
ขอขอบพระคุณพระอาจารย์ที่นำพระสูตรนี้มาเผยแพร่ครับ ด้วยพระสูตรนี้ๆ ด้วย อุทเทสและวิภังค์ของบุคคลผู้มีราตรีเดียว นี้ๆ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผมอย่างสูง เพราะบุคคลที่มีความฟุ้งซ่าน ระส่ำไม่เป็นสมาธิ ย่อมมีความคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และ ยังมาไม่ถึงเป็นหลัก ขันธ์ทั้ง ๕ อันล่วงไปแล้วทั้งที่ตนมีมา และ ไม่ได้มีมานั้นผมพิจารณาเข้ารวมไปถึง "กรรม" คือ การกระทำใดๆของตนที่ผ่านมาแล้วด้วย เมื่อตรึกนึกระลึกเช่นนี้ๆอยู่ความฟุ้งซ่านระส่ำย่อมมี แต่ก่อนนี้ผมก็เคยได้ยินได้ฟังมาเรื่อง
“บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว
ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งใดที่ยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็เป็นอันยังไม่มาถึง
แต่ไม่เคยได้รู้พระสูตรนี้ รู้แต่ว่าพิจารณราแต่ปลายเท้าขึ้นมา แต่ปลายผมลงไป เท่านั้น แม้มีผู้หวังดีและผู้รู้ชี้แนะว่าอย่างไปคิดมากทิ้งๆมันไปบ้าง ถึงจะรู้แต่ก็เข้าไม่ถึงสักที เวลาเจริญทำได้แค่ ระลึกพุทธานนุสสติบ้าง ถึงอานาปานสติบ้าง ถึงสภาพที่จิตว่างที่ตนเคยมีมาบ้าง เจริญเมมตตาบ้าง ก็ยังแทบสงบใจไม่ได้เลย
เพราะไม่รู้คำตรัสสอนที่ละเอียดนี้ ทำให้เข้าไม่ถึงหลังจากที่เกิดความสูญเสียและเสื่อมไปแก่ผม บัดนี้ผมแจ้งขึ้นในใจแล้ว ด้วยพระเดชพระคุณของพระอาจารย์ธัมมวังโสที่อนุเคราะห์โพสท์กระทู้นี้ครับ
ขอกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าอย่างสูงครับสาธุ สาธุ สาธุ
