ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ซึ้ง.! แท็กซี่พ่อลูกอ่อน กระเตงลูกร่อนรอบกรุง  (อ่าน 1219 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29442
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ซึ้ง! แท็กซี่พ่อลูกอ่อน กระเตงลูกร่อนรอบกรุง

แท็กซี่พ่อลูกอ่อน กัดฟันขับรถรับลูกค้า พร้อมเลี้ยงลูกวัยเดือนเศษควบคู่กันไป เหตุไม่มีเงินพอที่จะจ้างใครเลี้ยงแทนได้ ซ้ำเมียไม่สบาย และต้องขายของ จึงต้องรับภาระนี้ไว้เอง วอนรัฐเบรกขึ้นราคา ก๊าซแอลพีจี หวั่นกระทบต้นทุนขับแท็กซี่

เช้ามืดวันที่ 26 ส.ค. หลายคนอาจได้เห็น เครือข่ายผู้ประกอบการแท็กซี่ จากหลากหลายสหกรณ์ มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการเยียวยา หลังการปรับขึ้นก๊าซแอลพีจี ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ก.ย.นี้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง มีแท็กซี่พ่อลูกอ่อน ‘วสันต์ งามปัญจะ วัย 52 ปี หอบหิ้ว “น้องพริกขี้หนู” ลูกชายวัย 1 เดือน 8 วัน ขับรถรอบกรุง หารายได้เลี้ยงครอบครัว




วสันต์ ยึดอาชีพขับรถแท็กซี่มากว่า 2 ปี เล่าให้ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า สาเหตุที่ต้องเลี้ยงน้องพริกขี้หนู ขณะขับรถบริการ เพราะภรรยา ต้องออกไปขายของ และมีสุขภาพไม่แข็งแรง เดินไม่ค่อยสะดวก แต่ก็ไม่มีเงินเหลือพอจะไปจ้างเลี้ยงเด็ก ในฐานะหัวหน้าครอบครัว จึงตัดสินใจพาลูกน้อยออกมาด้วย

ทุกๆ วัน วสันต์จะหอบหิ้วตะกร้า 1 ใบ ใส่ของใช้เด็กอ่อน ทั้งผ้าออมสำเร็จรูป น้ำต้มสุก นมผง และนมที่ชงไว้แล้ว 2 ขวด

"มีผู้โดยสารหลายคนที่เห็นว่าผมต้องขับรถไป เลี้ยงลูกไป เบาะหน้าข้างคนขับผมจะจองให้ลูกนอนตรงนั้นเลย แล้วพอแกร้อง หรือเวลาให้นมค่อยเอามาวางบนตัก ป้อนขวดนม แล้วขับรถต่อไป ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เจอเขาก็เห็นใจนะ เพราะเข้าใจดีว่าเรามีความจำเป็นที่ต้องเลี้ยงลูกเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจจริงหรือเปล่า (หัวเราะ) ชีวิตนี้แม้เราจะเลือกไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะต่อสู้ หากินเอง โดยไม่แบมือขอใครได้" และระหว่างการเดินทาง สังเกตได้ว่า คุณพ่อต้องจัดสรรท่าทางสำหรับ 2 กิจกรรม ทั้งเลี้ยงลูกและขับรถ คือ มือซ้ายคอยบังคับพวงมาลัยขับรถ ส่วนมือขวาต้องคอยสับระหว่างประคองขวดนมให้ลูกน้อย กับพวงมาลัยอยู่เป็นระยะ



พ่อลูกอ่อน วัย 52 ปี ยอมรับว่า รายได้จากอาชีพขับแท็กซี่เมื่อเฉลี่ยแล้ว แทบไม่มีเงินเหลือเก็บ เพราะต้องเสียเงินเช่ารถแท็กซี่แบบเหมาตลอด 24 ชั่วโมง ค่าเช่า 10 วัน ต้องจ่าย 7,500 บาท ค่าเติมก๊าซเอ็นจีวี วันละประมาณ 450 บาท (เติม 3 รอบ และใช้บัตรเครดิตพลังงาน) เพราะพยายามที่จะวิ่งบริการลูกค้าตลอดทั้งวัน เพื่อให้มีรายได้เพียงพอทั้งค่ากินอยู่ ค่านมลูก ซึ่งรายได้จะเฉลี่ยเหลือ ประมาณ 1,000 บาท ต่อวัน และตั้งแต่มีลูกเงินแทบไม่เหลือเก็บ หนำซ้ำเมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องไปขอกู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อนำมาใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว ฉะนั้นจึงห่วงว่าถ้า ค่าก๊าซปรับขึ้นมากกว่านี้ และไม่มีมาตรการเยียวยา กลัวว่าจะแบกรับภาระไม่ไหว เพราะค่าเช่ารถปัจจุบันก็สูงมากอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามกลุ่มเครือข่ายแท็กซี่ได้พยายามเรียกร้องรัฐบาลเร่งออกมาตรการเยียวยา ภายหลังการปรับขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งแท็กซี่ไม่ได้มีการปรับมิเตอร์มากว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งนายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนรัฐบาลได้รับปากกับเครือข่ายแท็กซี่ว่าจะเร่งดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป


แท็กซี่คันดังกล่าว เป็นเก๋งสีชมพู ทะเบียน ทล 6517 กรุงเทพมหานคร ซึ่งในยามปกติแท็กซี่พ่อลูกอ่อน  จะเน้นให้บริการในย่านฝั่งธน บางแค เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน แต่หากมีลูกค้าเรียกและต้องการไปสถานที่อื่นๆ เหนือจากนี้หากยังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ก็ยินดีที่จะไปให้ โดยไม่เคยปฏิเสธลูกค้าแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ว่า ลูกค้าที่โบกรถมีท่าทีไม่น่าไว้ใจ หรือในกรณีที่ตน และผู้โดยสารไม่รู้เส้นทางทั้งคู่ ก็จะปฏิเสธไป และเหตุผลสุดท้ายที่จะปฏิเสธก็ในกรณีที่ก๊าซหมดจริงๆ จนไม่สามารถไปต่อได้แล้ว

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/region/365914
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ