เมื่อ อุปติสสะปริพาชก ได้ฟัง ธรรมภาษิตจาก พระอัสสชิ ได้ดวงตาเห็นธรรม
ได้นำข้อความนั้น ไปกล่าวกับ โกลิตะปริพาชก ๆ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม
ทั้งสองจึงนำข้อความไปบอกกับ ปริพาชก ที่เป็นบริวารทั้งหมด ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม
ทั้งหมดจึงตกลงกันว่า จักไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้า เพื่อศึกษาธรรม
อุปปติสสะปริพาชก จึงเข้าไปแจ้งแก่ สัญชัยปริพพาชก ผู้เป็นอาจารย์ว่า
อาจารย์ ครับ สำนักของเราไม่มีแก่นสาร หรอกครับ
ตอนนี้ผมได้ฟังธรรม อันพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงรู้ว่ามีอมตะธรรมอันลึกซึ้ง
ผมจึงมาชวนอาจารย์ ร่วมไปฟังธรรมด้วยกัน
สัญชัยปริพาชก ฟังดังนั้น ( ขอให้ทุกท่านลองกำหนดอารมณ์ )
ว่าสัญชัยปริพาชานั้น จะัมีความรู้สึกอย่างไร ที่ลูกศิษย์ตัวเองที่ชื่นชอบ
มาพูดว่า ธรรมะของตนเอง ไร้แก่นสาร มีคนธรรมะเป็นแก่นสารแล้ว เราไปฟังกันเถิด
ตอนนั้น ผมว่า สัญชัยปริพาชก น่าจะโกรธแต่ไม่แสดงออกให้ปรากฏอย่างชัดเจน
เนื่องด้วย อุปติสสะปริพาชกนั้น เป็นผู้ฉลาด มีอิทธิพล เป็นเศรษฐี
จึงกล่าวเป็นเตือนสติว่า
ดูก่อนท่านผู้้เป็นศิษย์ ( เตือนว่าเป็นศิษย์ ) เราขอถามท่านว่า ชนในโลกนี้ คนฉลาดมีมากกว่า หรือ
คนโง่มีมากกว่า
อุปติสสะตอบว่า คนฉลาดมีน้อยกว่า คนโง่มีมากกว่า
ดูก่อนพ่อ ( ใช้วาจาที่กระหยิ่มเข้าทาง ) ถ้าอย่างนั้น ท่านจงไปสู่สมณะโคดมเถิด ส่วนเราจักอยู่กับชนที่โง่
ในความหมายตรงนี้ ( คิดเอาเองว่า )
สัญชัยปริพาชก ต้องการเตือนว่า คนโง่ทั้งหลายต้องการพวกเราอยู่ ท่านจะทิ้งคนโง่ทั้งหลายอย่างนั้นหรือ
ขนาดเรายังเสียสละอยู่กับคนโง่เหล่านี้ ท่านที่เป็นคนฉลาดทำไมจึงไม่เสียสละ
มาเล่าพอให้เป็นธรรมหรรษา แต่น่าจะเล่าไม่ได้ดีเท่าไหร่ ครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ
และขอบคุณท่านที่อ่านไม่จบ
