ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สื่อสังคมออนไลน์กับความมั่นคง ใช้อย่างไร ไม่เดือดร้อน.!  (อ่าน 2073 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สื่อสังคมออนไลน์กับความมั่นคง ใช้อย่างไร ไม่เดือดร้อน.!

ช่วงนี้คนใช้สื่อสังคมออนไลน์ อาจไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก เพราะบรรยากาศแห่งความกลัวในการใช้สื่อชนิดนี้ ค่อยๆ เกิดขึ้นหลังจากบรรณาธิการข่าวไทยพีบีเอสถูกหน่วยงานราชการเรียกเข้าพบ อีกทั้งยังมีข่าวว่าจะตรวจสอบการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ (LINE) ด้วย

"เสรีภาพในสื่อสังคมออนไลน์กับประเด็นความมั่นคง" คือหัวข้อเสวนาที่ภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่งจัดไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมเสวนาแซ่บๆ หลายท่าน

อย่าง นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บก.ข่าวการเมืองและความมั่นคง จากไทยพีบีเอส ที่เพิ่งถูกเรียกสอบกรณีการโพสต์ข้อความลือลงเฟซบุ๊ก,  พ.ต.ท.สันติพัฒน์ พรหมะจุล รองผกก.กลุ่มงานสนับสนุนคดีเทคโนโลยี การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตัวแทนจากหน่วยงานที่กำลังมีประเด็นจะคุม LINE, นายอาทิตย์ สุริยวงศ์กุล ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองเน็ต ซึ่งไม่สบอารมณ์กับเรื่องตรวจสอบ LINE จนต้องออกแถลงการณ์ และนายศิลป์ฟ้า ตันศราวุธ นักสื่อสารมวลชนอิสระและนักกฎหมาย ที่แนะนำได้ว่าจะใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้ตัวเราอยู่รอดปลอดภัย


 :33: :33: :33:

นายเสริมสุข เล่าถึงกรณีของตนเองว่า ก่อนหน้านี้มีการประชุมสภาเพื่อลงมติพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.เพื่อไทย มีม็อบต่อต้าน จนรัฐบาลเลือกประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงบางพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ช่วงนั้นมีข่าวลือเรื่องการทำปฏิวัติโดยคนโน่นที คนนี้ที ตนเองในฐานะสื่อสายการเมือง ก็นิยมวิพากวิจารณ์สถานการณ์เป็นนิสัย และครั้งนั้น ตนเลือกหยิบข่าวลือดังกล่าวมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กแล้ววิเคราะห์ว่า เป็นไปไม่ได้ โดยมีผู้อื่นเข้ามาแสดงความเห็น พร้อมกับแชร์หรือแบ่งปันข้อความของตนไปไม่น้อย

และแล้วไม่กี่วันต่อมา นายเสริมสุข บอกว่า ปอท.ให้ข่าวเป็นเรื่องใหญ่โต ระบุ ตนเป็น 1 ใน 4 รายที่ถูกเรียกสอบ เพราะการโพสต์ข้อความของตนสร้างความตื่นตระหนก เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากจุดนี้ สังคมอาจมองว่า  นายเสริมสุข มีความผิดไปแล้ว แถมยังสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ตาม การเรียกพบของ ปอท. นั้น ได้สรุปภายหลังว่า เรียกสอบในฐานะพยาน เนื่องจากเจตนาในการโพสต์ข้อความนั้น มิได้จงใจสร้างข่าวลือ แต่เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์


 :91: :91: :91:

เมื่อเป็นเช่นนี้ "นายเสริมสุข" เกิดคำถามว่า การนำพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพ.ร.บ.ความมั่นคง มาบังคับใช้เพื่อตรวจสอบนั้น ปอท. มีขอบเขตที่ชัดเจนหรือไม่ เพราะกรณีของตน เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็น แต่ขณะที่เว็บไซต์จาบจ้วงสถาบันนั้น ดูเหมือนละเลย เพราะยังมีอยู่เกลื่อน?

พ.ต.ท.สันติพัฒน์ จาก ปอท. ระบุถึงกรณีนี้ว่า ถ้ามีการนำข้อความมาโพสต์ หรือแชร์ในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง โดยเนื้อหานั้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน ทางปอท.ก็จะต้องเชิญมาสอบถามเพื่อให้ทราบเจตนา อย่างไรก็ตาม เนื้อหาบางอย่างในพ.ร.บ.มั่นคง กำลังจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสม ไม่กระทบสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนจนเกินไป ส่วนกรณีเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมนั้น ทางเจ้าหน้าที่มีการติดตามอยู่ทุกวัน แต่ด้วยขั้นตอนการเสนอปิดกั้นค่อนข้างใช้เวลา และหลายเว็บไซต์ไม่ได้อยู่ในเมืองไทย จึงเป็นผลให้จัดการได้ล่าช้า แต่ยืนยันมิได้ละเลย


 :signspamani: :signspamani: :signspamani:

นอกจากนี้ พ.ต.ท.สันติพัฒน์ ยังถือโอกาสแจงถึงกรณีการตรวจสอบการใช้ LINE ว่า ทาง ปอท. มุ่งขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการ ไม่ได้ต้องการจะควบคุมผู้ใช้บริการทั่วไป ขณะที่การขอความร่วมมือจาก LINE จะเกิดขึ้นเป็นรายกรณี เช่น เมื่อเกิดการกระทำผิด มีการร้องทุกข์แล้ว ปอท.จึงจะร้องขอผู้ให้บริการช่วยเผยข้อมูลเฉพาะของผู้กระทำผิดเท่านั้น

ด้านนักกฎหมาย อย่าง นายศิลป์ฟ้า ซึ่งเป็นสื่อมวลชนอิสระด้วยนั้น แนะว่า กรณีของนายเสริมสุข หรือจะเป็นกรณีอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกันนั้น การจะแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ควรเขียน คัดลอกข้อความข่าวลือมาโพสต์ซ้ำ แต่ให้ใช้การท้าวความสั้นๆ เช่น ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวลือ แล้วจึงตามด้วยความคิดเห็นของตนลงไป อย่างนี้จะไม่ทำให้ตกเป็นจำเลย หรือไปเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉะนั้น เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องรู้เท่าทั้นกฎหมาย


 :41: :41: :41:

สำหรับนายอาทิตย์ ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองเน็ต มีความเห็นว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีการมุ่งเน้นระบบคอมพ์มากไป ต้องมีการปรับให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยส่วนตัวคิดว่า ประชาชนคนธรรมดากับการอ่านกฎหมายให้เข้าใจนั้นเป็นเรื่องยาก เช่น ตนเองอ่านกฎหมายก็ยังไม่เจอว่า การกดไลค์ (Like) กดแชร์ (Share) นั้น ผิดกฎหมายข้อไหน จึงอยากเรียกร้องให้มีการปรับตัวกฎหมาย สิ่งสำคัญคือ ควรปรับให้ประชาชนอ่านเข้าใจได้ง่าย ขอบเขตชัดเจน ชอบธรรมกับทุกฝ่าย มีความจำเป็นและชอบด้วยสัดส่วน.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/article/440/227037
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ