เท่าที่ทราบมาจากการเข้าไปอ่านประวัติเรื่องพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
นำเข้ามาเผยแผ่ ในยุคสุวรรณภูมิ โดยพระมหาเถระ 5 รูปที่รู้จักชื่อกันดี ก็คือ พระโสณะมหาเถรเจ้า และ พระอุตตรมหาเถรเจ้า ซึ่งมีประวัติเป็นผู้นำศาสนาพุทธมาเผยแผ่เป็นทางการในครั้งที่ 2 หลังจากที่นำเข้ามาในยุคพระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ คือก่อนพุทธกาลครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นประวัติตำนาน พระกรรมฐาน ในส่วนนี้มีความสำคัญมาก ๆ คะเพราะแสดงว่า พระพุทธศาสนาในยุคสุวรรณภูมิและบรรดาพระภิกษุในยุคนั้นล้วนปฏิบัติภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ทั้งสิ้นส่วนในยุคนี้ทำไมจึงไม่ค่อยได้ยินไม่ได้รู้จัก คิดว่าเป็นเพราะสื่อการเผยแผ่สมัยนี้มุ่งการสอนที่นำสมาธิออก เพียงแต่มุ่งให้คนใช้สติเป็นหลัก เพราะเห็นว่ามีประโยชน์กับชีวิตประจำวันมากกว่า ในรูปแบบที่ต้องมานั่งหลับตาแล้วไม่ได้งาน ดังนั้นคนสมัยนี้จะยอมรับธรรมะเข้าไปใช้ในชีิวิตประจำวันได้ต้องไม่กระทบกระเทือนกับงาน จึงเห็นเรื่องการฝึกสติกับงาน ชีวิตกับการทำงานเป็นแนวปฏิบัติธรรม ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เคยได้ยิน ได้ฟัง มาว่า
น่าจะเป็นหลวงพอ่ปัญญานันทะภิกขุ กับ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ ที่จะสอนการปฏิบัติธรรมแนวนี้ คือท่านจะกล่าวว่า "การทำงาน คือการปฏิบัิติธรรม" จะเห็นได้ว่าต้องการให้ธรรมะสอนคล้องกับชีวิตการงาน ซึ่งคนมีปัญญามากสักหน่อยก็จะมองว่าเป็นแนวทางที่ดี เพราะไม่ขัดกับการทำงาน
แต่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ที่ไปเรียนมาใช้การหยุดนิ่ง หยุด กาย และ เดินจิตตามฐานจิต ต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่สภาวะธรรมในการภาวนา คนทั่วไปจึงมีความเห็นว่าไม่สอดคล้องกับการทำงาน
เพราะสาเหตุการภาวนา ไม่สอดคล้องกับการทำงาน จึงทำให้มองว่า กรรมฐาน เป็นเรื่องของคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับโลก จึงเป็นเรื่องเหมาะกับพระสงฆ์ ในสายปฏิบัติมากกว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มี พุทธบริษัทศึกษากันน้อยลง และหันไปศึกษา แนวทางเคลื่อนไหวในสายพม่า ที่ใช้คำเรียกว่า ฝึกแนวมหาสิปัฏฐานกัน
ถูกผิดอย่างไร ขอให้ทุกท่านร่วมแสดงความเห็นกันต่้อด้วยนะคะ
