ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ใช้คอมพ์มาก...เสี่ยงออฟฟิศซินโดรม.!  (อ่าน 1499 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 29448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ใช้คอมพ์มาก...เสี่ยงออฟฟิศซินโดรม.!
« เมื่อ: ตุลาคม 23, 2013, 08:14:23 am »
0


ใช้คอมพ์มาก...เสี่ยงออฟฟิศซินโดรม.!

เมื่อภาวะออฟฟิศซินโดรมลามวัยกระเตาะ! พบ 2 ทางป้องกัน...

ไลฟ์สไตล์การทำงานที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ในออฟฟิศ แถมส่วนใหญ่ยังเป็นการนั่งทำงานอยู่กับที่เกือบตลอดทั้งวัน อาการปวดเมื่อยที่ตำแหน่งต้นคอและหลัง เนื่องจากการนั่งนานๆ หรือที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม ย่อมมาเยือนได้ไม่ยาก

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยิ่งทำให้เชื่อว่า อาการปวดเมื่อยจากภาวะออฟฟิศซินโดรมคงจะมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546-2555 แทบทุกช่วงวัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากลองเทียบระหว่างปี พ.ศ.2554 กับ พ.ศ.2555 มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ในช่วงวัย 25-29 ปี หรือวัยทำงาน เพิ่มขึ้นจาก 1.92 ล้านคน เป็น 1.97 ล้านคน


 ans1 ans1 ans1

เมื่อต้องการทราบถึงสถานการณ์ภาวะออฟฟิศซินโดรม "เดลินิวส์ออนไลน" จึงสอบถามกับนายแพทย์วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการสถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์ เผยถึงผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยจากภาวะออฟฟิศซินโดรมว่า ปัจจุบันสังคมตื่นตัวกับเรื่องนี้มากขึ้น ผู้คนรู้จักออฟฟิศซินโดรม ดังนั้นเมื่อมีอาการปวดเมื่อยจากการทำงานจึงมักมาพบแพทย์ ซึ่งต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า การนั่งนานๆ ไม่ลุก เปลี่ยนอิริยาบถน้อยเท่านั้นที่จะทำให้เป็นออฟฟิศซินโดรม ส่วนท่ายืนนั้นไม่ทำให้เกิดอาการนี้

นายแพทย์วีระพันธ์ เผยอีกว่า จากประสบการณ์การรักษาและให้คำปรึกษาผู้ป่วย มักพบคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 20-40 ปี ซึ่งไม่มีปัญหาโรคกระดูกสันหลัง แต่มาพบด้วยอาการปวดเมื่อยจากภาวะออฟฟิศซินโดรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีทั้งกลุ่มที่มีอาการน้อยหรือไม่รุนแรง จะมีอาการปวดหลัง ปวดคอ แพทย์จะเน้นให้แก้ไขด้วยการปรับท่านั่งให้ถูกต้อง ส่วนกลุ่มที่มีอาการมาก มักมาด้วยอาการปวดคอแล้วร้าวไปแขน บ้างก็ปวดหลังร้าวไปขา ถือเป็นสัญญาว่ามีการกดทับเส้นประสาท หรือพยาธิสภาพกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท เนื่องจากการเคลื่อนไหวในท่าทางที่ไม่เหมาะสม






นอกจากนี้ นายแพทย์วีระพันธ์ ยังให้ความเห็นว่า ปัจจุบันพบการใช้เครื่องมือสื่อสารยอดนิยม ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และโน๊ตบุ๊ค ในอิริยาบถที่ไม่ถูกหลักทางการแพทย์ คือ ก้มคอเพื่อมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้สามารถทำให้เป็นออฟฟิศซินโดรมได้เหมือนกัน ปัจจุบันจึงพบว่า วัยเด็ก-วัยรุ่น อายุเพียง 10-20 ปี เริ่มมีปัญหาปวดคอเพราะใช้อุปกรณ์ดังกล่าวอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ใช้พยายามยกหรือปรับหน้าจอของอุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาแทนการก้มมอง

เมื่อ "ท่าทางการนั่ง" เป็นปัจจัยสำคัญของออฟฟิศซินโดรม นายเชาวลิต สืบแสงอินทร์ โปรแกรมเมอร์อิสระ ซึ่งกำลังศึกษาปริญญาโท สาขาออกแบบและวางแผน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จึงใช้ความรู้ด้านวิศกรรมรวมกับงานออกแบบมาพัฒนา "เครื่องประเมินความเสี่ยงในการนั่งทำงานของผู้พิการและบุคคลทั่วไปที่ใช้ร่างกายส่วนบน"


 :character0029: :character0029: :character0029:

เกี่ยวกับเครื่องประเมินความเสี่ยงนี้ นายเชาวลิต เผยว่า ผลงานของตนสามารถช่วยลดปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้ โดยก่อนหน้านี้ตนก็มีปัญหาปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆ จึงคิดสร้างเครื่องมือนี้ขึ้นมา โดยใช้งบประมาณเพียงหมื่นต้นๆ ขณะที่ในต่างประเทศมีราคาสูงเกือบสิบล้าน เหตุที่ใช้ทุนสร้างได้ถูกกว่ามาก เพราะเน้นหลักปรับประยุกต์ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ มาประกอบกัน

รูปลักษณ์ของเครื่องจะมีอุปกรณ์รวม 3 ชิ้น ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 2 ชิ้น ซึ่งติดกล้องขาวดำ กล้องสี และกล้องอินฟาเรดเอาไว้ อีกชิ้นคือคอมพิวเตอร์สำหรับเปิดใช้โปรแกรม Rapid Upper Limp Assesment หรือเรียกสั้นๆ ว่า RULA เพื่อประมวลผลท่านั่ง







ก่อนจะใช้เครื่องนี้ ต้องนำเซ็นเซอร์ 2 ชิ้น แบ่งวางไว้ด้านซ้ายและขวา ขนาบข้างตัวผู้ที่จะเข้ารับการประเมินความเสี่ยง จากนั้นเชื่อมต่อเซ็นเซอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม RULA เมื่อเสร็จขั้นตอนการเตรียม ให้ผู้รับการประเมินฯ นั่งเก้าอี้แล้วหันให้เซ็นเซอร์จับภาพโครงสร้างกระดูกเพื่อส่งให้ RULA สร้างเป็นภาพโครงร่าง ก่อนจะหันเก้าอี้เข้าหาโต๊ะและนั่งทำงานตามปกติ

ระหว่างนั่งทำงาน เซ็นเซอร์จะจับภาพและส่งภาพให้ RULA ประมวลผลแบบเรียลไทม์ โดยแสดงผลได้ 2 แบบ คือ แสดงภาพหุ่นจำลองการเคลื่อนไหวของผู้รับการประเมินฯ พร้อมระบุองศาที่เคลื่อนไหว และมีการให้คะแนนในช่วง 1-7 คะแนน (คะแนนต่ำ หมายถึงความเสี่ยงน้อย) ขณะที่การแสดงผลอีกแบบจะออกมาในรูปกราฟเส้น นอกจากนี้ระหว่างประเมินความเสี่ยง ยังมีฟังก์ชั่นเปิดเสียงเตือนภาษาไทยให้ปรับท่าทางที่ถูกต้อง


 :33: :33: :33:

การประเมินมักใช้เวลา 10-15 นาทีต่อคน สำหรับผลคะแนนที่ได้สามารถนำไปให้นักการยศาสตร์ (ศาสตร์ในการจัดสภาพงานให้เหมาะกับคนทำงาน) ช่วยวิเคราะห์เพื่อสะท้อนว่าตัวผู้รับการประเมินฯ นั่งทำงานในท่าที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งยังเกี่ยวเนื่องไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานถูกออกแบบและจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่

เครื่องประเมินความเสี่ยงเพื่อลดปัญหาออฟฟิศซินโดรม จึงเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับองค์กรและนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน แต่คงต้องอดใจรอเพราะเครื่องดังกล่าวกำลังรอพัฒนาตัวเซ็นเซอร์ให้สามารถจับภาพการเคลื่อนไหวช่วงข้อมือถึงปลายนิ้วให้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์สูงสุด

จากความเห็นของแพทย์ และการทำงานของเครื่องประเมินความเสี่ยงระหว่างการทำงาน แสดงให้เห็นว่า ท่านั่งที่ถูกต้อง และของใช้ที่เหมาะสม มีความสำคัญช่วยให้เกิด-ช่วยป้องกัน ออฟฟิศซินโดรม.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=189491
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ