- เพ่งกสินนั้นสามารถเจาะจงเพ่งเอาสีเขียวได้เลย
โดยให้เพ่งดูทีละนิดแล้วหลับตาจนจดจำได้เป็นวงกสินแม้หลับตาหรือลืมตา(ไม่ได้เพ่งจนปวดตาแล้วก็หลับนะครับ)
เมื่อเห็นดวงกสินนั้นมีทรงอยู่ได้ ไม่นานแล้วเลือนไป ท่านพระราขพรหมญาณกล่าวว่านี่คือ ขณิกสมาธิ
มันอยู่ทรงอยู่นิดเดียวก็หายไป เริ่มแรกอาศัยความเข้าไประลึกถึงสัญญาในรูปที่เราเพ่งนั้น
จนเมื่อจิตนิ่งเป็นอุปจาระสมาธิแล้ววงกสินนั้นจะปรากฎขึ้นให้เห็นในเบื้องหน้า
เมื่อเข้าสู่อุปจาระสมาธิก็จะกลายเป้นสีเหลือง แล้วก็เป็นวงกสินดวงแก้วสีขาวสว่างไสว

- ส่วนการเพ่งโดยกำหนดทำไว้ในใจหรือดูโดยธรรมชาติในแบบที่ผมเจริญอยู่โดยทำไว้ในใจ
แล้วมองเพิกไปไม่ว่าสิ่งใดๆก็กำหนดเอาเป็นกสิน จนถึง นีลกสินให้หมด การทำแบบนี้แม้ลืมตาเมื่อหัดใหม่ก็สามารถกำหนดได้ดี ซึ่งวิธีอาจจะไม่เหมือนที่ครูบาอาจารย์สอนอาจไม่ตรงตามหลัก นั่นก็ด้วยเหตุที่ว่าผมไม่มีครูสอนกสิน (โดยมากจริตผมขี้เกียจฟังขี้เกียจอ่านมักจะปฏิบัติเพื่อค้นพบโดยตนเองแล้วจึงย้อนกลับไปอ่านของครูบาอาจารยืทั้งหลายว่าผมมาผิดทางไหม หลงทางไหมเพื่อปรับใช้อีกที ผมจึงได้ใช้วิธีนี้ๆเพ่งกำหนดจนเป็นวงกสินโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนมานานมาก แล้วผมพึ่งว่ารู้ตามจริงที่พระราชพรหมญาณสอนเมื่อวันที่ 23/8/57 นี้เอง โดยฟังเทปจากยูทูป) แต่หากเคยถึงฌาณ ๑-๔ แล้ว ก็สามารถกำหนดเพิกมองไปในส่วนต่างๆได้โดยง่าย โดยให้พึงกำหนดตามลำดับของรูปข้างล่างทั้งหมดนี้ตามลำดับ
1. ดูวงใบไม้สีเขียว หรือ วงกสินสีเขียวดังรูปนี้ดดยดูสักพักสบับกับหลับตาระลึกถึงรูปวงกสินสีเขียวนี้ให้ขึ้นใจ
ทำไปเรื่อยๆจนจำได้ขึ้นใจแม้หลับหรือลืมตา



2. เมื่อจำได้ขึ้นใจแล้ว ให้หลับตาแล้วเพิกมองดูไปเบืองหน้าในความมืดนั้น จะเห็นเป็นเงาวงกลมจางๆ
เริ่มแรกอาจจะยังไม่ใช่สีที่เรากำหนดเพ่งดู คือ สีเขียว โดยมันอาจจะเป็นวงกลมดำมืดมีขอบวงกลมจางๆบ้าง
เป็นวงกลมสีน้ำเงินคล้ำมืดหรือจางบ้าง ม่วงบ้าง แดงบ้าง เหลืองบ้าง ขาวบ้างก็ตามแต่
มันจะโยกย้ายแวบไปซ้ายขวา บน ล่าง หรือ โผล่มาอยู่กลางบ้างก็ตาม
ก็ให้เรากำหนดเพ่งที่วงกลมนั้นแหละเป็นวงกสิน เพ่งจนมันกำหนดให้มันหยุดนิ่งตรงกลางเบื้องหน้าไม่เคลื่อนไหวได้

แล้วจากกนั้นก็ให้กำหนดจิตสลับกับระลึกถึงวงกสินสีเขียวที่เราเพ่งจนจำได้ขึ้นใจนั้น
ระลึกสลับไปมากับวงที่เห็นในเบื้องหน้าอย่างนั้น หรือ จะระลึกดึงเอาวงกสินสีเขียวนั้นซ้อนกับวงกลมที่เห็นเบื้องหน้าก็ได้
เมื่อจิตเรานิ่งแล้ว วงกลมที่เราเพิกมองกำหนดเพ่งอยู่เบื้องหน้านั้นจะกลายเป็นวงกสินสีเขียว




- สำหรับกสินหนึ่งที่เพ่งง่ายเห็นไว ทำให้จิตรวมได้ง่ายสำหรับผม คือ อาโลกสิน แล้วเมื่อเห็นวงกสินจนจิตนิ่งดีแล้วเพิกถอยออกมา กำหนดจิตใหม่โดยพึงกำหนดจดจำเอากสินสีเขียวแล้วเพ่ง ที่วงแสงนั้นโดยกำหนดเป็นสีเสียวเมื่อจะลืมตามองไปทางได้ก็พึงกำหนดว่าเขียวๆเราก็จะเห็นเป็นสีเขียวไปหมดเริ่มจากเขียวเล็กน้อยบางส่วนจนเข้าไปเห็นในพื้นที่ส่วนมากเป็นสีเขียว(ผมถึงแค่นี้นะครับ)
1. อาศัยอาโลกะกสินเป็นหลักเพ่งไป โดยอาจจะอาศัยมองดูแสง ดังนี้
1.1 ดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่-ยามเย็นๆ-ตอนทรงกลดเป็นวงรัศมี
กำหนดว่าฉัพพรรณรังสีของพระตถาคตนั้นมีประกายประมาณนี้
ฉัพพรรณรังสีของพระตถาคต ส่องสว่างฉายแสงไปทั่วหมื่นโลกธาตุไปมากกว่าไม่มีประมาณ
(อาศัยโดยมองสักระยะแล้วหลับตา แล้วนึกเอาภาพนั้นๆ)










- 1.2 กำหนดมองดุดวงจันทร์เต็มดวง ก็กำหนดว่า ดวงจันทร์อันสว่างไสวควรยินดีนั้น
คือจิตเดิมอันมีความสว่างไสวปราศจากกิเลสของเรา
(อาศัยโดยมองสักระยะแล้วหลับตา นึงถุึงภาพของดวงจันทร์นั้นแล้วกำหนดว่าเป็นจิตเดิมของเรา)







2. หลับตากำหนดดูวงกสินเพื่อเพ่ง
ซึ่งเมื่อสัญญาจะจดจำวงแสงได้จนนิ่งแล้ว เมื่อหลับตาแล้วเราเพิกมองไปที่เบื้องหน้าหว่างคิ้วจะเห็นเป็นวงกลม
แม้วงกลมนั้นอาจจะจางๆบ้างแต่ต้องกำหนดให้ได้
แล้วก็ให้เราเพ่งเอาวงกลมที่เห็นในความมืดขณะหลับตานั้นแหละเป็นวงกสินดังรูป
2.1 ซึ่งเมื่อเริ่มแรกที่หลับตาเราจะเห็นเป็นวงกลมมีขอบเห็นชัดในที่มืดบ้าง


2.2 เมื่อนานไปเส้นขอบจะจางลงบ้างจนแทบกำหนดไม่ได้แต่ให้เพ่งมองให้เห็นวงนั้นแม้เล็กเท่ารู้เข็มก็ตามแล้วกำหนดเพ่ง
- หากหาไม่เจอจริงๆเพราะเริ่มแรกสัญญายังไม่ลงมั่นในสติทำให้หลงลืมไป เราก็อาจจะอาศัยแสงที่เป็นวงเล็กๆเป็นจุดเพ่ง

2.3 เมื่อกำหนดได้แล้วจะเริ่มเห็นเป็นวงแสงมีขอบวง จากมืดๆจนถึงสว่างจ้าดั่งดวงอาทิตย์ได้


3. เมื่อเพ่งจนจิตแนบเป็นสมาธิกำหนดวงกสินเล็กหรือใหญ่สว่างหรือมืดลงได้แล้วให้กำหนดวงกสินเป็นสีเขียวดังรูป



4. เมื่อกำหนดวงกสินเป็นสีเขียวได้แล้วจนเห็นเป็นวงแสงสีเขีบวได้
ก็ให้พึงกำหนดเป็นดั่งแสงมีเขียวที่สว่างไสวโล่ขึ้นที่สาดส่องไปทั่วอากาศในจักวาลทุกอนู


