ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชุบชีวิต "นาลันทา" มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก  (อ่าน 1742 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29387
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ชุบชีวิต"นาลันทา"มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก

มหาวิทยาลัยนาลันทา ถือเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ของโลก เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณพุทธศตวรรษที่ 3 นาลันทาถือเป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ที่มีนักศึกษาเดินทางมาจากต่างประเทศในเอเชียหลายแห่ง ก่อนที่จะถูกเผาทำลายโดยกองทัพมุสลิมเติร์ก ในปี 1193

แนวคิดการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยนาลันทาให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ระดับนานาชาติ เกิดขึ้นโดยกลุ่มนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ ที่นำโดยอมาตยาเซน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์
    ที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นแหล่งวิชาการ ที่เต็มไปด้วยนักศึกษาและนักวิจัยจากนานาชาติ
    ที่มาแสวงหาความรู้ ในพื้นที่เมืองนาลันทาในรัฐพิหาร
    โดยมหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้ จะเน้นสอนด้านมนุษยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ การพัฒนาแบบยั่งยืน และภาษาตะวันออก

อย่างไรก็ดี ยังคงมีข้อสงสัยจากบางฝ่ายว่า มหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้ จะสามารถสร้างขึ้นได้ในพื้นที่ด้อยพัฒนาได้จริงหรือไม่ นายฟิลิป อัลต์บาค ผู้อำนวยการศูนย์อุดมศึกษานานาชาติจากบอสตัน คอลเลจ สหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่แน่ใจว่านักศึกษาระดับหัวกะทิและนักวิชาการจะให้ความสนใจที่จะไปศึกษาในพื้นที่ชนบทของรัฐพิหารหรือไม่

ขณะที่อมาตยาเซนในฐานะว่าที่อธิการบดี กล่าวว่า งานของเขาคือการทำให้โครงการมหาวิทยาลัยนาลันดาแห่งใหม่เดินต่อไปได้ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
    เนื่องจากนาลันดาแห่งเดิม กว่าที่จะเฟื่องฟูถึงขีดสุดต้องใช้เวลากว่า 200 ปี
    แต่นาลันดาแห่งใหม่นี้อาจต้องใช้เวลาหลายสิบปี

    โดยหลังจากที่ถูกทำลายลง ยังคงพบว่ามีการแอบเรียนและแอบสอนอยู่บ้างในช่วงเวลาราว 200 ปี
    แต่ก็ไม่ได้เป็นรูปแบบมหาวิทยาลัยอย่างที่เคยเป็นไปเสียทีเดียว กระทั่งปัจจุบันที่ทุกอย่างเป็นศูนย์
    ดังนั้น ทุกอย่างจึงต้องเริ่มจากเศษซากทางประวัติศาสตร์



เมื่อปี 2006 อินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และไทย ประกาศแผนการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยกลับขึ้นมาใหม่โดยอาศัยแนวคิดเดิม และได้รับการสนับสนุนจากที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ที่ประกอบด้วยกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐฯ

มหาวิทยาลัยแห่งใหม่ จะตั้งอยู่ที่เมืองราชคฤห์ ห่างจากมหาวิทยาลัยแห่งเก่าราว 10 กม.ไปทางใต้
    การออกแบบกลุ่มอาคารจะเน้นรูปแบบตามแนวคิดศาสนาพุทธเป็นหลัก
    ปัจจุบันมีการยื่นขอจัดตั้งมหาวิทยาลัยแล้วเป็นการชั่วคราว
    และได้มีการส่งคำเชิญไปยังนักวิชาการและนักศึกษาจากทั่วโลกแล้ว
    โดยสองคณะแรกที่มีการจัดตั้งคือ ประวัติศาสตร์ และนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม 
    และพร้อมที่จะเปิดรับนักศึกษากลุ่มแรกได้ในปีหน้า


ศ.อมาตยา เซน กล่าวว่า ในอนาคตมหาวิทยาลัยจะเปิดความร่วมมือกับสภาบันหลายแห่งทั่วโลก อาทิ ภาควิชาวนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล ของสหรัฐฯ, ภาควิชาประวัติศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของไทย, มหาวิทยาลัยโซลจากเกาหลีใต้ และมหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับภาคการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของอินเดีย ให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆในเอเชีย



ศ.เซน กล่าวว่า มหาวิทยาลัยนาลันดาแห่งใหม่ จะยังทำหน้าที่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรงบันดาลใจและแรงจูงใจ มิใช่ในแง่ความรู้หรือขอบข่ายด้านวิชาการ หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง หากความรู้เช่นนี้ใช้ได้ผลในเอเชีย ก็คาดว่าจะได้ผลดีในแอฟริกาหรือลาตินอเมริกาเช่นกัน เขากล่าวว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มันจะนำชื่อเสียงและความภูมิใจที่หายไปกว่า 800 ปี กลับมาอีกครั้ง

ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุด มหาวิทยาลัยนาลันทา มีนักศึกษามีประมาณ 10,000 คน และมีอาจารย์ประมาณ 1,500 คน ส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ที่เดินทางมาจาก จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอเชียกลาง สุมาตรา ชวา ทิเบต มองโกเลีย โดยพระถังซำจั๋ง ซึ่งจาริกมาสืบพระศาสนาในอินเดียในช่วง พ.ศ. 1172-1187 ได้มาศึกษาที่นาลันทามหาวิหาร และได้เขียนบันทึกบรรยายอาคารสถานที่ที่ใหญ่โตและศิลปกรรมที่วิจิตรงดงาม พร้อมเล่าถึงกิจกรรมทางการศึกษา และอาคารหอสมุดของนาลันทาใหญ่โตที่สูงเสียดฟ้าถึง 9 ชั้น

นายจอร์จ เยียว อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษามหาวิทยาลัยนาลันทา เปิดเผยว่า นาลันทามหาวิหาร ไม่เพียงมีชื่อเสียงด้านการศึกษาพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังมีการเปิดการศึกษาในหลากหลายสาขา อาทิ พุทธปรัชญา ไวยากรณ์ วรรณคดี แพทยศาสตร์ ตรรกศาสตร์ และนิติศาสตร์

อย่างไรก็ดี ศ.อัลต์บาค ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาบันอุดมศึกษานานาชาติ ได้แสดงข้อสงสัยถึงทำเลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ เขากล่าวว่า ทำเลที่ตั้งของสถาบันการศึกษาถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ นาลันทาอาจดึงดูดนักวิชาการได้ แต่วิชาการก็ต้องเกิดขึ้นควบคู่กับโครงสร้างพื้้นฐานด้วย นักศึกษาต้องการวัฒนธรรมและเครื่องอำนวยความสะดวก ร้านกาแฟ รวมถึงชุมชนแห่งปัญญาชน  ขณะที่การสร้างมหาวิทยาลัยระดับโลกอาจต้องใช้เงินมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล แม้จะได้รับเงินบริจาคจากต่างชาติและรัฐบาลกลาง แต่ก็อาจไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ดี พบว่า รัฐพิหารถือเป็นรัฐที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในอินเดียถึงร้อยละ 12 เมื่อปี 2012



นายเยียวกล่าวว่าในอดีตพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยความแห้งแล้งกันดารและขาดการพัฒนาแต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้มีความเขียวชอุ่มชุมชนขยายตัว และประชาชนมีการศึกษามากขึ้น

ด้านนายนันด์ คิชอร์ ซิงห์ สมาชิกสภารัฐพิหาร กล่าวว่า ตัวมหาวิทยาลัยเองมีศักยภาพในการช่วยพัฒนาชุมชน โดยการทำงานร่วมกับหมู่บ้านกว่า 60 แห่งโดยรอบ เพื่อพํฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในด้านเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว

ศ.เซน กล่าวว่า มหาวิทยาลัยจะเตรียมสร้างคณะเพิ่มอีก 2 แห่ง คือคณะสารสนเทศ และการจัดการและเศรษฐศาสตร์ ที่จะช่วยพัฒนาการสร้างอาชีพที่ทำให้รัฐพิหารสามารถก้าวทันรัฐอื่นๆของอินเดีย

นอกจากนั้น ยังมีแผนการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาทิ ถนนสายใหม่ และสนามบินนานาชาติที่เมืองกายา ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ขณะที่ทางการรัฐพิหารได้ให้คำมั่นที่จะร่วมในโครงการสร้างมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย

ขณะที่ทางการรัฐพิหารให้ความช่วยเหลือในการจัดหาที่ดินแต่มหาวิทยาลัยก็ยังจำเป็นต้องได้รับเงินสนับสนุนกว่า1,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะเป็นเงินไม่มากนัก เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศบางแห่ง

ทั้งนี้ ออสเตรเลียจะให้ความช่วยเหลือในการจัดหาตำแหน่งคณบดีคณะสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา สิงคโปร์ให้ความช่วยเหลือด้านการออกแบบ และสร้างห้องสมุดเป็นเงินราว 7 ล้านดอลลาร์ ฝ่ายไทยร่วมบริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์ และจีนประกาศให้เงินช่วยเหลือด้านการก่อสร้างเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์



แม้ศ.เซนจะกล่าวตำหนิความล่าช้าแบบราชการของอินเดียในด้านการจัดสรรงบประมาณ แต่เขาแน่ใจว่ามหาวิทยาลัยนาลันดาจะค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทีละคณะ มากกว่าที่จะสร้างทุกอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ภายในคราวเดียว

ด้านนายเยียวกล่าวว่า เขาหวังโครงการมหาวิทยาลัยนาลันทา จะสามารถเชื่อมอินเดียและจีนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ประเทศมหาอำนาจสองประเทศ ที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ แม้เขาจะยอมรับว่า การฟื้นคืนนาลันดากลับมาอีกครั้งเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง และไม่มีเครื่องรับประกันใดๆว่ามันจะประสบความสำเร็จ  พร้อมให้ข้อคิดว่า "แนวคิดยิ่งใหญ่ แต่การนำไปปฏิบัติให้เห็นผลนั้นยากเข็ญยิ่งกว่า"

แปลและเรียบเรียงจาก"India′sancientuniversity returns to life"
โดย Yojana Sharma


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369828380&grpid=01&catid=&subcatid=
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08:02:10 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2013, 10:25:56 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ชุบชีวิต "นาลันทา" มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2013, 11:55:26 am »
0
นึก ๆ ไป เหมือนเมืองไทย มี มหาลัยสงฆ์ ที่เฟื่องฟู ในปัจจุบัน ในอดีตก็กล่าวว่า นาลันทา เป็นที่รวมของพระสงฆ์บัณฑิตทั่วโลก

  st11 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ