ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดความรู้ เรื่อง"ช่อฟ้า"  (อ่าน 6673 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29496
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เกร็ดความรู้ เรื่อง"ช่อฟ้า"
« เมื่อ: ตุลาคม 30, 2013, 07:59:54 am »
0

เกร็ดความรู้ เรื่อง"ช่อฟ้า"

    "ช่อฟ้า" มีความหมายถึง ช่อที่ยื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็น "นัย" แห่งการบูชาพระรัตนตรัยและปวงเทพเจ้าบนสวรรค์ชั้นฟ้าประการหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องไม้สูงประดับอยู่บนอกไก่ตรงบริเวณที่ไม้สำรวย หรือนาคสำรวยมาบรรจบกัน ช่อฟ้านี้จะใช้ประดับเฉพาะ พระราชวัง โบสถ์  วิหาร ศาลาการเปรียญ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บางประเภทในวัดเท่านั้น

     ช่อฟ้ามีความสำคัญมากน้อยเพียงใดอาจเห็นได้ดังนี้
     สมมุติว่า เราถอดสัญลักษณ์หรือเครื่องประดับต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นออกไปทีละอย่างจากตัวโบสถ์หรือวิหาร เช่น ถอดเอาบัวและกลีบบัวซึ่งประดับอยู่ในส่วนต่างๆ ออกไป ถอดเอาสัตว์หิมพานต์ นาค และลวดลายต่างๆ ออกไปจนไม่มีเครื่องประดับอะไรเหลืออยู่เลย ความรู้สึกเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมไทยแม่บทก็จะยังคงมีอยู่ตราบใดที่ช่อฟ้ายังติดอยู่บนหลังคา แต่พอถอดช่อฟ้าออกความรู้สึกดังกล่าวจะหมดไปทันที


       ans1 ans1 ans1

      โดยที่จริงช่อฟ้าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเพราะไม่มีใครสามารถอธิบายที่มาได้ ทั้งรูปร่างหน้าตาของช่อฟ้าก็มีต่างๆ กันแล้วแต่ว่าเป็นของภูมิภาคใดๆ เช่นบางแห่ง อาจปั้นเป็นรูปสัตว์ธรรมดาหรือเป็นสัตว์หิมพานต์ก็ได้ อย่างไรก็ดีมีผู้ที่ได้พยายามอธิบายรูปลักษณะและความหมายของ ช่อฟ้าไว้ต่างๆ นานา ดังนี้

      - รูปครุฑจับนาค ในเมื่อครุฑเป็นพาหนะของพระวิษณุ จึงสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างพระวิษณุ  (โดยบริวารของพระวิษณุ) และพญานาครอบเขาพระสุเมรุ
      - รูปคล้ายหงส์หรือนกในเทพนิยาย ตลอดจนรูปของช่อฟ้าที่มีลักษณะคล้ายเรือหงส์





     ชาวพม่าถือว่า ช่อฟ้าของเขาเป็นรูปหงส์จริงๆ
     เป็นคําย่อจาก ฉัตรสวรรค์ช่อฟ้า ซึ่งหมายถึงแดนสวรรค์ทั้งหกชั้น 
     เป็นการผสมคําระหว่าง คําว่าช่อและฟ้า ช่อหมายถึงพวง ส่วนฟ้าหมายถึงส่วนเบื้องบนหรือแดนสวรรค์
     อย่างไรก็ตาม นอกจากช่อจะหมายถึงพวงแล้ว ยังหมายถึงสิ่งที่ยื่นออกไป
     ดังนั้น ช่อฟ้าอาจหมายถึง การยื่นออกไปสู่แดนสวรรค์ก็ได้

     อีกประการหนึ่งช่อในภาษาเหนือหมายถึง ธง คำว่าช่อฟ้าจึงอาจแปลความหมายตามนั้นได้เหมือนกัน
     อาจหมายถึงเขาสัตว์ ในหมู่เกาะอินโดนีเซีย บ้านเรือนของชนบางเผ่าประดับด้วยเขาสัตว์บนยอดหลังคา


      :96: :96: :96:

     ผู้เขียนเองไม่ค่อยจะเชื่อในแนวความคิดนี้ อาจหมายถึงหัวไก่ เป็นการแปลความหมาย อย่างง่ายๆ ของชิ้นส่วนไม้ที่ติดอยู่กับชิ้นไม้บนหลังคาที่ เรียกว่าอกไก่ อาจหมายถึงคันไถ เป็นความหมายทางด้านเกษตรกรรมซึ่งปกติมิได้มีส่วนสะท้อนในสถาปัตยกรรมไทยเลย 

    นอกจากนี้ผู้เขียนขออธิบายความหมายของช่อฟ้าซึ่งอาจจะเป็นไปได้เพิ่มเติมอีกดังต่อไปนี้ 
    อาจหมายถึงหางเสือ เป็นการอธิบายที่เกี่ยวกับเรือซึ่งน่าคิด เพราะมีตัวอย่างปรากฏอยู่หลายแห่ง เช่นในเมืองจีน หลังคาหลายแห่งมีสันเป็นรูปเรือ  รูปหัวพญานาคตรงกลางสันหลังคา มักจะมีปราสาทองค์เล็กๆ หรือฉัตรตั้งอยู่ ซึ่งมีความหมายถึงเขาพระสุเมรุและน้ำจะต้องไหลลงไปจากจุดนี้ ซึ่งใช้พญานาค หรือมังกรเป็นสัญลักษณ์ ดังนั้นหัวพญานาคจะต้องพุ่งไปสู่ จั่วหลังคาและหยุดพัก ณ ที่นั้น ก่อนที่จะหันหัวไหลต่อลงไปเป็นรูปลํายอง





     สรุปแล้วความหมายที่แท้จริงของช่อฟ้า ควรเป็นพญานาค เพราะเป็นความหมายที่โยงกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในระบบภูมิจักรวาลกล่าวคือการกวนเกษียรสมุทรโดยพระวิษณุหรือการต่อสู้ระหว่าง พระอินทร์กับพญานาคบนเขาพระสุเมรุ ซึ่งทําให้พญานาคต้องพ่ายแพ้และต้องปล่อยให้น้ำไหลหลากลงมาหล่อเลี้ยงชีวิตบนโลก 

     คราวนี้ลองย้อนกลับไปพิจารณาถึงโบสถ์ หรือวิหารซึ่งเมื่อสักครู่ได้ถูกถอดเครื่องประดับออกไปจนหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่เพียงผนังสี่ด้านกับหลังคาเปล่าๆ สมมุติว่าลองใส่เครื่องประดับคืนกลับเข้าไปทีละชิ้นๆ จากข้างล่างไปสู่ข้างบน จนกระทั่งในที่สุดยกช่อฟ้ากลับขึ้นไปตั้งบนหลังคา ในทันทีที่ช่อฟ้ากลับเข้าสู่ที่เดิมเราจะรู้สึกว่าความสมบูรณ์แบบได้กลับคืนมาทันที เสมือนหนึ่งช่อฟ้านี้เป็นจุดรวมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในสถาปัตยกรรมไทยแม่บท



ข้อมูลจาก http://www.watpathumwanaram.com/main/article_detail.php?id=59
ภาพจาก http://static.panoramio.com/ , http://www.weekendhobby.com/ , http://www.oknation.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2013, 08:05:51 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ