ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พระเกศา-พระโลหิต" สมเด็จพระสังฆราช แปรสภาพเป็นพระธาตุ  (อ่าน 1488 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


"พระเกศา-พระโลหิต" สมเด็จพระสังฆราช แปรสภาพเป็นพระธาตุ

ศิษยานุศิษย์ สมเด็จพระสังฆราช เผย พระเกศา-พระโลหิต แปรสภาพ เป็นพระธาตุ เชื่อ เกิดจากความเป็น พระกรรมฐาน เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ได้รับยกย่องจากหลวงตามหาบัว เป็นผู้รู้ด้านจิตภาวนา ขณะที่พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาสักการะพระศพอย่างต่อเนื่อง ในวาระครบ 50 วันแห่งการสิ้นพระชนม์

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เปิดเผยว่า  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้สิ้นพระชนม์ครบ 50 วัน ในวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ปัญญาสมวาร ถวาย สมเด็จพระสังฆราช ระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม 2556 ในขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์ ก็ยังคงหลั่งไหลมาถวายสักการะพระศพกันอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ ตนได้รับทราบจากคณะศิษยานุศิษย์ ว่า พระเกศา และพระโลหิต ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสเจริญพระชนมายุ 100 พรรษานั้น ได้แปลสภาพเป็นพระธาตุ ซึ่งสร้างความปิติแก่คณะศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก





พระราชรัตนมงคล กล่าวต่อไปว่า สาเหตุสำคัญ ที่ส่งผลให้ พระเกศา และพระโลหิต  แปรสภาพเป็นพระธาตุ ส่วนหนึ่งมีความเชื่อว่ามาจาก พระปฏิปทาด้านสมาธิกรรมฐาน ซึ่ง สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ทรงสนพระทัยในการฝึกปฏิบัติกรรมมาฐาน ตั้งแต่ยังทรงเป็นพระเปรียญ 

ซึ่งการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นคตินิยมในพระสงฆ์คณะธรรมยุตที่สืบเนื่องกันมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงเน้นให้พระสงฆ์สามเณรพึงปฏิบัติ 2 อย่างให้เคร่งครัด คือ คันถธุระ ได้แก่ การศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อให้มีความรู้ด้านพระธรรมวินัย และวิปัสสนาธุระ คือ การอบรมจิตใจตามหลักสมถะและวิปัสสนา เพื่อให้รู้แจ้งในธรรมและกำจัดกิเลสออกจากจิตใจ จนสามารถบรรลุธรรมได้ในที่สุด


 :25: :25: :25:

“สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ ทรงปฏิบัติพระองค์แบบพระกรรมฐานในเมือง และเมื่อทรงมีโอกาส ก็เสด็จจาริกไปประทับตามสำนักวัดป่าในภาคอีสานเสมอ ซึ่งครั้งหนึ่งหลวงตามหาบัว ได้กล่าวถึงพระองค์ว่า ท่านเคยมาภาวนาที่วัดป่าบ้านตาด แต่ก่อนที่ท่านยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านมาแต่ละครั้งมาเป็นอาทิตย์ๆ เอาจริงเอาจังเวลาภาวนา เวลามีโอกาสอันดีท่านก็สนทนาธรรมกัน ท่านตั้งใจศึกษาและมีความรู้ด้านจิตตภาวนาอย่างมาก สงสัยเรื่องไหนท่านจะซักจนถึงเหตุและผล” พระราชรัตนมงคลกล่าว

ผู้ช่วยวัดบวรนิเวศวิหาร กล่าวอีกว่า สมเด็จพระสังฆราช ยังได้ไปฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับ พระอาจารย์สำคัญหลายรูป อาทิ หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับภาระสอนกรรมฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร มาตั้งแต่ 2504  ซึ่งพระองค์ เป็นที่ยอมรับของหมู่พระนักปฏิบัติ หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า พระกรรมฐาน พระองค์หนึ่ง และยังได้มีพระนิพนธ์เกี่ยวกับ เรื่องกรรมฐาน และเรื่องของจิตมากมาย โดยเฉพาะเล่มที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด คือ จิตตนคร นครหลวงของโลก

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/200896/_พระเกศา-พระโลหิต_สมเด็จพระสังฆราช+แปรสภาพเป็นพระธาตุ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา