
    วิธีอุปสมบทมีทั้งหมด ๘ อย่าง แต่เฉพาะที่ใช้เป็นหลักมี ๓ อย่างคือ
    ๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทา การอุปสมบทด้วยพระวาจาว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด” เป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง
    ๒. ติสรณคมนูปสัมปทา หรือสรณคมนูปสัมปทา การอุปสมบทด้วยถึงไตรสรณะ เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตให้พระสาวกทำในยุคต้นพุทธกาล เมื่อคณะสงฆ์ยังไม่ใหญ่นัก เมื่อทรงอนุญาตวิธีที่ ๓ แล้ว วิธีที่ ๒ นี้ก็เปลี่ยนใช้สำหรับบรรพชาสามเณร
    ๓. ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา การอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรม เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตให้สงฆ์ทำ ในเมื่อคณะสงฆ์เป็นหมู่ใหญ่ขึ้นแล้ว และเป็นวิธีใช้สืบมาจนทุกวันนี้ ;
   วิธีอุปสมบทอีก ๕ อย่าง ที่เหลือเป็นวิธีที่ทรงประทานเป็นการพิเศษ จำเพาะบุคคลบ้าง ขาดตอนหมดไปแล้วบ้าง ได้แก่ (จัดเรียงลำดับใหม่ เอาข้อ ๓. เป็นข้อ ๘. ท้ายสุด)
   ๓. โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา การอุปสมบทด้วยการรับโอวาท เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตแก่พระมหากัสสปะ
   ๔. ปัญหาพยากรณูปสัมปทา การอุปสมบทด้วยการตอบปัญหาของพระพุทธองค์ เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตแก่โสปากสามเณร
   ๕. ครุธรรมปฏิคคหณูปสัมปทา (หรือ อัฏฐครุธรรมปฏิคคหณูปสัมปทา) การอุปสมบทด้วยการรับครุธรรม ๘ ประการ เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี
   ๖. ทูเตนะ อุปสัมปทา การอุปสมบทด้วยทูต เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตแก่นางคณิกา (หญิงโสเภณี) ชื่อ อัฑฒกาสี
   ๗. อัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา การอุปสมบทมีวาจา ๘ คือ ทำด้วยญัตติจตุตถกรรม ๒ ครั้งจากสงฆ์ทั้งสองฝ่ายคือจากภิกษุณีสงฆ์ครั้งหนึ่ง จากภิกษุสงฆ์ครั้งหนึ่ง ได้แก่การอุปสมบทของภิกษุณี
   ๘. ญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทา (ข้อ ๓. เดิม)______________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
ทรงอนุญาตบรรพชาและอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์
    [๓๔] ก็โดยสมัยนั้น  ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและผู้มุ่งอุปสมบทมาจากทิศต่างๆ จากชนบทต่างๆ ด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคจักให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบท. ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุทั้งกุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและกุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบทย่อมลำบาก.
     ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับในที่สงัด หลีกเร้นอยู่ มีพระทัยปริวิตกเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า บัดนี้ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและผู้มุ่งอุปสมบทมาจากทิศต่างๆ จากชนบทต่างๆด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคจักให้พวกเขาบรรพชา อุปสมบท ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุทั้งกุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและกุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบท ย่อมลำบาก  ผิฉะนั้น  
       
  
 
     เราพึงอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า 
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่นแหละจงให้กุลบุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบทในทิศนั้นๆ ในชนบทนั้นๆ เถิด. ครั้นเวลาเย็นเสด็จออกจากที่เร้น รับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น ทรงทำธรรมีกถาแล้ว รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า 
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไปในที่สงัด หลีกเร้นอยู่ ณ ที่นี้ ได้มีใจปริวิตกเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า บัดนี้ภิกษุทั้งหลายพากุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและผู้มุ่งอุปสมบท มาจากทิศต่างๆจากชนบทต่างๆ  ด้วยตั้งใจว่า พระผู้มีพระภาคจักให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบท ในเพราะเหตุนั้น ทั้งพวกภิกษุทั้งกุลบุตรผู้มุ่งบรรพชา และกุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบทย่อมลำบาก  
     ผิฉะนั้น เราพึงอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า 
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่นแหละจงให้กุลบุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบทในทิศนั้นๆในชนบทนั้นๆเถิด.  
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราอนุญาตพวกเธอนั่นแหละจงให้กุลบุตรทั้งหลายบรรพชาอุปสมบทในทิศนั้นๆในชนบทนั้นๆ เถิด.
       
  
 
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็แลพวกเธอพึงให้กุลบุตรบรรพชาอุปสมบทอย่างนี้:-
     ชั้นแรก พวกเธอพึงให้กุลบุตรผู้มุ่งบรรพชาและผู้มุ่งอุปสมบท 
     - ปลงผมและหนวด 
     - แล้วให้ครองผ้ากาสายะ ให้ทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า  
     - ให้กราบเท้าภิกษุทั้งหลายแล้ว  
     - ให้นั่งกระหย่งประคองอัญชลีสั่งว่า เธอจงว่าอย่างนี้ แล้วให้ว่าสรณคมน์ ดังนี้:-
             ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
             ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
             ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๒  ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๒  ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๒  ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๓  ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๓  ข้าพเจ้าถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
             แม้วาระที่ ๓  ข้าพเจ้าถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
      ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตบรรพชาอุปสมบท ด้วยไตรสรณคมน์นี้.
      กถาว่าด้วยอุปสมบทด้วยไตรสรณคมน์ จบ._________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ บรรทัดที่ ๗๗๘ - ๘๑๐. หน้าที่ ๓๓ - ๓๔.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=4&A=778&Z=810&pagebreak=0              ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- 
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=4&i=34