นมัสการพระคุณเจ้าครับ ขอใครขิอตอบคำถามด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผมด้วยนะครับ อาจจะผิดเพี้ยนมากน้อยเพียงไร รบกวนพระอาจารย์และผู้รู้ชี้แนะด้วยครับ
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่โชคดี เลย
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่หายป่วย
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่เห็นถอดจิตได้
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่สำเร็จสักที
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่เข้าใจธรรม
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไ่ม่เห็นจะบรรลุ
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่ถูกหวย
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่ได้งานสักที รอมาตั้งนานแล้ว
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม ไม่มีใครชม
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม เจ้านายไม่เห็นขึ้นเงินเดือนให้
นั่งกรรมฐาน แล้ว ทำไม หมายังไล่กัด
และอีกหลาย ๆ คำถาม ทำนองนี้ ซึ่งมองแล้วเป็นเรื่องเดียวกัน คือ ความปรารถนา ของผู้ภาวนากรรมฐาน นั้นต่างกัน
ใครตอบได้ ก็ช่วยตอบกันก่อนนะ
Aeva Debug: 0.0004 seconds.

ตอบ - เพราะเอาความสุขสำเร็จของตนไปผูกไว้กับสิ่งที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมมีความตั้งอยู่ เสื่อมสลาย และ ดับไปเป็นธรรมดา
ความปารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ย่อมนำทุกข์มาให้
ความปารถนาในสิ่งที่ไม่มีตัวตนย่อมนำทุกข์มาให้
ความปารถนาในสิ่งที่ไม่เที่ยงไม่มีตัวตน มันมีแต่ทุกข์ดังนี้
- เพราะด้วยมองเห็นว่าสิ่งนี้ไม่ดับสูญไป จึงเห็นว่าสิ่งนี้ๆมีอยู่จริง มีตัวตนอยู่จริง จึงใคร่ได้ปารถนาทะยานอยากที่จะมี อยากเป็น อยากได้
เช่น เห็นว่าเพราะมีโชคลาภ จึงได้ของสัการะบ้าง ได้เงินบ้าง ได้ทองบ้าง เพศตรงข้ามหลงไหลบ้าง ก็จึงถือเอาโชคลาภเป็นอัตตา จึงแสวงหาในโชคนั้น
เช่น เห็นว่ากายนี้เป็นเรา เป็นของเรา จึงใคร่ทะยานอยากจะให้มีให้เป็นไปอย่างที่ใจนั้นต้องการ จึงถือเอากายนี้เป็นอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นในรูปขันธ์
**จนถึงความเห็นตายแล้วเกิดใหม่ไม่จบสิ้นหรือไม่สูญไป หรือ เห็นว่ามีความเที่ยงแท้ มีตัวตน ไม่สูญสิ้นไป
- เพราะมีกระทบสัมผัสรับรู้ในสิ่งใดๆ หรือ เรื่องใดๆ ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย แล้วเกิดความพอใจยินดีและความไม่พอใจยินดี แล้วเอามาตั้งเป็นตัวเป็นตนว่า
สิ่งนี้ๆคือสุขของเรา สิ่งนี้ๆคือทุกข์ของเรา ก็แล้วจึงเกิดความใคร่ได้ปารถนาใคร่ได้ที่จะเสพย์ในสิ่งอันใดที่ตนให้ความพอใจยินดีไว้ และ ไม่ปารถนาใครได้ที่จะเสพย์ในสิ่งาี่ตนไม่มีความพอใจยินดี
เช้น เรื่องการถอดจิต การบรรลุธรรม เป็นต้น
- เพราะด้วยมองเห็นว่าสิ่งนี้ดับสูญไป จึงเห็นว่าสิ่งนี้ๆมันทำให้สูญไปไม่มีอีกต่อไปแล้ว ก็จึงเกิดความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ไม่อยากพบเจอ ทะยานอยากที่จะผลักหนีไปให้ไกลตน
เช่น เวลาที่เรามีโชคลาภ ก็คิดว่าทำให้ตนถูกหวยได้เงิน พอโชคไม่มีจึงไม่ถูกหวย ก็จึงปารถนาที่จะมีโชค ไม่ปารถนาที่จะอับโชค ยอมทำทุกอย่างให้ตนมีโชคลาภเพื่อให้ได้ลาภสักการะเป็นต้น
**จนถึงความเห็นว่าตายแล้วสูญสิ้นไม่เกิดอีก ก็จึงไม่อยากตายบ้าง หรือ ไม่กระทำสิ่งที่ดีงามบ้าง
เพราะเหตุนี้ๆ คนจึงติดอยู่ ไม่รับรู้และยอมใน โลกธรรม ๘ คือ
ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑
ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑
นินทา ๑ สรรเสริญ ๑
สุข ๑ ทุกข์ ๑