ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “นอนกรน” ภัยเงียบที่มักถูกมองข้าม "ใช่แต่ผู้ใหญ่..เด็กก็นอนกรน"  (อ่าน 1448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

“นอนกรน”ภัยเงียบที่มักถูกมองข้าม

คณะแพทย์ มช.เตือน "นอนกรน" เป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงแต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม ย้ำรักษาได้ก่อนส่งผลเสียต่อชีวิตในระยะยาว

วันนี้ (25 เม.ย.) ผศ.พญ.นันทิการ์  สันสุวรรณ  อาจารย์ประจำภาควิชาโสต  ศอ  นาสิกวิทยา  คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บเกิดจากหลายสาเหตุ แต่โรคที่เป็นภัยเงียบและร้ายแรงที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม คือ การนอนกรน ซึ่งจะพบประมาณร้อยละ 20 ของคนทั่วไป ทั้งเด็กผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แบ่งเป็น 2 ประเภท  คือ

      การนอนกรนธรรมดาที่เกิดจากการตีบแคบลงของทางเดินหายใจขณะนอนหลับบางส่วน  ทำให้เกิดเสียงแต่จัดเป็นชนิดไม่อันตราย
     ส่วนอีกประเภทคือ การนอนกรนที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย  เนื่องจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะนอนหลับทำให้เกิดการหยุดหายใจ  จึงทำให้เสียงกรนไม่สม่ำเสมอ  อาจมีการสะดุ้งตื่น  กลั้นหายใจ  หายใจแรงหรือสำลักร่วมด้วย ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ


     ซึ่งจะผลเสียต่างๆ ได้แก่
     1. ง่วงนอนตอนกลางวัน  มีผลต่อการเรียน  การทำงานหรืออาจเกิดอุบัติเหตุในการขับรถหรือควบคุมเครื่องจักรกล 
     2. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความจำลดลง  หงุดหงิดอารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ 
     3. ในเด็กจะมีพัฒนาการของสมองและร่างกายไม่ดี  และ
     4. มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง  โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน


    ผศ.พญ.นันทิการ์ กล่าวต่อไปว่า การรักษานอนกรนมีหลายวิธี
    เช่น ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์  โดยจำกัดปริมาณและชนิดอาหาร 
    การออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง  และควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้ง่วง
    อาทิ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท  และยาแก้แพ้ชนิดง่วง
    รวมทั้งหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและการสูบบุหรี่   

    นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนอนหงาย โดยพยายามนอนในท่าตะแคงข้าง และนอนศีรษะสูงเล็กน้อย
    และรักษาโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และไซนัสอักเสบ 
    การรักษาด้วยการจี้คลื่นความถี่วิทยุ (RF) เพื่อให้เนื้อเยื่อของทางเดินหายใจหดตัวลงและทางเดินหายใจกว้างขึ้น 
    รวมถึงการผ่าตัดทอนซิลและอะดีนนอยด์ในเด็กที่มีต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์โต เป็นต้น

     “การนอนกรนสามารถรักษาได้ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
      คลินิกนอนกรน โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 – 15.30 น.
      โทร. 0-5394-5745 หรือ 0-5394-6696”
ผศ.พญ.นันทิการ์ กล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/education/199860
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 เวลา 15:19 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2013, 08:57:36 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ