ซากโบราณสถาน รอยอดีตอันรุ่งโรจน์ของวัดเชตวัน
วัดเชตวัน
“วัดพระเชตวันวรมหาวิหาร”หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า“วัดเชตวัน” ในสมัยพุทธกาลวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุด(สูง 7 ชั้น) และเป็นมีความสำคัญที่สุด เนื่องจากพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับจำพรรษาอยู่ถึง 19 พรรษา ทำให้มีเรื่องราวสำคัญๆต่างเกิดขึ้นที่วัดแห่งนี้มากมาย
วัดเชตวัน เป็นวัดที่มหาอุบาสก อนาถบิณฑิกเศรษฐี สร้างถวายแด่พระพุทธองค์ด้วยความศรัทธายิ่ง ตามตำนานในพุทธประวัติได้กล่าวเอาไว้ว่าเส้นทางเดินตามรอยธรรมแห่งพระพุทธองค์ในวัดเชตวัน
...มหาเศรษฐีแห่งกรุงสาวัตถีชื่อ“สุทัตต์” ผู้ใจบุญ ได้ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารและบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนอนาถาผู้ยากไร้อยู่เสมอ จึงได้รับการเรียกขานให้เป็น “อนาถบิณฑิกเศรษฐี” ที่แปลว่าเศรษฐีผู้มีก้อนข้าวเพื่อคนอนาถา
ครั้งหนึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้เดินทางไปค้าขายที่กรุงราชคฤห์และได้พบกับพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังธรรมจากพระบรมศาสดา เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธธรรมอย่างยิ่ง จึงได้ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จไปประทับจำพรรษาที่กรุงสาวัตถี โดยอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ขอซื้อพื้นที่ป่าไม้ของ “อุทยานเชตวัน”(สวนเจ้าเชต) จาก“เจ้าชายเชต” พระญาติของพระเจ้าปเสนทิโกศลวัดเชตวัน อีกหนึ่งแดนธรรมแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา
เจ้าชายเชตแม้ไม่เต็มใจ แต่ก็พูดอย่างเสียไม่ได้ว่า ถ้าท่านเศรษฐีสามารถนำเหรียญกหาปณะ(บางตำนานว่าเป็นเหรียญเงิน บางตำนานว่าเป็นเหรียญทอง โดย 1 กหาปณะ เท่ากับ 1 ตำลึง หรือ 4 บาท) มาวางเต็มพื้นที่ที่จะสร้างวัดจึงจะขายที่ให้
อนาถบิณฑิกเศรษฐีเมื่อได้ฟังก็ดีใจ จึงนำเหรียญกหาปณะมาวางเกือบเต็มพื้นที่ เหลือเพียงพื้นที่บางส่วน สุดท้ายเจ้าชายเชตเห็นถึงพลังอันศรัทธาอย่างแรงกล้าของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงยอมลดราคาขายที่ให้ เป็นเงินเท่ากับ 18 โกฏิกหปาณะ(1 โกฏิ เท่ากับ 10 ล้าน)วัดเชตวัน อีกหนึ่งแดนธรรมแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา
หลังจากนั้นอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ใช้เงินอีก 18 โกฏิกหปาณะ สร้างมหาวิหาร และเงินอีก 18 โกฏิกหปาณะ ทำการเฉลิมฉลอง รวมแล้วอนาถบิณฑิกเศรษฐีใช้เงินในการสร้างอารามที่กรุงสาวัตถีไปทั้งสิ้น 54 โกฏิกหปาณะ พร้อมทั้งได้ตั้งชื่ออารามแห่งนี้ตามชื่อเจ้าของว่า “วัดพระเชตวันวรมหาวิหาร”...
รอยอดีตแห่งมหาศรัทธาวัดเชตวัน อีกหนึ่งแดนธรรมแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา
หลังผ่านความเจริญรุ่งโรจน์เป็นอย่างยิ่งในสมัยพุทธกาล หลังจากนั้นในยุคต่อมาวัดเชตวันก็ถึงกาลล่มสลาย เมื่อถูกกลุ่มคนในศาสนาอื่นรุกรานทำลายหมดสิ้นในราวปี พ.ศ. 1671
ปัจจุบันวัดเชตวัน ได้รับการบูรณะฟื้นฟูให้เป็นหนึ่งในโบราณสถาน(พุทธสถาน)สำคัญแห่งเมืองสาวัตถี ที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่า 90 ไร่ ภายในเขตโบราณสถานวัดเชตะวัน(ที่มีเจ้าลิงจ๋อปรากฏอยู่ในหลายจุดของวัด) แบ่งเป็น(ซาก)อาคาร และกลุ่มอาคารต่างๆ ที่สำคัญๆก็มีวัดเชตวัน อีกหนึ่งแดนธรรมแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนา
-“กเรริกกุฎิ”(กะ-เร-ริ-กะ-กุด-ติ) ที่เปรียบได้กับพระอุโบสถ เป็นที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้โอวาทแด่พระภิกษุ(ผู้บริสุทธิ์)
-“แท่นแสดงธรรมและห้องฟังธรรม” ของพุทธอุบาสก-อุบาสิกา ซึ่งในสมัยพุทธกาลเจ้าพระพุทธเจ้าจะเทศน์แยกกันระหว่างฆราวาสกับบรรพชิตซากโบราณสถาน รอยอดีตอันรุ่งโรจน์ของวัดเชตวัน
-“เจดีย์อรหันต์ 8 ทิศ” มีลักษณะเป็นซากเจดีย์ทรงกลม
-“ธรรมราธิการ” หรือสถานที่ตัดสินคดีความเปรียบได้ดังศาล(มี 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้น-ศาลฎีกา) ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นพระประธาน ร่วมด้วยคณะลูกขุนที่เป็นพระอัครสาวก พระเถระ พระอรหันต์ และอุบาสก-อุบาสิกา ผู้บรรลุโสดาบัน เมื่อตัดสินคดีความสิ้นสุดจะโยนคำตัดสินลงบ่อบาดาลเพื่อไม่ให้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีกปิดทองที่กุฏิพระสวลี
-“กลุ่มกุฏิสำคัญ” ของพระอัครสาวก พระอรหันต์ พระเถระ บุคคลสำคัญอันได้แก่ กุฎีพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอนุรุทธ องคุลีมาล และกุฎีพระสิวลีที่อยู่แยกตัวไปไม่ไกล “พระสิวลี”ได้ชื่อว่าเป็นพระแห่งโชคลาภ จึงมีผู้คนนิยมนำทองคำเปลวมาปิดที่ซากอาคารกุฏิของท่าน เพื่อขอในโชคลาภกันเป็นจำนวนมากอานันทโพธิ์ ยืนต้นเด่นตระหง่านมากว่า 2,500 ปีที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
นอกจากนี้ภายในวัดเชตวันยังมี 2 จุดไฮไลท์สำคัญ คือ “อานันทโพธิ์” และ “พระมูลคันธกุฏี”
อานันทโพธิ์ หรือ “ต้นโพธิ์พระอานนท์” เป็นต้นโพธิ์ที่พระอานนท์ได้เป็นผู้ดำเนินการปลูก เพื่อเป็นดังสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ดร.มหาน้อย นั่งบรรยายใต้ต้นอานันทโพธิ์
โพธิ์ต้นนี้เป็นหน่อเดียวกับ“ต้นโพธิ์ตรัสรู้”ที่พระพุทธองค์ได้ประทับนั่งตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ที่“พุทธคยา” โดยพระโมคคัลละได้นำจีวรไปรับลูกโพธิ์สุกของต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่ยังหล่นไม่ถึงพื้นมาถวายแด่พระอานนท์ แล้วพระอานนท์ได้ถวายให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงปลูก แต่พระเจ้าเจ้าปเสนทิโกศลได้ส่งต่อให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีปลูกอีกที พร้อมกับดำริว่า ความเป็นพระราชามิได้ดำรงคงอยู่ตลอดไป
ตามตำนานเล่าว่า เมื่ออนาถบิณฑิกเศรษฐีวางเมล็ดโพธิ์ลงในหลุม ลูกโพธิ์ก็งอกเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ในทันทีใบโพธิ์อ่อน หน่อเนื้อที่สืบทอดมาจากต้นโพธิ์ตรัสรู้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ปัจจุบันอานันทโพธิ์ เป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ที่ยังหลงเหลืออยู่รอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางไปสักการะโพธิ์โบราณต้นนี้ บ้างก็ไปกราบไหว้ บูชา สวดมนต์ นั่งสมาธิ วิปัสสนา ใต้ต้นอานันทโพธิ์ กันเป็นจำนวนมากศรัทธา สงบ เยือกเย็น ใต้ร่มอานันทโพธิ์
อานันทโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสยายร่มรื่น แม้จะแผ่กิ่งก้านสาขาแผ่สายร่มรื่น แต่ใต้ต้นโพธิ์กลับไม่มีใบโพธิ์ร่วงหล่นเกลื่อนกลาดให้เห็น เนื่องจากใบโพธิ์ กิ่งโพธิ์ ที่ร่วงหล่นมาจากต้น จะถูกผู้คนที่มาที่นี่เก็บไปบูชา รวมถึงมีคนในพื้นที่คอยเก็บใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นขายให้กับนักท่องเที่ยว ใบโพธิ์บางใบ เมื่อปลิดขั้วปลิวหล่นจากต้นยังไม่ทันจะถึงพื้นด้วยซ้ำก็มีผู้ไปรอรับเก็บใบกันกลางอากาศแล้ว
ตัวผมเองเมื่อมีโอกาสได้ไปยืนอยู่ใต้อานันทโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสยายร่มรื่น เราก็รู้สึกร่มเย็นและสงบนิ่งขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่แดดภายนอกยังคงร้อนเปรี้ยงอยู่ศรัทธาจากชาวพุทธที่มีต่อพระมูลคันธกุฏี
จากอานันทโพธิ์ มาปิดท้ายกันที่อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือ “พระมูลคันธกุฏี” อันเป็นกุฏิที่ประทับของพระพุทธเจ้า ซึ่งในตำนานพุทธประวัติระบุว่า เป็นสถานที่ต้นกำเนิด “มงคลสูตร 38 ประการ” ที่พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมอันเป็นมงคลสูงสุดแก่เทวดาและปวงมนุษย์ทั้งหลายศรัทธาจากชาวพุทธที่มีต่อพระมูลคันธกุฏี
พระมูลคันธกุฏี เป็นซากมหากุฏิที่ประทับของพระพุทธองค์ ตั้งอยู่ในบริเวณกลุ่มกุฏิ 4 หลัง 3 ฤดู ด้านหน้าพระมูลคันธกุฏีมีเจดีย์ทรงกลมเล็กๆ 7 ชั้นตั้งอยู่ ซึ่งวันนี้ถูกปิดทองเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งองค์ เช่นเดียวกับบนฐานพระมูลคันธกุฏีที่ถูกปิดทองเหลืองอร่ามในหลายจุดด้วยกันศรัทธาจากชาวพุทธที่มีต่อพระมูลคันธกุฏี
ขณะที่พระมูลคันธกุฏีวันนี้แม้จะเหลือเพียงแต่ซากอาคารอิฐเก่า แต่ว่าก็มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมากราบไหว้สักการบูชากันไม่ได้ขาด แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งศรัทธาที่มีต่อวัดเชตวันแห่งนี้ศรัทธาจากชาวพุทธที่มีต่อวัดเชตวัน
วันนี้แม้วัดพระเชตวันวรมหาวิหาร หรือวัดเชตวันแห่งเมืองสาวัตถี จะเสื่อมสลายหลงเหลือไว้แค่เพียง ซากอาคาร กองอิฐ มูลดิน แต่รอยอดีตของวัดแห่งนี้ยังคงทิ้งเรื่องราวอันวิจิตรเพริศแพร้ว ไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงพลังจากมหาศรัทธาอันยิ่งใหญ่ ซึ่งนักแสวงบุญจากทั่วโลกต่างเดินทางมาตามรอยพระพุทธเจ้า ให้ธรรมะขัดเกลาจิตใจอันนำไปสู่การตื่นรู้เป็นผู้เบิกบานตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดา
...สรรพสิ่งต่างๆในโลกหล้า แม้มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่คำสอนของพระพุทธองค์ยังคงจริงแท้ และดำรงคงอยู่อย่างจีรังยั่งยืนตลอดไป...เพื่อนร่วมโลกที่อยู่ร่วมกันในวัดเชตวัน
เมืองสาวัตถีนอกจากจะมีวัดพระเชตวันวรมหาวิหารเป็นไฮไลท์สำคัญแล้ว เมืองนี้ยังมีพุทธสถานที่สำคัญๆอีกได้แก่ สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี บ้านเกิดขององคุลีมาล(บ้านปุโรหิตย์บิดาองคุลีมาล) และวัดไทยเชตะวันมหาวิหาร (ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อไป)
สำหรับการเดินทาง “ตามรอยพระพุทธเจ้า : อินเดีย-เนปาล : ลัคเนา-สาวัตถี-ลุมพินี-กุสินารา-ลัคเนา” จากเมืองไทยบินตรงสู่เมือง “ลัคเนา” เมืองหลวงแห่งรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆเป็นวงรอบขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000036268