ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สิกขาบทแรก กำเนิดจาก "สุทินน์ กลันทบุตร"  (อ่าน 1502 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29347
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระพุทธรูป ปางปฐมบัญญัติ
คอลัมน์ คติ-สัญลักษณ์ สถาปัตยกรรมไทย โดย ชวพงศ์ ชำนิประศาสน์

     พระพุทธรูปนี้อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองข้างตะแคงยืนไปข้างหน้า
     ความสำคัญยิ่งของปางปฐมบัญญัตินี้ เกิดขึ้นมาจากคำถามของพระสารีบุตรอัครสาวก
     ถามในทำนองที่ว่า
    "อะไรทำให้พระพุทธศาสนาในอดีตกาลคือ ศาสนาของพระกกุสันธะ พระโกนาคม และพระกัสสปพุทธเจ้าดำรงอยู่ได้นาน"


พระพุทธเจ้าตอบว่า "เพราะพระพุทธ เจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้น ทรงแสดงธรรม แก่สาวกทั้งหลายโดยพิสดาร (แปลว่า โดยละเอียดทั้งสิกขาบททรงบัญญัติ และทั้งปาฏิโมกข์ก็ทรงแสดงแก่สาวกทั้งหลาย) เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว พระศาสนาจึงได้ดำรงอยู่นาน"

พระสารีบุตรจึงขอให้พระพุทธเจ้าบัญญัติสิกขาบทที่จะแสดงพระปาฏิโมกข์แก่พระสาวกเพื่อพระพุทธศาสนายั่งยืนอยู่ได้นาน

พระพุทธเจ้าได้ตอบแก่พระสารีบุตรความว่า การที่ยังไม่ได้บัญญัติสิกขาบทจะยังไม่แสดงปาฏิโมกข์แก่สาวกทั้งหลายก็เพราะยังไม่เกิดเรื่องที่เป็นเหตุแห่งความเสื่อมในพระพุทธศาสนา เมื่อมีเหตุที่ทำให้เกิดความเสื่อมเมื่อใด หรือมีพระภิกษุประพฤติไม่ดี ไม่งาม ไม่ชอบ ด้วยพระธรรมวินัย ในศาสนานี้เมื่อใดก็จะบัญญัติสิกขาบทและแสดงปาฏิโมกข์เมื่อนั้น

    กรณีแรกที่บัญญัติก็คือ พระสาวกรูปหนึ่งชื่อ สุทินน์ กลันทบุตร
    มาขอบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ถูกบิดาขอร้องให้สึกเพื่อมีบุตรไว้สืบสกุล
    และเพื่อมิให้เจ้าลิจฉวีเจ้าเมืองเวสาลียึดทรัพย์สินเมื่อตนได้ตายจากไป
    เพราะไม่มีบุตรหลานเอาไว้รักษาสมบัติ


    พระสุทินน์ กลันทบุตรจึงยอมตามบิดาได้มีบุตรไว้ให้บิดาสืบสกุล
    แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจรู้ว่าเป็นการประพฤติไม่งาม
    เพื่อนพระภิกษุจึงได้นำเรื่องไปทูลถามพระพุทธเจ้า
    จึงบัญญัติสิกขาบทนี้ขึ้นและได้กล่าวถึงประโยชน์ 10 ประการ ของการมีสิกขาบท

    นี่คือ คติแห่งความสำคัญของศีลของสิกขาบทที่พระพุทธเจ้า ได้แสดงปาฏิโมกข์ไว้ให้แก่พระสาวก เพื่อยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติของความเป็นสงฆ์ มีดังนี้
     1. เพื่อความดีแห่งสงฆ์
     2. เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์
     3. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก (ไม่รู้จักอาย)
     4. เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก
     5. เพื่อกำจัดอาสวะอันจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน
     6. เพื่อป้องกันอาสวะอันจะเกิดขึ้นในอนาคต
     7. เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของผู้ยังไม่เลื่อมใส
     8. เพื่อความเจริญแห่งความเลื่อมใสของผู้ที่เลื่อมใสแล้ว
     9. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
   10. เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOakUwTURRMU5nPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE15MHdOQzB4TkE9PQ==
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ