ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เข้าวัดปล่อยสัตว์ ทำบุญสร้างบาป.?  (อ่าน 6009 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เข้าวัดปล่อยสัตว์ ทำบุญสร้างบาป.?
« เมื่อ: มิถุนายน 17, 2014, 10:41:44 am »
0


เข้าวัดปล่อยสัตว์ ทำบุญสร้างบาป.?
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

หลายปีที่ผ่านมา ความเชื่อเรื่อง"ทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์"กำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากองค์กรพิทักษ์สัตว์ทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองไทยที่ผู้คนนิยมซื้อนกซื้อปลามาปล่อยในวันสำคัญทางศาสนา เพื่อสะเดาะเคราะห์ ตามประเพณีที่ยึดถือกันมาแต่โบราณ

การปล่อยสัตว์สู่ธรรมชาติอาจไม่ได้ช่วยชีวิตพวกมันอย่างที่คิดไว้ กลับเป็นการทำลายสมดุลของธรรมชาติ ทรมานสัตว์ เนื่องจากการปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง อาจทำให้สัตว์ที่ปล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต ทั้งยังสนับสนุนธุรกิจจับสัตว์มาขายแบบผิดกฎหมาย โดยส่งเสริมให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่างปกติสุขมากักขังหน่วงเหนี่ยว ทุกขั้นตอนตั้งแต่การจับ กักขัง ขนส่ง และรอจำหน่าย ส่งผลให้มีสัตว์จำนวนมากต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ


 :96: :96: :96:

ทั้งหมดนี้ทำให้บางประเทศเริ่มมีมาตรการอย่างเฉียบขาดเพื่อแก้ไขปัญหา นั่นคือประเทศสิงคโปร์ ถึงขั้นออกกฎหมายห้ามปล่อยสัตว์ในที่สาธารณะ ครอบคลุมทั้งการปล่อยสัตว์เลี้ยง จนถึงการปล่อยนกปล่อยปลาเพื่อทำบุญ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นเงิน 10,000 สิงคโปร์ดอลลาร์ หรือ 260,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ยังรณรงค์ให้ประชาชนเลิกปล่อยสัตว์ในวันสำคัญทางศาสนาด้วย

การให้ความรู้ว่าการช่วยเหลือสัตว์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ซื้อมันไปปล่อยในธรรมชาติ แต่ต้องยกเลิกกิจกรรมทำบุญบนการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ต่างหาก





*วันนี้ที่ท่าน้ำวัดระฆัง*

บริเวณท่าน้ำของ*วัดระฆังโฆษิตาราม* ถือเป็นแหล่งทำบุญปล่อยสัตว์ที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร แผงจำหน่ายปลา หอยขม กบ เต่า ตะพาบ รวมถึงนกตั้งเรียงรายตลอดทางไม่ต่ำกว่า 10 ร้านเสียงแม่ค้าตะโกนเชื้อเชิญเจื้อยแจ้ว พร้อมยื่นเมนูรายชื่อสัตว์ที่ต้องการจะทำบุญกว่า 17 ชนิด ความหมายของการปล่อยสัตว์แต่ละชนิด และสนนราคา ดังนี้

 :91: :91: :91:

*ปลาไหล* การเงิน การเรียน การงานจะราบรื่น ราคา 10 บาท *ปลาดุก* ศัตรูคู่แข่งจะแพ้พ่าย10 บาท
*ปลาชะโด* มีแต่สิ่งใหญ่ๆโตๆเข้าบ้าน 30 บาท *ปลาช่อน* ช้อนเงินช้อนทอง 20 บาท
*ปลาสวาย* ปลดปล่อยสิ่งไม่ดีต่อตัวเราเอง 10 บาท *ปลาราหู* หมดเคราะห์ 10 บาท
*ปลาตะเพียน* เงินทองไหลมาเทมา 30 บาท *ปลาดุกเผือก* มงคลต่อชีวิต
*ปลาทับทิม* ความรักราบรื่นสมหวัง 10 บาท และ *ปลาขาวนำโชค* 10 บาท
ปลากราย จากร้ายกลายเป็นดี 30 บาท*ปลาบู่* ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ 50 บาท
*เต่า* ต่ออายุให้ยืนยาว 20 บาท *ปลาหมอ* สุขภาพดี 10 บาท
*กบ *จัดวิบากกรรม 30 บาท *หอยขม* ทิ้งความขมขื่น ร่มเย็นเป็นสุข 20 บาท

ทุกร้านมีการตั้งราคากลางราคาเดียวเหมือนกันหมด

 :32: :32: :32:

จากการสังเกตพบว่าตลอดทั้งวันยังคงมีผู้มาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากันอย่างไม่ขาดสาย ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น พวกเขาจ้องเมนู ชี้เลือกปลาในกะละมังหลายชนิดคละกัน แล้วผู้ขายจะช้อนขึ้นมาใส่รวมไว้ในถังน้ำใบเล็กๆ แล้วเดินไปวางไว้บริเวณบันไดท่าน้ำ ต่อมาผู้ซื้อจะนั่งอธิษฐานบนเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ให้ ก่อนจะถูกแนะนำให้เดินไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นขั้นตอนสุดท้าย

หลังจากนั้นบางคนถูกชักชวนให้ปล่อยนก เมื่อตกลงกันได้ พ่อค้าแม่ค้ารายเดิมก็จะนำตะกร้าพลาสติกบรรจุนกตัวเล็กๆ 2 ตัว(บังคับให้ปล่อยเป็นคู่)ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นนกกระติ๊ดขี้หมู หนึ่งในสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 !!!

 :41: :41: :41:

*เจ๊ยี้* แม่ค้าร้านขายปลาท่าน้ำวัดระฆัง เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน คนจะนิยมปล่อยนกปล่อยปลา เพื่อสะเดาะเคราะห์ ในทุกครั้งที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ปัจจุบันหันมาปล่อยเฉพาะในวัดพระใหญ่

"ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่หมอดูแนะนำมาทั้งนั้น อาจจะมีชาวต่างชาติบ้างอย่างจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ฝรั่งไม่มี เพราะเขาไม่มีความเชื่อทางนี้"

อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องรายได้และแหล่งที่มาของสัตว์เหล่านั้น





*สัตว์ผู้น่าสงสาร มาจากไหน.?*

จากงานวิจัยหัวข้อ *"ปล่อยสัตว์ ทำบุญฤาสร้างบาป"* โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรเมื่อปี 2554 ระบุว่าสัตว์ที่คนนิยมซื้อไปปล่อย บางชนิดหาได้ตามท้องตลาด บางชนิดต้องลักลอบซื้อในตลาดมืด เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ยอดนิยมที่ผู้นิยมปล่อยมากที่สุดอย่างปลาไหล ปลาดุก ปลานิล ปลาสวาย ปลาหมอ เต่า ตะพาบ พวกนี้ไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากยังมีเหลืออยู่ให้จับได้บ่อยๆตามแหล่งน้ำธรรมชาติ อีกทั้งยังหาได้ซื้อได้ตามฟาร์มเพาะเลี้ยง และตามท้องตลาดทั่วไป

*ที่น่าเป็นห่วงคือนก โดยเฉพาะกลุ่มนกกระจาบ (นกกระจาบธรรมดา นกกระจาบทอง นกกระจาบอกลาย) กลุ่มนกกระติ๊ด (นกกระติ๊ดแดง นกกระติ๊ดขี้หมู นกกระติ๊ดตะโพกขาว) ซึ่งเป็นนกที่หากินเมล็ดข้าวเมล็ดพืชอยู่ตามทุ่งนาในแถบภาคกลาง มักโดนดักตาข่ายจับได้ทีละเป็นฝูง แล้วจะมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อตัวละ 3-5 บาท ก่อนจะนำมาขายตามสถานที่ทำบุญต่างๆในราคา 30-40 บาท*


 :03: :03: :03:

ดังที่ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม เมื่อมีคนพบนกกระติ๊ดขี้หมู สัตว์คุ้มครอง ประเภทนก ลำดับที่ 62 ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ถูกจับยัดถุงพลาสติกวางขายอย่างเปิดเผย สร้างความเวทนาสงสารให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

"ผู้ค้ามีความผิดทางกฎหมาย ฐานมีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไว้เพื่อการค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ส่วนผู้ซื้อใจบุญที่จ่ายเงินไถ่ชีวิตนกเหล่านี้ก็มีความผิดเช่นกัน" *พ.ต.ท.มงคล พรานสูงเนิน* รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กล่าว




*ทำบุญแต่ได้บาป.?*


ประเด็นที่ว่าการทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์นั้นได้บุญหรือบาป ยังคงเป็นคำถามคาใจใครหลายคน

*ดร.ชวลิต วิทยานนท์* นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน้ำจืด ยืนยันว่าการปล่อยสัตว์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์แต่ละชนิด รวมถึงสถานที่ปล่อยที่เหมาะสม โอกาสที่จะสัตว์เหล่านั้นจะตายมีสูงมาก

"ต้องรู้ว่าปลาชนิดไหนอยู่แบบไหน อย่างปลาไหล ธรรมชาติของมันคืออยู่ในน้ำแฉะมีดินโคลน ตามบึงหนองน้ำ ถ้าไปปล่อยในน้ำลึกไหลเชี่ยว โอกาสที่จะมีชีวิตรอดน้อยมาก เช่นเดียวกับหอยขมที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำจืดธรรมชาติทั่วไป หากนำไปปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ไม่น่ารอด ส่วนเต่า หากถูกปล่อยในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ ก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาดใจตาย เพราะเหนื่อยและหมดแรง"


 :25: :25: :25:

*พระราชธรรมนิเทศ* หรือ *พระพยอม กัลฺยาโณ* เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าให้มาก ทำมาก ช่วยมาก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญอยู่ที่วินิจฉัยใคร่ครวญ ทบทวน ถ้วนถี่ พูดง่ายๆว่าใคร่ครวญเสียก่อนแล้วค่อยทำดีกว่า

“*ใคร่ครวญยังไงบ้าง 1.ปล่อยไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นรอดหรือไม่ เช่น เอานกบางชนิดที่ภูมิลำเนาถิ่นเกิดในป่า เอามาปล่อยในเมือง ไม่รู้จะหากินยังไง บินชนตึกตาย เต่าบางชนิดเป็นเต่าบก ถ้าไปปล่อยในน้ำ มันว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาย เอาปลาน้ำเค็มมาปล่อยน้ำจืด นี่เป็นบาปแน่นอน เป็นความโง่ในการปล่อย เขาเรียกเมตตาอวิชชา เป็นเมตตาที่ไม่ใช้ปัญญา ดังนั้นเราต้องดูสัตว์ชนิดนั้น สถานที่ปล่อย มันหากินได้ไหม อยู่ได้ไหม ขยายพันธุ์ได้ไหม แบบนี้ได้บุญถือว่าใคร่ครวญ คนเรามันมัวทำ "พิธี"แต่ไม่นึกถึง"วิธี"*

 :sign0144: :sign0144: :sign0144:

พระพยอมยืนยันว่าคนทำมาอาชีพนี้ บาปแน่นอน หากินคนชีวิตเขา เขาเสียอิสระ ขณะที่วัดนั้นมี 2 แบบคือวัดที่สนับสนุนให้มีผู้มาซื้อขายสัตว์หน้าวัด กับวัดที่ต่อต้านไม่ให้มีพ่อค้าแม่ค้าใช้วิธีนี้หากินกับผู้ทำบุญ

"วัดควรจัดระเบียบ สอนคนให้สงสารสัตว์ เพราะยิ่งทำสัตว์ก็จะยิ่งถูกจับเยอะ เพราะยังมีวงจรอุบาทว์จับแล้วปล่อยแล้วจับวนเวียนไม่รู้จบ การทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์ ถ้าทำแล้วได้คุณได้ประโยชน์ได้บุญก็ควรทำต่อไป ไม่ต้องยกเลิก วิธีทำบุญยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมาย ทาน ศีล ภาวนา ถ้ารักษาศีลทำทาน มีภาวนาอยู่ในใจ อาจได้บุญมากกว่าปล่อยนกปล่อยเต่าปล่อยปลาเสียอีก เอาจริงๆแค่ถือศีล 5 ไม่เบียดเบียนสัตว์ อายุก็ยืนแล้ว"

*สมควรแล้วหรือยังที่ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ยกเลิกประเพณีที่เบียดเบียนสัตว์เช่นนี้เสียที*





ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/สกู๊ป-กทม./300876/เข้าวัดปล่อยสัตว์ทำบุญสร้างบาป-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

VivainNarak

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เข้าวัดปล่อยสัตว์ ทำบุญสร้างบาป.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2014, 02:02:19 pm »
0
ไม่เคยคิดถึงตรงนี้เหมือนกันแหะ ว่าสัตว์ที่จะเอามาปล่อยเขาเอามาจากไหน
บันทึกการเข้า