ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของ 'สัตว์ศักดิ์สิทธิ์' ในอินเดีย  (อ่าน 4311 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

คนอินเดียทำความเคารพต่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างจริงใจ

เรื่องของวัวกับควายในอินเดีย
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ศ.ดร.ทองโรจน์ อ่อนจันทร์ นักเศรษฐศาสตร์เกษตรอาวุโสของธนาคารโลก ท่านจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าหลังจากที่ประเทศอินเดียได้เอกราชจากอังกฤษแล้ว อาจารย์ฝรั่งของท่านกับทีมนักเศรษฐศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาได้รับเชิญจากรัฐบาลอินเดียให้ไปช่วยศึกษาและให้ข้อแนะนำในเรื่องการแก้ปัญหาความอดอยากยากจนของชาวอินเดียในสมัยนั้นซึ่งหลังการเดินทางสำรวจอยู่ทั่วอินเดียเป็นเวลาร่วม 6 เดือน ทีมนักเศรษฐศาสตร์ก็ได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรียาวหร์ลาล เนรูห์ ที่ทำเนียบรัฐบาล

เนื้อหาของวิธีแก้ปัญหาความอดอยากยากจนของชาวอินเดียของทีมนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันโดยสรุป ก็คือ ต้องแก้ที่วัวครับ เนื่องจากอินเดียมีวัวมากเกินไป แบบว่าเป็นร้อยล้านตัวเลยทีเดียว เดินเพ่นพ่านไปทั่ว ไล่ไม่ได้ด้วย เนื่องจากวัวนั้นถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการเคารพบูชา นัยว่าวัวเป็นพาหนะของพระอิศวร (เรื่องบูชาพาหนะของเทพเจ้าในอินเดียนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดหนูที่เชื่อกันเป็นพาหนะของพระพิฆเนศผู้มีหัวเป็นช้างคนอินเดียก็บูชาหนูเหมือนกัน ไม่เชื่อก็ไปดูได้ที่วิหารคาร์นีมาทา รัฐราชสถาน อินเดีย) บรรดาวัวนับร้อยล้านตัวเหล่านี้ ก็กินธัญพืชเป็นอาหารเป็นจำนวนมหาศาลในปีหนึ่งๆ ซึ่งธัญพืชอันได้แก่ ข้าวนานาชนิด ลูกเดือย ถั่ว งา ซึ่งควรเป็นอาหารของมนุษย์


 :96: :96: :96: :96:

ดังนั้น ถ้าชาวอินเดียฆ่าวัวเสียแล้วกินเนื้อวัว ซึ่งเป็นอาหารที่มีโปรตีนและไม่ต้องปล่อยให้มีวัวออกมาเดินเพ่นพ่านทั่วไปอีกแล้ว ปริมาณธัญพืชที่วัวนับร้อยล้านตัวกินเข้าไปแต่ละปีย่อมเหลือพอให้ชาวอินเดีย พ้นจากความอดอยากยากจนไปได้โดยไม่ยากนัก

ครับ! ผลก็คือ ทีมนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันที่มีอาจารย์ฝรั่งของ ดร.ทองโรจน์อยู่ด้วย เกือบไม่ได้กลับสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีชาวอินเดียเป็นจำนวนมากได้ไปชุมนุมกันที่สนามบินเดลีจะรุมประชาทัณฑ์ทีมนักเศรษฐศาสตร์อเมริกัน ที่มาแนะนำให้พวกเขาฆ่าวัวซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามศาสนาของชาวฮินดูอินเดียที่เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของอินเดีย แต่ทีมนักเศรษฐศาสตร์ก็ได้บินออกจากอินเดียแบบทุลักทุเลเต็มที

 :91: :91: :91: :91:

ประเด็นการคุ้มครองชีวิตวัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของผู้นับถือศาสนาฮินดู และเกือบทุกรัฐมีการจำกัดหรือห้ามการฆ่าวัว ขณะที่ธุรกิจค้าวัวอยู่ในมือของ ชาวมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ และเรื่องนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันระหว่างมุสลิมและฮินดู

แต่ก็น่าสนใจนะครับที่อินเดียกลับเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อสัตว์สำเร็จรูปออกปีละ1.880 ล้านตันนะครับ จัดเป็นประเทศที่ส่งออกเนื้อสัตว์เป็นอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว โดยใน พ.ศ.2555 อินเดียผลิตเนื้อสัตว์สำเร็จรูปได้ถึง 3.643 ล้านตัน โดยใช้บริโภคภายในประเทศ 1.680 ล้านตัน อย่าลืมว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากเป็นที่สองของโลกรองจากอินโดนีเซียเท่านั้น โดยมีประชากรมุสลิมประมาณ 180 ล้านคน แต่เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อควายนะครับ


ควายในอินเดียไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นเนื้อสัตว์สำเร็จรูปส่งออก

คิดดูก็น่าประหลาดใจที่วัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แค่ควายถูกฆ่ากินเฉยเลย เรื่องนี้ผู้เขียนอนุมาน (เดา) เอาเองว่าคงมาจากมหากาพย์รามายณะที่เป็นที่นับถือของพวกฮินดูอินเดีย แล้วบ้านเราเอาแต่งดัดแปลงเป็นเรื่อง "รามเกียรติ์" นั่นแหละ ซึ่งมีตอนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์นี้ คือ...

ตอนทรพี-ทรพา ซึ่งเกี่ยวกับควายนี่แหละครับ คือมียักษ์อยู่ตนหนึ่งชื่อ "นนทกาล" มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูวังสวรรค์ของพระอิศวร (เขาไกรลาส) วันหนึ่งยักษ์นนทกาลเกิดหน้ามืดปลุกปล้ำนางฟ้าคนหนึ่งชื่อ "มาลี" นางฟ้าได้นำเรื่องทูลต่อพระอิศวร พระอิศวรโกรธมากจึงสาปให้ยักษ์นนทกาลไปเกิดเป็นควาย มีนามว่า "ทรพา" และจะต้องถูกสังหารโดยลูกของตัวเอง ผู้มีชื่อว่า "ทรพี" หลังจากนั้นจะพ้นคำสาป

นนทกาลเกิดเป็นควายเผือกชื่อว่าทรพา ก็เลยมีหลายเมีย เพราะตอนเป็นยักษ์ไม่มีเมีย แต่ทรพาก็ยังจำคำสาปของพระอิศวรได้ จึงคอยฆ่าลูกตัวผู้ของตัวเองอยู่เสมอ แต่นางควายเมียของทรพาตัวหนึ่งหนีไปจากฝูงเพื่อไปแอบออกลูกในถ้ำต่างถิ่นเป็นควายตัวผู้สีดำ ควายตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูโดยเทวดา เทวดาได้ตั้งชื่อควายตัวนี้ว่า "ทรพี" ทุกวันทรพีจะวัดขนาดกีบของมัน (วัดรอยเท้านั่นแหละครับ) กับของพ่อ เมื่อใหญ่เท่ากันจึงถือว่าพร้อมที่จะสู้ เมื่อเห็นว่าพอสู้ได้ก็ไปท้าพ่อสู้กัน ในที่สุดทรพาก็ถูกลูกของตนฆ่าตาย


 :25: :25: :25: :25:

มีสำนวนไทยที่เรียกลูกเนรคุณพ่อแม่ว่า "ลูกทรพี" แต่ก็แปลกนะครับ เพราะพ่อทรพาเองก็จ้องฆ่าลูกชายอยู่ทุกตัว คงเป็นเพราะอย่างนี้กระมังที่รัฐมหาราษฎร์ทางภาคตะวันตกเป็นรัฐแรกในอินเดียที่ประกาศใช้กฎหมายห้ามการครอบครองและซื้อขายวัวและห้ามรับประทานเนื้อวัว และผู้ฝ่าฝืนอาจได้รับโทษจำคุกถึง 5 ปี และปรับอีก 10,000 รูปี หรือราว 5,000 บาท ทำให้ต่อจากนี้มีเพียงควายที่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าและนำเนื้อมาบริโภคได้

วัวกับควายในอินเดียนี่ดูตามสถานภาพแล้วยังกับวัวเป็นวรรณะพราหมณ์ ส่วนควายนี่ดูออกจะเป็นพวกจัณฑาล (ดาลิต) นอกวรรณะไปเลยทีเดียว


มติชนรายวัน วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429688314
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เรื่องของ 'สัตว์ศักดิ์สิทธิ์' ในอินเดีย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 12:51:24 pm »
0
 :smiley_confused1:

พระศิวะ (อิศวร) ขี่โค โคจึงศักดิ์สิทธิ์
พระอังคาร ขี่กระบือ ศักดิ์ต่างกันชัดเยื่องนี้ โค จึงได้พ่วงเป็นเทพ กระบือ จึงต่ำตกไปตามกรรม
เสมือนคน คนดังนำทำอะไรก็ดูดี มีคนตาม ฮิต เท่ห์ บ้ากันไปก็อย่างนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2015, 12:55:12 pm โดย ธุลีธวัช (chai173) »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา