ผมขออนุญาตใช้ปัญญาอันน้อยนิดของผมตอบคำถามด้วยนะครับ หากผิดพลาดบิดเบือนพระธรรมของพระพุทธเ้จาอย่างไร รบกวนติชมชี้แนะด้วยนะครับ
๑. สมาธินั้น ไม่ว่าจะระลึกอะไร เจริญแบบไหน พิจารณายังไง มันก็เข้าสมาธิได้หมด
แต่สมาธิที่เข้าถึงนั้นมันเอื้อต่อสติไหม หรือ มีกำลังพอให้สตินั้นเห็นตามจริงได้ไหม ที่เราเรียกกันว่า
"สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะ๑ (ความรู้ ความเห็นตามความเป็นจริง) เป็นผล"
๒. เมื่อไประลึกสิ่งใดๆที่เป็นอกุศลธรรมอันลามก แทนที่เราจะรู้เห็นตามจริงกลับทำให้ติดอยู่ในความตรึกนึกนั้นอยู่ นี่ก็เรียกว่า มิจฉาสมาธิ หรือ มิจฉาฌาณ
หรือ เมื่อไประลึกในสิ่งใดๆอันไม่เอื้อต่อสัมมาสมาธิที่เกื้อหนุนในสัมมาสติ ก็จะทำให้เราไม่รู้เห็นตามจริงสักนิ่งเงียบอยู่ หรือ ระลึกพิจารณาอันไม่เป็นไปตามจริง อันนี้ก็เรียกมิจฉาสมาธิ หรือ มิจฉาฌาณ
- หากคุณพิจารณาตามเสียงเพลง หากเป็นเพลงรัก เพลงอกหัก หรือ เพลงใดๆที่คุณมีความเพลิดเพลินแล้วทำให้เกิดกามราคะ โทสะ โมหะ อันเกิดแต่ความเพิลดเพลินนั้น จิตคุณย่อมน้อมไปใน กาม ราคะ โมชทสะ โมหะ แม้เป็นสมาธิ แต่ก็ยากที่จะเอื้อให้เกิดสัมมาสติให้เข้ามาพิจารณาเห็นตามจริงถึงความ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน และ ทุกข์ จนเกิดนิพพิทา คือ ความเบื่อหน่ายด้วยเห็นตามจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับว่าสมาธิคุณนั้นมันเอื้อต่อสัมมาสติไหม
- หากมองในมุมกลับกัน ๑ ที่คุณพิจารณาตามเสียงเพลง หากเป็นเพลงธรรมเสียงธรรม แล้วคุณน้อมนำไปพิจารณา เมื่อเกิดสมาธิจิตคุณย่อมจดจ่ออยู่ในความพิจารณาจากเสียงธรรมอันนั้น เมื่อเกิดความนิ่งอยู่มีสัมมาสมาธิ เกิดเป็นฌาณผุดขึ้น ฌาณนั้นย่อมเกื้อหนุนต่อสัมมาสติ คือ สัมปะชัญญะ+สติ เป็นธรรมคู่ ๒ อันงามเรียก สัมมาสติ
- หากมองในมุมกลับกัน ๒ เมื่อคุณพิจารณาเสียงอยู่มีใจจดจ่อนิ่งอยู่ด้วยเสียง เมื่อฟังเสียงนี้แล้วสักแต่เพียงรู้ว่าเสียง ไม่มีบัญญัติใดๆ สักแต่เป็นเพียงเสียง สูงๆ ต่ำๆ ทุ้มๆ แหลมๆ ดังๆ เบาๆไม่มีความหมายใดๆ ไม่มีตัวตนบุคคลใด สักแต่เป็นเพียงสิ่งหนึ่งๆ ธาตุหนึ่งๆ รูปหนึ่งๆ ที่มากระทบแล้วเรารับรู้ทางหู เพราะหูนั้นทำหน้าที่ได้ยินดังนี้ ก็เกิดเป็นสัมมาสมาธิอันเป็นผลเนื่องมาจากมี สติสังขารวนรอบไป ทำให้เห็นตามจริงอันเรียกว่า ปรมัตถธรรม คือ สภาพจริงๆ ที่มีอยู่จริงๆ โดยตัดขาดจากสมมติบัญญัติใดๆ แต่ไม่ใช่นึกคิดเดาเอานะครับ สภาพนั้นต้องตัดจากความตรึกนึกคิดได้ไม่รับรู้ภายนอก มีเพียงตัวรู้ที่รู้ตัวทั่วพร้อมรู้ทันสภาพปรุงแต่งใดๆนั้นในปัจจุบัน เกิดเป็นตัวแลที่แลดูสภาพนั้นๆอยู่แต่ไม่เข้าไปร่วม ส่วนตัวรู้กับตัวแลนี้ คือ สัมปะชัญญะ+สติ ซึ่งเกิดขึ้นร่วมกับสัมมาสมาธิเป็นหลัก ส่วนจะเกิดขึ้นเองโดยปราศจากสัมมาสมาธินั้นผมยังไม่เคยเห็นใครผู้ใดที่ทำได้
- ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ปและปฏิบัติในสมถะก่อน รู้ในกายคตาสติก่อนจึงไปรู้ เวทนา จิต ธรรม หรือ วิปัสสนาใดๆ มันจึงจะเกิดผลเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าห้ามไปรู้ไปเรียนนะครับ แต่น้อยคนนักที่จะเป็นแนวที่ว่าใช้แต่ปัญญาแล้วบรรลุอรหันต์ เป็นแนวสุขวิปัสสะโก