ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติอิตาลีแล้ว  (อ่าน 3060 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติอิตาลีแล้ว
(บทความนี้ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2009)

ราวสิบกว่าปีมาแล้ว  สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21  เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ

วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหนแต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน   และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19

ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์
     ปัจจุบัน อิตาลีได้รับรองสถานะพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ โดยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2000 นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ลงนามความตกลงกับประธานสหภาพสมาคมพุทธในอิตาลี เพื่อให้พุทธศาสนามีสถานะเป็นทางการในอิตาลี  ทำให้ผู้เสียภาษีสามารถแสดงความจำนงให้แบ่งภาษีในอัตราร้อยละ 0.8 ของภาษีรายได้ส่วนบุคคลที่ต้อง ชำระให้แก่รัฐบาล เพื่อบริจาคให้องค์กรทางพุทธศาสนาได้


วัดไทย-อิตาลี :
http://santacittarama.altervista.org/e_index.htm
http://www.arrowriver.ca/
http://www.bswa.org/

ถ้าตามข่าวสารในต่างประเทศประจำ ก็จะเห็นว่าคนสนใจพระพุทธศาสนาในออสเตรเลีย, อเมริกา, ฝรั่งเศส   และอังกฤษกำลังเพิ่มขึ้นจนเป็นข่าวปกติ  รัฐบาลประเทศเหล่านี้ได้เปิดประตูต้อนรับพระธรรมทูตจากเอเชียอย่างเต็มที่  เพราะพระสงฆ์เหล่านี้เข้าไปช่วยสอนให้ประชาชนของเขาซึ่งกำลังบ้าทุนนิยมอยู่เป็นคนดีขึ้น



มีเกร็ดข่าวเสริมเล็กๆ น้อยๆ มาเพิ่มเติม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคนดัง

ประเดิมที่ประเทศออสเตรเลีย มีข่าวว่า เลเซล โจนส์ ซึ่งกำลังดังจากการเป็นนักกีฬาเหรียญทองที่เพิ่งแข่งเสร็จที่กรุงเอเธนส์  ประเทศกรีซ หันมาสนใจพระพุทธศาสนา เธอให้สัมภาษณ์ว่าเพิ่งเริ่มจะสนใจ โดยเฉพาะการทำสมาธิ เพื่อลดความเครียดและแสวงหาความสุขทางใจ

ส่วนในอังกฤษมีข่าวออกมาตั้งแต่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า อดีตนักฟุตบอลของทีมลิเวอร์พูลและแอสตัน วิลล่า ชื่อสตัน คอลลี่มัวร์ ก็หันไปสนใจฝึกสมาธิทางพระพุทธศาสนา เพราะเห็นว่าสามารถลดความเครียดในชีวิตประจำวันได้สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก
      ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่  นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ 
 
      ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994)  มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์)
ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7   หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90)

สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้อง การเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it  is  not  inappropriate  to  caution  those  Christians  who   enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East,  pp.89-90)

ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง
    ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน
    ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆมากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี
    นำโดยพระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบายพระพุทธศาสนาผิดๆ



ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ  และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่
    ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของพระองค์หรือไม่ 
    ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะเชื่อ
    หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี   
    พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ 
    มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย


แต่เดิมศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก

แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า
    ศาสนาของพระพุทธเจ้า คือ คำสอน  ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ  ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี   
    ซึ่งมีภารกิจหลักคือจาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา   
    พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ คนที่สนใจฟังเท่านั้น     
    ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ   
    ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี  แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ   
    ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ 
    แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม


     ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก   
     นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดังๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น
     โซเพน ฮาวเออร์,ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา



นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง  ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่นี่ประจำบ้าง

เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า  ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด  บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้  ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี  ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา   
    เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย   
    ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง   
    เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม   
    เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู   
    แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ในอิรักเวลานี้


จากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค.ที่แล้ว ว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา  ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ  พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา   
    ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่าวัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน   
    แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน

   
     หกปีหลังจากนั้นคือ พ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่า
     ผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น 163,415 คน
     รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน   
     แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง
     จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี


ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรมหรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ  เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก  ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่วประเทศ



เมื่อ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย   หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 
    แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่า องค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา
    เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น  รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี 
    ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่เมืองกัลมิเกีย  ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์


ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตกของ จีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ


ที่มา : ดร.ปฐมพงษ์   โพธิ์ประสิทธินันท์   คณะสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล
http://www.siamrath.co.th/Education.asp?ReviewID=89725
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=buddhiststudies&id=6
ขอบคุณ dhammatan.wordpress.com/2009/08/23/พระพุทธศาสนา-เป็นศาสนาป/
ขอบคุณภาพจาก http://gotoknow.org/,http://t-dhamma.org/ ,http://naphoradio.com/, http://www.uradio.in.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 10:53:31 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ