูตร ท่านกล่าวไว้แล้วในกาลนี้. เพราะราหุลสูตรนั้นท่านกล่าวด้วยโอวาทเนืองๆ. ท่านตรัสราหุลสังยุต ตั้งแต่พระราหุลมีพระชนม์ได้ ๗ พรรษาจนถึงเป็นภิกษุยังไม่มีพรรษา. ท่านตรัสมหาราหุโลวาทสูตรในเมื่อพระราหุลเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๑๘ พรรษา ท่านตรัสจุลลราหุโลวาทสูตรในเมื่อพระราหุลเป็นภิกษุได้ครึ่งพรรษา. ท่านตรัสกุมารกปัญหา และอัมพลัฏฐิกรา
หุโลวาทสูตรนี้ ในเมื่อพระราหุลเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษา.                
  |  
  |