พิมพ์

[raponsan]

'ทะไล ลามะ' เยือนถิ่นไทอาหมแนะสู้แบบสันติวิธี

'ทะไล ลามะ'เยือนถิ่นไทอาหมแนะสู้แบบสันติวิธี พระธรรมทูตไทยเล็งจัดระเบียบสร้างศาสนทายาท : สำราญ สมพงษ์รายงาน(FB-samran sompong)

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่คงจะมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้งทั่วไปว่าผลจะออกมาอย่างไร ท่ามกลางการออกมาชุมนุมประท้วงของมวลมหาประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคนไทยก็ตกอยู่ในหลุมดำการเมืองแห่งความขัดแย้งมาเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 3 เดือนกว่าแล้ว คงไม่มีใครสนใจประเด็นอื่นมากนัก

แต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 มีประเด็นที่น่าสนใจสำหรับคนที่สนใจด้านพุทธศาสนาและประเด็นชาติพันธุ์ไทหรือไตอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเป็นวันที่องค์ทะไล ลามะผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบตได้เดินทางไปที่รัฐอัสสัมประเทศอินเดีย เพราะรัฐอัสสัมนี้มีคนชาติพันธุ์ไทหรือไตอาศรัยอยู่คือชาวไทอาหมมากพอสมควร

 

ชาวไทอาหมนั้นได้อพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีนข้ามภูเขาปาดไก่ปักหลักที่ลุ่มแม่น้ำพรหมบุตรสร้างอาณาจักรไทเรียกว่าอาณาจักรไทอาหมเมื่อ 700 ปีที่ผ่านมาร่วมสมัยกับยุคสุโขทัย และคนไทอาหมก็ได้รับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแต่มาระยะหลังส่วนใหญ่ได้หันไปนับถือศาสนาฮินดู เพิ่งจะมีการรื้อฟื้นเมื่อไม่นานมานี้

องค์ทะไล ลามะประทับที่เมืองกุวาหตี (Guwhati) เป็นเวลา 5 วัน ร่วมงานเทศกาลศิลปะชาวธิเบต พร้อมกับให้แง่คิดว่า  "พวกเรา(ชาวทิเบต) ต้องขับเคลื่อนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพโดยใช้สันติวิธีซึ่งเป็นพุทธวิธีนับเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะเอาชนะการต่อสู้ได้ ถ้าหากว่าการต่อสู้หรือการเคลื่อนไหวล้มเหลว ชาวโลกก็จะรู้สึกได้ว่าสันติวิธีและพุทธศาสนาล้มเหลวแล้วเช่นกัน ชัยชนะบนความเคลื่อนไหวอย่างสันติหรือวิถีทางต่อสู้ทางพุทธศาสนา เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวจีนเช่นเดียวกันเพราะที่ประเทศจีนก็มีชาวพุทธเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจีนต้องเข้าใจสิ่งนี้"

ความจริงแล้วคนไทยกลับคนไทอาหมนั้นปัจจุบันนี้มีก็มีความสัมพันธ์ในระดับส่วนบุคคลและมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากคนไทยส่วนใหญ่มากนัก นอกจากผู้ที่สนใจศึกษาด้านชาติพันธุ์และด้านภาษาไทยหรือไตเท่านั้น

ส่วนด้านพุทธศาสนานั้นในแง่ขององค์กรในประเทศไทยก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนแต่ในระดับบุคคลพอมีบ้าง แม้นว่าปัจจุบันนี้จะมีวัดพุทธและชาวพุทธที่รัฐอัสสัมมากพอสมควร อย่างเช่นเมื่อปลายปี 2556 พระมหาสมพงษ์ คุณากโร พระนักศึกษาปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยมัทราส  เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ก็ได้เดินทางไปเสนอบทความเชิงวิชาการ เรื่อง Consciousness: The Perceptual sphere in Buddhism and Edmund Husserl's Phenomenology ที่มหาวิทยาลัยอัสสัม

 

ขณะเดียวกันช่วงที่ได้มีโอกาสร่วมคณะนิสิตปริญญาโทสันติศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) รุ่นที่ 1 (และกำลังรับสมัครรุ่นที่ 2อยู่) ตามโครงการ "จาริกสันติธรรม สู่ดินแดนแห่งพุทธภูมิ" ประเทศอินเดีย-เนปาล จำนวน 40 รูป/คน ระหว่างวันที่ 16-26 มกราคมที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรดังกล่าวนั้น ได้สัมผัสกับพระเณรที่เป็นชาวไทอาหมโดยตรง

จุดแรกคือที่วัดพุทธสาวิกา(แม่ชีไทย)พุทธคยา โดยมีพระ 2 รูปและสามเณร 6 รูปอาศรัยอยู่ ภายใต้การอุปการะให้ทุนการศึกษาทั้งทางธรรมและทางโลกตามการศึกษาของอินเดียของแม่ชีนลินรัตน์ สิทธิธรรมวิชฌ์ หรือแม่ชีแก้ว  โดยตั้งความหวังให้เป็นศาสนทายาทต่อไป

ขณะเดียวกันได้ทราบว่าพระเทพโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย หัวหน้าพระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล ได้รับสามเณรจากรัฐอัสสัมเข้าอยู่ภายในวัด ทั้งนี้ได้มีโอกาสได้สอบถามถึงแนวทางในการเผยเแพร่พระพุทธศาสนาในรัฐอัสสัมโดยเฉพาะชาวไทอาหมทราบว่า ปัจจุบันนี้มีพระและวัดที่รัฐอัสสัมมากพอสมควร ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบให้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างศาสนาทายาท  และที่วัดไทยพุทธคยาเป็นศูนย์ฝึกพระธรรมทูตจึงได้ตั้งความหวังว่าจะพัฒนาให้เป็นศูนย์ฝึกเทียบชั้นสำนักวาติกัน

พร้อมกันนี้ช่วงที่พักอยู่ที่วัดไทยสารนาถเมืองพาราณสีก็ได้พบกับพระชาวไทอาหมที่พักอยู่ซึ่งบวชมานาน 40 พรรษาแล้วและวุฒิการศึกษาสูงระดับปริญญาเอกเลยที่เดียว

 

จากเหตุการณ์ที่ได้สัมผัสกับพระชาวไทอาหมครั้งนี้สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยกันได้อย่างสบาย จึงทำรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยตั้งความหวังต้องหาโอกาสไปเยือนรัฐอัสสัมสักครั้ง และดูเหมือนว่าชาวไทอาหมจะมีความสัมพันธ์กับพระไทยที่เป็นพระธรรทูตที่ประเทศอินเดียมากกว่าพระในประเทศไทยเสียอีก

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140206/178351.html#.UvN2OPsW5El