ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : ปัญญาธรรม (3)  (อ่าน 2177 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : ปัญญาธรรม (3)
« เมื่อ: กันยายน 14, 2014, 09:55:04 pm »
0


สมาธิชาวบ้าน : ปัญญาธรรม (3)

หากเราอยู่บนโลกโดยเท่าทันต่อมายาสมมติบนโลกนี้แล้ว ถึงแม้จะมีความทุกข์เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะทุกข์น้อยลง เพราะเท่าทันทุกข์ได้เร็ว แต่ถ้าเราไม่เท่าทันความทุกข์แล้ว ทุกข์นั้นก็จะทบทวีคูณขึ้นไป เพราะเราหลงเข้าไปติดกับดักของมัน

ดังนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดๆ หรือเรื่องราวใดๆ ให้ปล่อยมันไปตามที่มันเป็น เพราะถ้าหากเรายังมัวยึดมั่นถือมั่นอันนั้นอันนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ว่าเป็นความสุข ความทุกข์ของเรา เราก็จะทุกข์ โดยที่ไม่มีใครมาทุกข์กับเราด้วย


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามธรรมชาติ เราไม่ต้องไปรู้สึกยินดียินร้าย ปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของจิต ในสุขย่อมมีทุกข์ ในทุกข์ย่อมมีสุข เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน เราย่อมไม่สามารถเลือกหรือรับความสุขได้เพียงอย่างเดียว สิ่งที่ยึดเอาไว้คือความทุกข์ของใจทุกดวง

ที่เราทุกข์ก็เพราะใจ หากใจไม่เกิดปัญญาธรรมก็ปล่อยวางไม่ได้ ใจเมื่อเกิดปัญญาธรรมก็สามารถปล่อยวาง จึงหลุดพ้นได้ พอหลุดพ้นแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องราวที่เราเคยทุกข์เสียเหลือเกินนั้น มันช่างน่าหัวเราะเสียนี่กระไร ที่เราไปปล่อยให้กิเลสมายาเหล่านั้นมาลากเราเข้าไปทำร้าย



ถ้าไม่มีสมมติบัญญัติมาบัญญัติหรือรองรับปรากฏการณ์ต่างๆ ในโลกนี้ มันก็จะเป็นปรากฏการณ์เฉยๆ ไม่สามารถลากเราให้ไปพอใจหรือไม่พอใจได้ ใจดวงนี้มันก็สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นภายในใจ แต่ว่ามันไม่มีอาการปรุง เพราะมันไม่มีสมมติบัญญัติมารองรับปรากฏการณ์ดังกล่าว ใจดวงนี้จึงปรุงไม่ได้ ไม่มีอาการดีใจ เสียใจ ก็จะอยู่แค่กลางเฉยๆ เมื่อจิตไม่ปรุงก็ไม่มีอารมณ์ดีใจ เสียใจ เมื่อใจไม่ปรุงไม่แต่งก็จบสิ้นกันตรงนี้
ถ้าไม่ฝึกพิจารณาธรรมย่อมไม่เกิดปัญญาธรรม ทีนี้พอโลกไม่เป็นไปตามที่เราคิด ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ เราก็ต้องทุกข์เยอะ

ในการปฏิบัติธรรมก็จึงจำเป็นต้องพึ่งอุบายกรรมฐานเพื่อให้จิตสงบ ให้ใจของเรานิ่งลงไป ให้ความคิดมันน้อยลง ทีนี้ถ้าใครถนัดอะไรก็ให้ใช้อันนั้น เช่น ถ้าถนัดเอาความรู้สึกไปจับที่ลมหายใจก็ทำไป ใครถนัดเพ่งกสิณก็กำหนดเอาภาพนิมิตมาปรากฏแล้วก็จ้องดูมัน เลือกอันไหนก็ได้ที่จิตจะไม่ส่ายแส่ออกไปหาความคิด แล้วจิตจะสงบออกมาจากความคิด


 :25: :25: :25: :25:

เมื่อจิตถอนออกมาจากความคิด จิตก็จะเริ่มได้สมาธิ ในขั้นแรกๆ ก็จะเกิดปัญญาธรรมในขั้นโลกียธรรมก่อน แต่ถ้าปฏิบัติแล้วรุดหน้าไปเร็วก็จะไปเห็นธรรมในขั้นเหนือโลก หรือที่เรียกว่า “โลกุตรธรรม” นั่นเอง

พระพุทธเจ้าทรงสำเร็จพระนิพพานในโลกุตรภูมิอันเป็นธรรมเหนือโลก ซึ่งไม่มีภาษาใดๆ มาอธิบายให้เข้าใจกันได้ เพราะเป็นแค่อาการของใจที่ใจไปดูความคิดที่อยู่ในใจ เป็นปรมัตถธรรม ซึ่งถ้าใครสามารถถอดรหัสอันนี้ได้ก็จะสามารถเข้าถึงพระนิพพานในที่สุด.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/140914/96131
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ