ผมเคยมอง ตัวเอง ตอนนี้ชีิวิต ตกต่ำ แบบขีดสุด จริง ๆ ครับ
ปี 2549 ผมเองต้องสูญเสีย อะไรหลาย ๆ อย่าง
ปีนั้นผมสูญเสีย พ่อ ( เสียชีวิต )
ปีนั้นผมสูญเสีย ภรรยา ( หย่า )
ปีนั้นผมสูญเสีย หน้าที่ การงาน ( ตกงาน )
ปีนั้นผมสูญเสีย รถยนต์ ( ที่ต้องนำมาขายใช้หนี้สิน )
ปีนั้นผมสูญเสีย เพื่อน ๆ ที่ไม่คบกับคนไม่มี
ปีนั้นผมสูญเสีย ความรู้สึก มองโลกออกไปทาง แง่ร้าย
ปีนั้นเป็นปีที่ผม คิดว่าจะ ฆ่าตัวตาย
แต่ปีนั้น ก็เป็นปีที่ผม ฉลาดในชีิวิต ด้วยธรรมะ
ย้อนกลับไปที่ความรู้สึก ตอนนั้น ผมคิดว่าผมแย่ ไปด้วยประการทั้งปวง
ผมยังมีบ้าน มีแม่ และ ลูกสาว ยังพอมีเงินทำทุน และ มีความรู้
จากข้างบ้านผม นั้นก็มีครอบครัว ที่มีลักษณะ คล้ายกับผม แต่โชคดี ที่ภรรยาไม่หนี หายไปยังอยู่ให้กำลังใจกัน
ชีวิตเขาลำบากกว่าผมอีก เพราะลูก 5 คน บ้านก็ต้องเช่า แต่เขาก็อาศัยการขาย น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ จนประคองชีิวิตรอดผ่านมาได้
แล้วผม ได้เปรียบเขาตั้งมาก ทำไมไม่ใช้ความได้เปรียบนี้ให้เกิดประโยชน์
ผมอาศัยธรรมะ ขัดเกลาใจ ในช่วงที่ไม่มีงาน ผมไปวัดต่าง ๆ ได้เรียนกรรมฐาน ได้พบกัลยาณมิตร
ในที่สุด ผมก็ได้รับคำแนะนำ และได้งานทำ ตอนที่ได้งานทำก็เป็นงานต่างจังหวัด ผมก็ไม่บอกปัด ก็ทำมาเรื่อยจนถึงทุกวันนี้ แม้เงินเดือนจะไม่มาก แต่ก็พอเลี้ยงผม และ แม่ และ ลูกผมได้ อยู่
บางครั้ง
เรา มองโลกแคบ ก็มักจะคิดว่า เรานี้แย่กว่าใคร
แต่ คนที่แย่กว่า เรา ก็ยังมีอีกมากมาย คนเหล่านี้ เขาใช้ชีวิตอย่างไร ?
เและเราควรใช้ ชีวิตอย่างไร ครับ
ขอให้ผ่านเหตุการณ์ ต่าง ๆ ไปด้วยดีครับ
