
ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดูสัตวโลกว่า ชนเหล่าไหนบ้างหนอ ไม่ประมาทในการบำรุงมารดาบิดาเป็นต้น บำเพ็ญสุจริต ๓ ให้เต็มบริบูรณ์ ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสัพพมิตต์นั้นประทับนั่งเพื่อจะดื่มสุรา จึงทรงพระดำริว่า ถ้าพระเจ้าสัพพมิตต์นี้จะดื่มสุราไซร้ สกลชมพูทวีปจักพินาศฉิบหาย
เราจักต้องแก้ไขโดยวิธีที่จะให้ท้าวเธองดดื่ม แล้วทรงวางหม้อที่เต็มไปด้วยสุราใบหนึ่งไว้ที่พระหัตถ์ จำแลงเพศเป็นพราหมณ์ เสด็จมายืนอยู่ในอากาศ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าสัพพมิตต์ แล้วตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงซื้อหม้อใบนี้
พระเจ้าสัพพมิตตราชทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์จำแลงยืนพูดอยู่บนอากาศอย่างนั้น ทรงสงสัยว่า พราหมณ์นี้มาจากไหนกันหนอ
เมื่อจะทรงสนทนากับพราหมณ์นั้น ได้ตรัสพระคาถา ๓ คาถาความว่า
ท่านเป็นใคร มาจากไตรทิพย์หรือ จึงเปล่งรัศมีสว่างไสวอยู่ในนภากาศ เหมือนพระจันทร์ส่องสว่างในยามรัตติกาลฉะนั้น รัศมีแผ่ซ่านออกจากตัวท่านดุจสายฟ้าแลบในเวหาสฉะนั้น.
ท่านเหยียบลมหนาวในอากาศได้ เดินและยืนในอากาศได้ ฤทธิ์ของเทวดาทั้งหลายผู้ไม่ต้องเดินไกล ท่านทำให้เป็นที่ตั้งและให้เจริญดีแล้วเป็นไฉน?
ท่านเป็นใครมายืนอยู่ในอากาศ ร้องขายหม้ออยู่ หรือว่าหม้อของท่านนี้ ใช้ประโยชน์อะไรได้ ดูก่อนพราหมณ์ ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้าเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โก ปาตุราสิ ความว่า ท่านเป็นใคร มาจากไหน จึงมาปรากฏ อธิบายว่า ท่านมาจากไหน?
บทว่า ติทิวา นภมฺหิ ความว่า พระเจ้าสัพพมิตต์ตรัสถามว่า ท่านมาจากดาวดึงสพิภพหรือ จึงปรากฏในนภากาศนี้. บทว่า สํวรึ แปลว่า ในรัตติกาล.
บทว่า สเตริตา ได้แก่ พระจันทร์ซึ่งมีชื่ออย่างนี้.
บทว่า โส ได้แก่ ท่านนั้น.
บทว่า ฉินฺนวาตํ ความว่า วลาหกเทพย่อมก้าวเดินตามลม อันมีกระแสพัดเยือกเย็นไปได้ ก็แม้ลมนั้นไม่มีแก่ท่านเลย ด้วยเหตุนั้น พระเจ้าสัพพมิตต์จึงตรัสอย่างนี้.
บทว่า กมสิ แปลว่า ล่องลอยไป.
บทว่า อฆมฺหิ ได้แก่ ในอากาศอันไม่มีอะไรกระทบ.
บทว่า วตฺถุกตา ความว่า (ฤทธิ์ของท่าน)เป็นสิ่งที่ทำแล้ว เหมือนวัตถุ เหมือนที่ตั้งฉะนั้น.
บทว่า อนทฺธคูนมสิ เทวตานํ ความว่า พระเจ้าสัพพมิตต์ตรัสถามว่า ฤทธิ์ของท่านที่อบรมดีแล้ว คล้ายฤทธิ์ของทวยเทพ ผู้ชื่อว่าไม่ต้องเดินทางไกล เพราะไม่ต้องใช้เท้าเดินไปในทางไกล.
บทว่า เวหาสยํ กมฺมาคมฺม ความว่า ท่านเป็นใครหรือ จึงอาศัยการย่างเท้า เข้าไปยืนบนอากาศได้. บัณฑิตพึงเชื่อมความของบาทคาถานั้นเข้าด้วยบทว่า โก วา ตุวํ ท่านเป็นใครหรือ? อธิบายว่า ท่านมายืนอยู่อย่างนี้ชื่อไรเล่า.
บทว่า ยเมตมตฺถํ ความว่า ท่านพูดคำนี้ใด ต้องเชื่อมความของบาทคาถานี้เข้ากับบทว่า อิมสฺส กิสฺส วตายํ จึงได้ความว่า ท่านพูดคำว่า จงซื้อหม้อใบนี้ ดังนี้. อธิบายว่า ท่านพูดว่า จงซื้อหม้อใบนี้ดังนี้ หม้อใบนี้ของท่านใช้ประโยชน์อะไรหรือ?

ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง
เมื่อจะทรงแสดงโทษของสุรา จึงตรัสว่า
หม้อใบนี้มิใช่หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ำมัน มิใช่หม้อน้ำผึ้ง โทษของหม้อใบนี้มีอยู่มิใช่น้อย ท่านจงฟังโทษเป็นอันมากที่มีอยู่ในหม้อใบนี้.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วเดินโซเซตกลงไปยังบ่อถ้ำหลุมน้ำครำและหลุมโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้ ท่านจงซื้อหม้อนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ เที่ยวหยำเปไป เหมือนโคกินกากสุราฉะนั้น เป็นเหมือนขาดที่พักพิง ย่อมฟ้อนรำได้ขับร้องได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วแก้ผ้าเปลือยกาย เที่ยวไปตามตรอกตามถนนในบ้าน เหมือนชีเปลือย มีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วลุกขึ้นโซเซ โคลงศีรษะและยกแขนขึ้นร่ายรำ เหมือนรูปหุ่นไม้ฉะนั้น ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วนอนจนถูกไฟไหม้ และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้ ย่อมถึงการถูกจองจำถูกฆ่า และความเสื่อมแห่งโภคะ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วพูดคำพูดที่ไม่ควรพูด นั่งพร่ำในที่ประชุม ปราศจากผ้าผ่อน เลอะเทอะ นอนจมอยู่ในอาเจียนของตน มีแต่เรื่องฉิบหาย ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้ววางมาดเป็นคนสำคัญ นัยน์ตาขุ่นขวาง เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็นของเราคนเดียว พระราชาแม้มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบขัณฑสีมาก็ไม่เสมอเรา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้ำชนิดใดแล้วถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท ยุยงส่อเสียด มีผิวพรรณน่าเกลียด เปลือยกายวิ่งไป อยู่อย่างนักเลงเก่า ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
น้ำชนิดนี้ทำตระกูลทั้งหลายในโลกนี้อันมั่งคั่งบริบูรณ์มีเงินทองตั้งหลายพันให้ขาดทายาทได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงินทอง ไร่ นา โค กระบือ ในสกุลใดย่อมพินาศไป ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลายขาดสูญไป เพราะดื่มน้ำชนิดใด ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุรุษดื่มน้ำชนิดใดแล้วเป็นคนหยาบช้า ด่ามารดาบิดาได้ แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
นารีดื่มน้ำชนิดใดแล้วกลายเป็นคนกักขฬะหยาบช้า ด่าพ่อผัวแม่ผัวและสามีได้ แม้เป็นทาสเป็นคนใช้พึงรับเป็นสามีของตนได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุรุษดื่มน้ำชนิดใดแล้วฆ่าสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้ พึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็นเหตุ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้วประพฤติทุจริตทางกายทางวาจาหรือทางใจได้ ย่อมไปสู่นรกเพราะประพฤติทุจริต ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายแม้จะยอมสละเงินเป็นอันมาก มาอ้อนวอนบุรุษใดซึ่งไม่เคยดื่มสุรา ให้พูดเท็จย่อมไม่ได้ บุรุษนั้นครั้นดื่มสุราแล้วย่อมพูดเหลาะแหละเหลวไหลได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
คนรับใช้ดื่มน้ำชนิดใดแล้ว เมื่อถูกเขาใช้ไปในกรณียกิจรีบด่วน ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ถึงจะเคยมีความละอายใจอยู่ ก็ย่อมจะทำความไม่ละอายให้ปรากฏได้ ถึงแม้จะเป็นคนมีปัญญาก็อดพูดมากไม่ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว นอนคนเดียวไม่มีเพื่อน คล้ายลูกสุกรนอนเดียวดายด้วยชาติกำเนิดอันต่ำฉะนั้น อดข้าวปลาอาหารย่อมเข้าถึงการนอนเป็นทุกข์อยู่กับแผ่นดิน สิ้นสง่าราศรีและต้องครหานินทา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้วย่อมนอนคอตก หาเป็นเหมือนโคที่ถูกลงปฏักฉะนั้นไม่ ฤทธิ์สุราย่อมทำให้คนอดทนได้(ไม่กินข้าวกินน้ำ) ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นดื่มน้ำชนิดใด อันเปรียบด้วยงูมีพิษร้าย นรชนคนใดเล่าควรจะดื่มน้ำชนิดนั้นอันเป็นเช่นยาพิษมีในโลก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวณฑะ ดื่มสุราแล้วพาหญิงไปบำเรออยู่ที่ริมฝั่งสมุทร ประหารกันและกันด้วยสาก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น.
บุรพเทพคืออสูรทั้งหลาย ดื่มน้ำชนิดใดแล้วเมามาย จนจุติจากไตรทิพย์คือดาวดึงสเทวโลก ยังสำคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสุรมายา ดูก่อนมหาราชเจ้า บุรุษผู้ฉลาดเช่นกับพระองค์ เมื่อทราบว่าน้ำดื่มชนิดนี้เป็นน้ำเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่มทำไม?
ในหม้อใบนี้ไม่มีเนยข้นหรือน้ำผึ้ง พระองค์รู้อย่างนี้แล้ว จงซื้อเสีย ดูก่อนท่านสัพพมิตต์ สิ่งที่อยู่ในหม้อนี้ ข้าพเจ้าบอกแก่ท่านแล้วตามความเป็นจริงอย่างนี้แหละ.
ฯลฯ..................ฯลฯ...................ฯลฯ

พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงสดับดังนั้น ก็ทรงทราบโทษของสุรา ดีพระทัย
เมื่อจะทรงชมเชยท้าวสักกเทวราช ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า
ท่านมิใช่เป็นบิดาหรือมารดาของข้าพเจ้า เป็นคนชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นผู้มุ่งเกื้อกูล อนุเคราะห์ ปรารถนาประโยชน์อย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักกระทำตามถ้อยคำของท่านในวันนี้.
ข้าพเจ้าจักให้บ้านส่วยห้าตำบล ทาสีหนึ่งร้อย โคเจ็ดร้อย และรถเทียมด้วยม้าอาชาไนยสิบคันเหล่านี้แก่ท่าน ขอท่านผู้ปรารถนาประโยชน์จงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คามวรานิ ความว่า พระเจ้าสัพพมิตต์ตรัสว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์ อาจริยภาคคือส่วนของอาจารย์อันชื่อว่าบุคคลผู้เป็นอาจารย์ควรปรารถนา ข้าพเจ้าขอมอบบ้านส่วยห้าตำบล ซึ่งมีรายได้ปีละหนึ่งแสนแก่ท่าน. บทว่า ทสา อิเม ความว่า และเมื่อพระเจ้าสัพพมิตต์จะทรงชี้รถอันวิจิตรด้วยทอง ซึ่งจอดอยู่เฉพาะพระพักตร์สิบคัน จึงตรัสอย่างนี้.
ท้าวสักกเทวราชทรงสดับเช่นนั้น เมื่อจะทรงแสดงอัตภาพของเทพยดาให้พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงรู้จักพระองค์ จึงประทับยืนบนอากาศ ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถาความว่า
ดูก่อนพระราชา ทาสี บ้านส่วย โค และรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนย จงเป็นของพระองค์ตามเดิมเถิด เราเป็นท้าวสักกะจอมเทพของชาวไตรทิพย์.
พระองค์จงเสวยพระกระยาหาร เนยใสและข้าวปายาส พึงเสวยขนมกุมมาสอันโอชารส ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน พระองค์จงทรงยินดีในธรรม ใครๆ ไม่ติเตียนด้วยอาการอย่างนี้แล้ว จงเข้าถึงสวรรคสถาน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอวํ ตุวํ ธมฺมรโต ความว่า เมื่อท่านเสวยโภชนะมีรสเลิศต่างๆ อย่างนี้ จะเว้นการดื่มสุรา ละทุจริต ๓ อย่างเป็นผู้ยินดีในสุจริตธรรม ๓ ประการอันใครๆ ไม่ติเตียนแล้ว จงเข้าถึงสวรรคสถานเถิด.
ท้าวสักกะครั้นทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสัพพมิตต์ ด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็เสด็จไปยังสถานวิมานของพระองค์ทันที.
ฝ่ายพระเจ้าสัพพมิตต์ก็ไม่ทรงดื่มสุรา ตรัสสั่งให้ทำลายภาชนะสุราสิ้น แล้วทรงสมาทานศีล บริจาคทาน ได้เป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
การดื่มสุราเกิดนิยมกันอย่างกว้างขวาง แม้ในชมพูทวีป (ติดต่อสืบเนื่องมาจนบัดนี้).
พระบรมศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
ส่วนท้าวสักกเทวราชได้มาเป็น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถากุมภชาดกที่ ๒
อ้างอิง
.. อรรถกถา กุมภชาดก ว่าด้วย โทษของสุรา
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2292,http://thaitwil.comอ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2292,http:/v.php?B=27&A=9232&Z=9308ขอบคุณภาพจาก
www.dmc.tv,www.bloggang.com,www.kalyanamitra.org,http://u2.popcornfor2.com
แนะนำให้อ่าน ตอนที่แล้ว ๑ และ ๒
"หญิงเมาเหล้า ตีกัน สร่างเมา บรรลุโสดาบัน"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5177.0
กำเนิด "สุรา" มาจากคนชื่อ "สุระ" (จิงจิง)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5193.msg19056#msg19056