ประวัติมะม่วง
มะม่วง เดิมมีชื่อเรียกทั่วไปว่า มะม่วง, มะม่วงสวน และมะม่วงบ้าน
ชื่อสามัญ เรียกว่า แมงโก (Mango)
ชื่อในภาษาสันสกฤต เรียกว่า อัมรา (Amra) อัมพะ (Amba) ฯลฯ
ชื่อพฤกษาศาสตร์ เรียกว่า แมนกิเฟรา อินดิคา (Mangiferalndica,Linn.)
อยู่ในตระกูล Anacardiaceae
ถิ่นกำเนิด เป็นผลไม้ที่อยู่ในเขตร้อนของประเทศอินเดียและพม่า มะม่วงในประเทศไทยจักเป็นผลไม้ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย จนเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญ และนอกจากนั้นเมืองไทยก็ยังมีผลไม้เศรษฐกิจอีกมากมายหลากหลายพันธุ์ เช่น ทุเรียน เงาะ ส้ม มังคุด องุ่น เป็นต้น
มะม่วงตามทำเนียบต้นไม้ของกรมป่าไม้จัดได้ว่าเป็นต้นไม้จากต่างประเทศ แต่ คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นไม้ดั้งเดิมของไทยซึ่งความจริงแล้วมะม่วงมีถิ่น กำเนิดมาจากประเทศอินเดียและพม่าและ ได้เข้ามาเป็น ที่นิยมในประเทศไทยเมื่อหลายร้อยปีก่อนจึงทำให้กลายเป็นไม้พื้นเมืองไปส่วน ในประเทศอินเดียที่เป็นถิ่นกำเนิดถือว่ามะม่วง เป็นผลไม ้โบราณที่สุดของอินเดียหรือเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ประจำชาติอินเดียเลยก็ว่า ได้มะม่วงมีความสำคัญต่อศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์เป็นอย่างมากอย่างเช่น นิยายโบราณของฮินดูเล่ากันว่า
พระประชาบดีเสกสรรค์ขึ้นมาส่วนกาพย์ในภาษาสันสกฤตก็เต็มไปด้วยการยกย่อง สรรเสริญดอก ผล ต้น และพุ่มที่งดงามให้เป็นภาพศิลป์อย่างดีเลิศและเป็นกาพย์ที่แสดงความรู้สึก ที่เป็นอมตะซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัญนี้ ชาวฮินดูยังใช้ส่วนต่างๆ ของมะม่วงในพิธีบูชา และบวงสรวงเทพเจ้า เช่น ดอกมะม่วง ในฤดูแรกสามารถนำมาบวงสรวงพระสุรัสวดี และในเดือนต่อมาก็จะบวงสรวงแด่พระศิวะซึ่งพู่ของยอดมะม่วงจะนำมาใช้ในพิธี และการบวงสรวงเทพเจ้าเช่นกันกิ่งมะม่วงแห้งใช้โหมกรรมพิธีกองกูณฑ์บูชา เทพเจ้าส่วนหมู่ต้นมะม่วงก็เป็นที่ประทับของ พระพุทธเจ้าซึ่ง นางอัมพปาลี (อัมดาราริกา) ได้เป็นผู้ถวายสวนมะม่วงแด่พระพุทธเจ้า และต่อมาพระพุทธเจ้าก็ได้แสดงยมกปาฏิหาริย์ที่ต้นมะม่วงแห่งนั้น (ต้นรามพฤกษ)
ที่มา
http://www.paktho.ac.th/student/m62549/jarunee/mes2.html
การตั้งชื่อของมะม่วง
ในภาษาสันสกฤตจะใช้คำว่า อัมรา (Amra) ซึ่งนับว่าเป็นมงคลนาม และเป็นเครื่องหมายประกอบความดี หรือในทางอิทพลต่างๆ เช่น ต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมทำนองเดียวกับมะม่วงก็จะใช้คำว่า “Amra Gandhaka” ซึ่งหมายความว่า “กลิ่นหอมของมะม่วง”และชายหญิงชั้นสุงของชาวฮินดูก็มักจะนำชื่อมาประกอบ เช่น นางหญิงสาว ผู้ถวายสวนมะม่วงแด่พระพุทธเจ้าก็ใช้นามว่า อัมดาราริกา แต่ตามพุทธประวัติใช้ว่า นางอัมพปาลี และในวรรณคดีของอินเดียหลายเรื่องได้มีการกล่าวถึงมะม่วง เช่น เรื่องเมฆทูต (Meghaduta) ของการิททาส ซึ่งเป็นนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย
มะม่วงมีปลูกในอินเดียมาก ในสมัยที่กำลังเจริญด้วยวัฒนธรรม
ดังจะเห็นได้ว่าบนสถูปของพระพุทธศาสนา ก็ปลูกมะม่วงไว้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อโมกุลเข้าครอบครองอินเดีย มะม่วงได้รับการยกย่องเป็นต้นไม้ในพระบรมราชาอุปถัมภ์ และใน ค.ศ. 1556-1605 อัคบาร์มหาราช ซึ่งหลงใหลมะม่วงที่สุด ถึงกับให้ปลูกมะมม่วงพันธุ์ลัคบา ซึ่งถือว่าดีที่สุดในสมัยนั้นไว้ในสวนใหญ่ใกล ้ดาระภังค์ เป็นจำนวน 100,000 ต้นซึ่งแสดงให้เห็นว่า มะม่วงเป็นผลไม้ที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น
ประเทศไทยนั้นได้นำมะม่วงมาปลูกขึ้นเมื่อไรและใครเป็นผู้นำมาปลูกก็ยังไม่ ปรากฏชัดเจนนัก ซึ่งได้มีการสันนิฐานไว้ 2 ทาง คือ ประเทศอินเดียและไทยได้ทำการติดต่อทางการค้าและทางวัฒนธรรมมาอย่างช้านาน และพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ส่วนมากก็นำก็นำมาจากประเทศอินเดียหรือมิฉะนั้นก็คงนำเข้ามาพร้อมๆ กับการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดียเข้าสู่ประเทศไทยจนถือได้ว่าเป็น ผลไม้พื้นเมืองของไทย แอล บี ซิงห์ ( L.B Singh) กล่าวไว้ว่าในมินดาเนาของประเทศฟิลิปปินส์ได้นำพันธุ์มะม่วงจากประเทศไทยไป ปลูกใน ค.ศ. 1600-1650
มะม่วงนั้นเป็นผลไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด และปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย ดินที่เหมาะสมสำหรับมะม่วง คือ ดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรดด่างของดิน(pH) ไม่เกิน 7. 5และสามารถปลูกในที่แห้งแล้งจนถึงในที่ที่มีฝนตกชุกประมาณ 190 – 205 เซนติเมตรต่อปีในประจุบันมะม่วงไทยเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมของชาวต่าง ประเทศมาก และประเทศไทยยังสามารถส่งมะม่วงพันธุ์หนังกลางวันไปจำหน่ายยังตลาดญี่ปุ่น ได้ถึงแม้เป็นเพียงการเริ่มต้นก็ตาม จึงทำให้ชาวสวนและเกษตรกรทั่วไป หันมาปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออกกันอย่วงจริงจังและระบบการปลูกได้เปลี่ยนจาก เดิม ซึ่งเคยปลูกแบบห่างก็เปลี่ยนเป็นปลูกแบบชิดหรือระบบปลูกถี่นอกจากนี่ก็ได้มี การใช้สารเคมีและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วย ทำให้เกษตรกรสามารถบังคับให้มะม่วงออกดอกนอกฤดูการได้
ที่มา http://www.paktho.ac.th/student/m62549/jarunee/mes3.html
มะม่วง กับ พุทธประวัติ ตอนที่ ๑. "มะม่วง กะ สีม่วง"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3521.0มะม่วง กับ พุทธประวัติ ตอนที่ ๓. "มะม่วงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใด"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3523.0มะม่วง กับ พุทธประวัติ ตอนที่ ๔. ทรงตรัสถึงมะม่วงไว้ว่า...(จบ)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3524.0