ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"  (อ่าน 2699 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
« เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 05:49:22 am »
0


ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
เกศศินีย์ นุชประมูล รายงาน

การท่องเที่ยวศรีลังกา ภายใต้กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ถือโอกาสดีในปีนี้ จัดงานเนื่องในวาระฉลองครบรอบ 260 ปี สยามวงศ์ หรือสยามนิกาย ประดิษฐานในศรีลังกา อีกทั้งเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพื่อระลึกเมื่อครั้งสยามประเทศเคยมีส่วนช่วยเหลือไม่ให้พระพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมสูญ

โดยประธานาธิบดี มหินทรา ราชปักษา แห่งศรีลังกา ทูลเชิญ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนศรีลังกาในโอกาสการจัดงาน "260 ปี การก่อตั้งสยามวงศ์ในศรีลังกา" จะมีขึ้นในวันที่ 19-22 ส.ค. 2556 ที่เมืองแคนดี้ของศรีลังกา

ย้อนถึงความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาระหว่างไทยกับศรีลังกา มีเรื่องราวที่สัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน หากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 700 ปีก่อน พุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เผยแผ่มายังประเทศไทยแต่ในทางกลับกันศรีลังกาก็ถูกจักรวรรดินิยมนักล่าเมืองขึ้น จากตะวันตกรุกราน และพยายามนำศาสนาอื่นมาเผยแผ่ในประเทศ ส่งผลให้ศาสนาพุทธขาดการอุปถัมภ์ค้ำชู ซ้ำยังเกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงอย่างรุนแรง จนพระภิกษุสงฆ์ต้องทิ้งวัดวาอาราม กระทั่งไม่มีพระสงฆ์หลงเหลืออยู่มีเพียงสามเณรเหลืออยู่บ้าง โดยมีสามเณรสรณังกร เป็นหัวหน้า

ในปีพ.ศ.2295 สามเณรสรณังกร ทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ กษัตริย์ลังกาในขณะนั้น ส่งพระสมณทูตมากรุงศรีอยุธยา เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ให้ไปช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาที่ศรีลังกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา จึงส่งพระสมณทูตไทย จำนวน 10 รูป มีพระอุบาลี เป็นหัวหน้าคณะเดินทางมายังศรีลังกา ใช้เวลาเดินทางนานถึง 5 เดือน 5 วัน

ต่อมาพระอุบาลีทำพิธีอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวลังกา เป็นพระสงฆ์จำนวน 700 รูป และสามเณร 3,000 รูป ทำให้ ศรีลังกาที่ขาดแคลนพระสงฆ์มานาน มีพระสงฆ์สำหรับ ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ส่วนสามเณรสรณังกร ที่ได้รับการอุปสมบทในครั้งนั้นด้วย ได้รับการสถาปนาจากพระมหากษัตริย์ลังกาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช จึงเกิดคณะสงฆ์ "นิกายสยามวงศ์" ขึ้นในลังกา

ในสมัยเดียวกันนั้น มีสามเณรคณะหนึ่งเดินทางไปขอรับการอุปสมบทในประเทศพม่า แล้วกลับมาตั้งนิกาย "อมรปุรนิกาย" ส่วนอีกคณะเดินทางไปขออุปสมบทจากคณะสงฆ์เมืองมอญ กลับมาตั้งนิกาย "รามัญนิกาย"
จึงมีนิกายพุทธศาสนาเกิดขึ้นในลังกา 3 นิกาย คือ
    1. สยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์
    2. อมรปุรนิกาย
    3. รามัญนิกาย
ทั้ง 3 นิกาย ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นศาสนาประจำชาติของศรีลังกา



ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ทางศรีลังกาจึงถือโอกาสให้ปีนี้ เป็นปีทองของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ สถานทูตศรีลังกาจึงเชิญคณะสื่อมวลชนไทยร่วมเดินทางตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา นายพลเดช วรฉัตร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ร่วมกล่าวว่ามีความตั้งใจมากที่จะร่วมจัดงานฉลอง 260 ปี สยามวงศ์ 

เมื่อเข้ามารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยในศรีลังกา ได้มีโอกาสเดินบนเส้นทางธรรมในดินแดนพุทธภูมิอันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง และเมื่อมาถึงโอกาสฉลอง 260 ปี สยามวงศ์ ก็มีความตั้งใจที่จะทำให้คนรุ่นปัจจุบันตระหนักถึงคุณค่า และความดีงามของพระอุบาลี และพระสงฆ์ที่เป็นผู้นำสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่จนถึงปัจจุบัน

คณะตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา เริ่มต้นที่ "วัดคงคาราม" เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายสยามวงศ์ มีความสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของ ศรีลังกา อย่างแรกที่แตกต่างกับการเดินเข้าวัดในไทย เห็นจะเป็นเรื่องการถอดรองเท้า ที่ศรีลังกาเมื่อต้อง เข้าวัดจะต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่ประตูทางเข้า ต้องเดินเท้าเปล่าเข้าไปในวัดเท่านั้น ขณะที่การ เข้าวัดในไทย จะถอดรองเท้าก็ต่อเมื่อเข้าไปภายในพระอุโบสถ

ที่สำคัญอีกประการหากต้องการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ห้ามหันหลังให้พระพุทธรูป เจดีย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวัด เพราะชาวพุทธศรีลังกาถือว่าไม่ให้ความเคารพ แต่หากใครเผลอยืนถ่ายรูปหันหลังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะมีเจ้าหน้าที่ของวัดทำหน้าเข้มเดินมาสะกิดเตือนทันที


ภายในพระอุโบสถวัดคงคาราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สีส้มเรืองแสงองค์โต พร้อมกับเทพผู้รับใช้และพระสาวก อีกด้านหนึ่งของวัดเป็นลานหญ้าเงียบสงบ ปลูกต้นโพธิ์ไว้บนแท่นยกสูง


                                                                           1.พิพิธภัณฑ์ภายในวัดคงคาราม
                                                                           2.วิหารภายในวัดพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           3.เด็กๆ มาทัศนศึกษาและไหว้พระเขี้ยวแก้ว
                                                                           4.พระพุทธรูปในอุโบสถวัดพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           5.สักการะพระเขี้ยวแก้ว
                                                                           6.ต้นพระศรีมหาโพธิอายุกว่า 2,300 ปี
                                                                           7.ชาวศรีลังกานั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ในวัดกัลยาณี
                                                                           8.พนักงานเป่าปี่ตีกลองถวายเพล


เมื่อเดินมาถึงบริเวณนี้ สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นอย่างแท้จริง พบชาวศรีลังกาไม่น้อยนั่งสวดมนต์ บางคนก็เดินสวดมนต์วนรอบต้นโพธิ์ บังเอิญช่วงที่ไปถึงตรงกับเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ของวัดเดินมาหยุดหน้าต้นโพธิ์ ก่อนบรรเลงปี่ ตีกลอง สอบถามไกด์ได้ข้อมูลว่า เป็นการแสดงความเคารพต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเวลาเพลและช่วงทำวัตรเย็นจะบรรเลงปี่กลอง

    จุดเด่นอีกจุดของวัดคงคาราม อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของแปลก มีวัตถุโบราณที่ทางวัดได้รับบริจาคตลอดช่วงหลายร้อยปีจัดแสดงไว้
    ห่างวัดคงคารามออกไปเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของ "วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร" วัดนี้มีความสำคัญตรงที่พระพุทธเจ้าเสด็จเยือนเป็นครั้งสุดท้าย ตามตำนานของศรีลังกาว่าไว้อย่างนั้น ในวัดนี้มีวิหารขนาดใหญ่ ตระหง่าน เคียงคู่กับเจดีย์องค์ใหญ่สีขาว

     ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งในเรื่องการ ใช้สี การจัดวางเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และตำนานต่างๆ อาทิ ภาพเจ้าชายทันตกุมาร กับเจ้าหญิงเหมมาลา อัญเชิญพระทันตธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว จากอินเดียมาลังกา หรือภาพพระเจ้ากิตติราชสิงหะ ทรงแต่งตั้งพระเวลิวิตะ ศรีสรณังกร เป็นพระสังฆราชแห่งสยามนิกาย
     ส่วนทางด้านข้างวิหารทางทิศใต้ มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เป็น 1 ใน 13 ต้น ที่แยกหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ ที่อนุราธปุระ มีชาวพุทธมารดน้ำบูชากันมิขาดสาย บ้างก็มานั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบท่ามกลางบรรยากาศร่มเย็น


ผ่านมา 2 วัด เริ่มสังเกตเห็นแผ่นศิลาครึ่งวงกลมสลักลายบริเวณทางเข้าศาสนสถาน เกิดความสงสัยว่าแผ่นศิลามีความหมาย หรือความสำคัญอย่างไร กระทั่งได้คำตอบว่า แผ่นศิลาที่เห็นเรียกว่า "อัฒจันทร์" ถือว่าเป็นขั้นบันไดทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ผู้สักการะที่เดินข้ามขณะเข้าวิหาร จะได้ตั้งสมาธิก้าวล่วงจากโลกมายาสู่นิพพาน

นอกจากวัดในกรุงโคลอมโบแล้ว ตามเมืองต่างๆ ยังมีวัดและศาสนสถานสำคัญที่น่าสนใจอื่นอีก เช่นที่เมืองอนุราธปุระ มีต้นพระศรีมหาโพธิ อายุกว่า 2,300 ปี ที่พระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ นำหน่อพันธุ์มาจากต้นพระศรีมหาโพธิที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มาปลูกไว้ที่นี่

โดยได้รับการเคารพนับถือ และปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงจากชาวศรีลังกามาตลอด ไม่ว่าใครที่มีโอกาสมาสักการะต้น พระศรีมหาโพธิ จะต้องเก็บเอาใบที่ร่วงหล่นจากต้นติดตัวกลับบ้านไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราเห็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ แต่กลับไม่เห็นใบโพธิ์หล่นร่วงตามพื้นเลยอีกทั้งที่อนุราธปุระ ยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์เชตวนาราม เป็นเจดีย์ สีขาวตั้งสูงตระหง่านมีขนาดใหญ่ที่สุดในอนุราธปุระ




ไฮไลต์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการตามรอยพุทธศาสนาที่ศรีลังกา คือการเดินทางมายังเมืองแคนดี้ ที่ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวง แต่ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นที่ตั้งของ "วัดพระเขี้ยวแก้ว" วัดพุทธที่สำคัญที่สุดในศรีลังกา เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐาน "พระเขี้ยวแก้ว" วัตถุบูชาที่ชาวพุทธเคารพ จึงเป็นที่ดึงดูดผู้จาริกแสวงบุญทั่วศรีลังกา และชาวพุทธจากหลายประเทศทั่วโลก

เมื่อย่างเข้าวัด สัมผัสได้ถึงความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ศรีลังกา ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานของ พระเขี้ยวแก้ว ผู้ที่จะเข้าไปสักการะต้องสวมใส่ชุดสีขาวเท่านั้น แม้จะได้เห็นพระเขี้ยวแก้วเพียงไม่กี่วินาที แต่สำหรับชาวพุทธแล้ว นี่คือมงคลสูงสุดในชีวิตที่มีโอกาสได้มาสักการะ



พล.อ.สุวันทะ แหนนะทิ เคศานตะ โกฏเฏโกฑะ เอกอัครราชทูตศรีลังกา ประจำประเทศไทย เล่าให้ฟังว่าคนทั่วไปจะเห็นเพียงส่วนที่ครอบพระเขี้ยวแก้วไว้เท่านั้น แม้แต่ประธานาธิบดียังไม่เคยเห็นเลย เพราะด้วยความศักดิ์สิทธิ์จึงไม่อนุญาตให้ใครเห็น

ทูตศรีลังกาบอกว่า คนที่เคยเห็นจริงๆ มีเพียงคนที่ถือกุญแจ 3 คนเท่านั้น คือ พระสังฆราชของสยามนิกาย ทั้ง 2 องค์ คือฝ่ายอรัญวาสี กับคามวาสี และฝ่ายฆราวาสที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น ถือโอกาสฉลองครบรอบ 260 ปีสยามวงศ์ หาโอกาสมาเดินตามรอยเส้นทางธรรมในศรีลังกา รับรองไม่เสียเที่ยว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5qYzVNVEEzTlE9PQ==&sectionid=
http://www.dhammahome.com/,http://www.oceansmile.com/,http://www.phrathai.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

nopporn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรีลังกาฉลอง 260 ปี พุทธ"สยามวงศ์"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 10:11:39 am »
0
 st11 st12 st12 st12

บันทึกการเข้า
อยู่แก๊งค์ ป่วนอ๊บ