« เมื่อ: กันยายน 12, 2013, 07:01:22 am »
0
ทองคำหุ้มฉัตรยอดพระมหาโพธิเจดีย์ พุทธคยา
ผมต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ที่ผมได้ว่างเว้นจากการเขียนไป 3 สัปดาห์ เพราะจอประสาทตาฉีกขาดต้องไปผ่าตัดตา และหมอให้นอนคว่ำหน้าอยู่ 2 สัปดาห์ เพิ่งกลับมาทำงานได้เพียงสัปดาห์เศษ ๆ ครับ
วันนี้ ผมจะของดเรื่อง “ผลพระคุณ ธ รักษา” ไว้สักวัน เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาเล่าสู่กัน นั่นคือ โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาโพธิเจดีย์ พุทธคยา เนื่องในโอกาส 2,600 ปี พุทธชยันตีที่พระพุทธเจ้าชนะกิเลสทั้งปวง ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ และเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสที่สมเด็จพระสังฆราชเจริญพระชนมายุ 100 พรรษา ซึ่งผมได้มาชักชวนท่านผู้อ่านให้มาร่วมทำบุญใหญ่กันในคอลัมน์นี้นั้น บัดนี้ โครงการดังกล่าวใกล้ความจริงขึ้นแล้ว กล่าวคือ
คณะกรรมการโครงการ ซึ่งมี สมเด็จพระวันรัต ประธานโครงการ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ประธานอุปถัมภ์ ได้รับบริจาคทองคำและเงินจากประชาชนชาวไทยทุกภาค โดย เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2556 มาจนปิดโครงการ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2556 ที่ไบเทค บางนา โดยรับบริจาคที่กรุงเทพมหานคร 7 ครั้ง ที่เชียงใหม่ 2 ครั้ง สิงห์บุรี 1 ครั้ง อุบลราชธานี 1 ครั้ง และหาดใหญ่ 1 ครั้ง และเปิดบัญชีธนาคารให้ประชาชนโอนเงินเข้าร่วมบำเพ็ญกุศลด้วย

ตั้งแต่เริ่มโครงการจนปิดโครงการ ได้รับเงินบริจาค 128,794,030.35 บาท ได้รับทองคำ 214.281 กิโลกรัม คณะกรรมการได้นำเงินไป ซื้อทองคำเพิ่มเติม 11 ครั้ง เป็นเงิน 94,954,549.38 บาท ได้ทองคำ 71.468 กิโลกรัม รวมทองคำทั้งสิ้นที่ได้ 285.749 กิโลกรัม และคงเหลือเงิน 26,838,508.97 บาท ยอดนี้ท่านพิสิฐ ลีลาวชิโรภาส อดีตรักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งว่าปิดยอดในวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ความจริง ยังมีผู้มีจิตศรัทธานำทองคำมาบริจาคหลังจากนั้น คณะกรรมการก็ต้องขออภัยที่ไม่อาจรับไว้ได้ เพราะปิดโครงการไปแล้ว ต่อไปก็จะทำบัญชี และให้ สตง.ตรวจสอบบัญชีแล้วจะประกาศให้สาธารณชนทราบต่อไปโดยเร็ว

ตอนแรกท่านอาจารย์เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ ผู้กำกับการทำทองคำ คำนวณว่าต้องใช้ทองคำ 250 กิโลกรัม หากใช้ทองแค่นี้โครงการก็ปิดได้ตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2556 ซึ่งเป็นการรับบริจาคครั้งที่ 10 ที่อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว แต่เมื่อคณะกรรมการเห็นศรัทธาของคนไทยทั้งชาติก็ตกลงกันว่าจะเพิ่มทองให้หนาขึ้น ท้ายที่สุด อ.เผ่า ก็เพิ่มทองในส่วน
ต่าง ๆ เช่น บัวยอดฉัตร เดิมกะจะใช้ความหนา 0.3 มิลลิเมตร ก็ขยับเป็นหนา 0.5 มิลลิเมตร ที่ฉัตรชั้นล่างสุดซึ่งกว้างประมาณ 1.7 เมตร เดิมจะใช้ความหนา 0.5 มิลลิเมตร ก็เพิ่มความหนาเป็น 0.8 มิลลิเมตร ซึ่งต้องใช้ทองเป็น 282 กิโลกรัม ส่วนที่เหลืออีก 3 กิโลกรัมจะไปใช้ทำเป็นสกรู และเส้นทองที่ใช้บัดกรีประสาน ทองที่ใช้เป็นทองคำ 96.5% ครับ
ความสำเร็จนี้เกิดจากพุทธานุภาพโดยแท้ เพราะตอนเริ่มโครงการในเดือนมีนาคม ทองยังบาทละ 22,000 บาทเศษ พอเปิดรับบริจาคในเดือนเมษายน ทองคำราคาตกมาเหลือบาทละ 19,000 บาท และทรงราคานี้ประมาณ 5 เดือน เมื่อรับทองครั้งสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม ที่ไบเทค วันจันทร์ที่ 26 ทองก็ราคา 22,000 บาท ดังเดิมมาจนทุกวันนี้ เมื่อคณะกรรมการกังวลเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่พุทธคยา ก็มีเหตุการณ์วางระเบิดในบริเวณใกล้เคียง แต่ไม่มีความเสียหายใด ๆ วันนี้ ทางการอินเดียและรัฐพิหารเพิ่มทหาร-ตำรวจในการ รปภ.พุทธสังเวชนียสถานแห่งนี้เพียบ! นี่จะไม่ให้ผมเข้าใจว่าเป็น “พุทธานุภาพ” ได้อย่างไร ?
เพื่อให้คนไทยได้อนุโมทนาบุญ คณะกรรมการจึงจัดสมโภชใหญ่ ณ สวนอัมพร ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2556 โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทรงเป็นประธาน โดยได้นำทองคำจริงไปจัดแสดง และมีการสวดอิติปิโส 5,000 จบเท่าอายุพระพุทธศาสนา
คณะกรรมการจะนำทองคำดังกล่าว ไปดำเนินการหุ้มฉัตรยอดพระมหาโพธิเจดีย์ ซึ่งสูง 51 เมตร ระหว่างเดือนกันยายน–ตุลาคม โดยฉัตรที่จะหุ้มทองคำเดิมเป็นทองเหลือง สูง 4.5 เมตร และกว้างที่สุด 1.7 เมตร และจะจัดสมโภชใหญ่ ณ บริเวณพระมหาโพธิเจดีย์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 นี้ ผมจะนำความคืบหน้ามากราบเรียนท่านผู้อ่านในโอกาสต่อไป

สำหรับอานิสงส์การถวายทองคำหุ้มฉัตรเป็นพุทธบูชานั้น พอเทียบเคียงจากพระไตรปิฎกได้ คือ พระมหากัจจายนะ หรือที่รู้จักกันในนาม พระสังขจาย ได้เอาทองทาฉาบพระมหาเจดีย์ของพระพุทธเจ้าปทุมมุตระ ทำให้ท่านเป็นหนุ่มรูปงาม มีผิวพรรณดังทองคำ และบรรลุพระอรหัตผลในที่สุด หรือพระนางอภิรูปนันทาเถรี พระญาติของพระพุทธองค์ ผู้ได้นำฉัตรทองไปบูชาไว้ ณ เบื้องบนแห่งพระสถูปที่บรรจุพระธาตุ ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพธิดาในชั้นดาวดึงส์ และลงมาเกิดในศากยวงศ์มีความงามเป็นเลิศ และเมื่อบวชก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ในท้ายที่สุด
ด้วยอานุภาพแห่งพระบรมศาสดา ด้วยศรัทธาอันเปี่ยมล้นของชนชาวไทยทั้งชาติ ด้วยวิริยะ สติ สมาธิ และปัญญาของกรรมการโครงการ ภารกิจในประเทศของโครงการนี้ ก็ลุล่วงได้ด้วยดี และเมื่อได้ประดิษฐานทองคำดังกล่าวไว้บนยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ ก็จะเป็นการประกาศศักดิ์ศรีของไทยทั้งชาติไปนานแสนนานว่าคนไทยทั้งชาติได้กระทำพุทธกตเวทิตบูชา เป็นทองคำบริสุทธิ์จากสุวรรณภูมิ อันแปลว่า ดินแดนแห่งทองคำนำไปบูชาคุณพระบรมศาสดา ผู้ทรงมีพระมหากรุณาจำแนกธรรม นำชนชาวไทยเข้าสู่กระแสแห่ง มรรค ผล นิพพาน ตั้งแต่กาลอดีตมาจนปัจจุบัน

ขอผลบุญยิ่งใหญ่อันเกิดจากโครงการนี้จงสำเร็จ เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเป็นพระกุศลขึ้นแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
ทั้งขอผลบุญนี้ จงคุ้มครองชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสยามรัฐสีมาอาณาเขต ให้กอปรด้วยสามัคคีธรรม น้อมนำมาซึ่งความสุข ความสงบสันติตลอดไป และดลบันดาลให้ เรา-ท่านทั้งครอบครัว ญาติมิตรมีความสุข สำเร็จ สมหวัง ตลอดกาลนิรันดร์เทอญ.ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/article/351/231975