ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การฝึกที่ยากที่สุดของชีวิต : บาตรเดียวท่องโลก  (อ่าน 2938 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29367
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

การฝึกที่ยากที่สุดของชีวิต : บาตรเดียวท่องโลก
โดย พระพิทยา ฐานิสฺสโร

วันนี้ได้มีโอกาสไปเดินภูเขารอบทะเลสาบ Oeschenensee สวิตเซอร์แลนด์ กับเด็กหนุ่มเยอรมันวัย ๑๘ ปี ผู้ตัดสินใจที่จะมาอยู่วัด ถือศีล ๘ ตั้งใจเป็นผู้เตรียมบวช (ปะขาว) สายหลวงปู่ชา ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาจนถึงวันนี้ ในใจเขานั้นอยากเป็นผู้เตรียมบวชและเป็นสามเณรตอนนี้เลย ถ้าสามารถเป็นไปได้ เขามีความตั้งใจสูงมาก ช่วยเหลืองานวัดทุกอย่างๆ ด้วยความสุขและเต็มใจ อีกทั้งครอบครัวยังให้การสนับสนุน เพราะที่บ้านไม่นับถือศาสนาใดๆ

การเป็นปะขาว ถือศีลแปดอยู่วัดปฏิบัติธรรม ช่วยเหลืองานวัด ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงเป็นการง่าย และคงได้รับการสนับสนุนยินดีเต็มที่ยิ่งโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ทั้งยังเป็นวัยรุ่น ที่ไม่ค่อยปรากฏมีให้เห็นมากนัก แต่ทางสายหลวงปู่ชาได้กำหนดระเบียบไว้ชัดเจนว่า ชาวต่างชาติที่ต้องการเป็นผู้เตรียมบวช ต้องมาฝึกปฏิบัติข้อวัตรก่อนสักระยะ ขึ้นอยู่กับหลายเหตุปัจจัยประกอบกันว่าจะได้เป็นปะขาวหรือไม่ เมื่อได้เป็นปะขาวแล้ว ก็ต้องรออีกประมาณอย่างน้อย ๑ ปี ดูความพร้อมทั้งกายใจของผู้เตรียมบวช กระทั่งได้รับมติของสงฆ์อนุญาตให้บวชเป็นสามเณร


 :25: :25: :25: :25: :25:

พระภิกษุสามเณรไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือชาวไทยที่บวชในสายหลวงปู่ชาส่วนใหญ่จะมีสถิติในการลาสิกขาน้อยมากๆ และค่อยๆ มีจำนวนพระภิกษุ สามเณรเพิ่มมากขึ้นๆ โดยเฉพาะพระภิกษุชาวต่างชาติ แม้อาจไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนพระทั้งหมด

ความรอได้ ความอดทน ไม่เอาแต่ใจตัวเอง (ตามความอยาก) แม้บางครั้งในทางที่ดีก็ตาม โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มีความเป็นส่วนตัว เชื่อมั่นในความคิด การตัดสินใจของตนสูง เป็นเสมือนการเปิดโอกาสให้ฝึกลดความเป็นตัวตนของตน ยอมทำตามผู้อื่นหรือผู้ที่อาวุโสกว่าในทางปฏิบัติ หรือการเข้าสู่หนทางธรรม เพราะต้องอยู่ในสภาพที่ต้องรับคำสั่ง ทำตาม อ่อนน้อมถ่อมตน เชื่อฟังและต้องทำมากกว่าในส่วนงานทั่วไป อีกทั้งต้องฝึกสมาธิในรูปแบบ ฯลฯ แม้ต้องฝืนในหลายๆ ครั้งก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ค่อยๆ กล่อมเกลา ฝึกฝน จนค่อยๆ เข้าใจธรรมมะที่แท้จากประสบการณ์ตรงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่อง อนัตตา (ทำอย่างไร้ตัวตน)



ทั้งหมดนี้มีรายละเอียดที่ทำให้ปะขาวชาวต่างชาติหลายคนก็ทนอยู่ไม่ได้ หรือไม่ต้องการเป็นสามเณร หรือบางคนเป็นปะขาวอยู่หลายปีกว่าคณะสงฆ์จะตัดสินใจ มีมติให้บวชบรรพชาเมื่อได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติจนอยู่ในเนื้อในตัวแล้ว มีสามเณรบางรูป ขอกลับมาเป็นปะขาวอีกครั้งเพราะคิดว่าข้อวัตรบางอย่างอาจยังพร้อมสำหรับตน

ความซื่อสัตย์ในสิ่งที่เป็นทำให้เราเข้าใจตัวเองและหนทางที่กำลังเดินอยู่ได้ชัดเจน รู้กำลังความสามารถแห่งตนและตัดสินใจอย่างถูกต้องด้วยตัวเอง ทั้งยังค่อยๆ สร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ศรัทธาที่เกิดขึ้นจากการปฎิบัติมิใช่ตามความเชื่อที่ทำตามกันมา ตามคำสั่ง หรือตามคำสอนที่อาจใช่หรือไม่ใช่


 st11 st11 st11 st11 st11 st11

คนไทยต่อไปในภาคหน้าอาจต้องถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาจากชาวต่างชาติ เพราะเราส่วนใหญ่มัวให้ความสำคัญ สนใจแต่เพียงเปลือกของพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำบุญ ให้ทาน การให้ความสำคัญกับยศถาบรรดาศักดิ์ นับถือกันที่ภายนอกแห่งสมมติ มากกว่าศีล ธรรมวินัย ทั้งที่เราควรพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องศีล ที่นับวันเริ่มถดถอยจางหายไปจากสังคมไทยทั้งพุทธบริษัท ๔ ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายต่างๆ มากมายอย่างไม่จบสิ้น มิใช่เปลือกไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีแก่น ก็คงไม่สามารถดำรงได้อยู่นาน ประโยชน์อาจเกิดได้แค่ระยะสั้นและไม่ยั่งยืน

     จิตใจที่ไม่ได้รับการฝึกฝน จะเป็นทุกข์ร่ำไป


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141030/194976.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: การฝึกที่ยากที่สุดของชีวิต : บาตรเดียวท่องโลก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2014, 12:21:23 pm »
0
คนไทยต่อไปในภาคหน้าอาจต้องถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาจากชาวต่างชาติ เพราะเราส่วนใหญ่มัวให้ความสำคัญ สนใจแต่เพียงเปลือกของพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำบุญ ให้ทาน การให้ความสำคัญกับยศถาบรรดาศักดิ์ นับถือกันที่ภายนอกแห่งสมมติ มากกว่าศีล ธรรมวินัย ทั้งที่เราควรพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องศีล ที่นับวันเริ่มถดถอยจางหายไปจากสังคมไทยทั้งพุทธบริษัท ๔ ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายต่างๆ มากมายอย่างไม่จบสิ้น มิใช่เปลือกไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีแก่น ก็คงไม่สามารถดำรงได้อยู่นาน ประโยชน์อาจเกิดได้แค่ระยะสั้นและไม่ยั่งยืน

     จิตใจที่ไม่ได้รับการฝึกฝน จะเป็นทุกข์ร่ำไป


 st11           :25:           st12           :s_good:           :c017:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา