« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 08:33:49 pm »
0
สำนึกใน คำสอนของ ครู
"ปัญญาวุฒิกเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหัง"

สิ่งที่ทำให้ผู้ภาวนา ต่างก็ท้อถอย ก็เพราะว่า ผู้ภาวนาไม่เคยตระหนัก ในคำว่า "ทุกข์" เพราะไม่ตระหนักในสิ่งที่เรียกว่า ทุกข์ ก็จึงวิ่งวุ่นหลบหนี เพื่อหาความสุข ที่คิดว่า มันสุข แต่ ความสุขใด ๆ ก็ไม่สามารถเทียบได้ กับ สุข ที่เป็น อรหัตผล เพราะสุขนี้เป็นสุขที่ไม่แปรปรวน ไม่มีทุกข์ อีกต่อไป ไม่ต้องกลับมาเวียนว่าย ตายเกิด ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไม่ต้องมีละคร มีฉาก มีองค์ประกอบ ที่เรียกว่า ละครชีิวิต อีกต่อไป มันว่างเปล่า จากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตน
หากผู้ที่จะมาภาวนา หวังเพียงแค่ ญาณ เพื่อโลดแล่นในโลก มีความเป็นเอก เหนือ มนุษย์ เท่านั้น ก็คงจะต้องท้อถอยเพราะคำว่า ผิดหวัง มันรอคอยอยู่ก่อน ครูฉันไม่เคยสอนกรรมฐานให้ฉัน เพื่อความเป็นเลิศ ในญาณ ท่านไม่ได้สอนให้ฉันมีตาทิพย์ หูทิพย์ หรือกำหนดรู้ใจ หรือแม้กระทั่งการระลึกชาต ทำฤทธิ์ แต่ท่านพร่ำสอนฉันในเรื่อง โทษแห่งทุกข์ ความเป็นจริงแห่งทุกข์ การกำหนดทุกข์ และ ขั้นตอนการทำตนให้พ้นออกจากทุกข์ สิ่งที่ท่านพร่ำสอนฉัน สม่ำเสมอ ก็คือ อย่างนี้
เวลาฉันพบครู ท่านมักถามคำแรก เสมอ ๆ ว่า
รู้จักทุกข์ หรือ ยัง
เห็น ทุกข์ หรือ ยัง
เบื่อหน่าย ต่อทุกข์ หรือ ยัง
คำถามเหล่านี้ วนเวียน ไป ๆ มา ทุกครั้งที่ฉันพบครูฉัน
ฉันเองก็ตระหนักในทุกข์ ถึงแม้ จะตระหนักในทุกข์ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ครูฉันก็ยังทักทายฉันเช่นนั้นเสมอ ๆ ฉันอดทน ด้วยคำสอน และพยายามในขั้นตอนกรรมฐาน ถึง 7 ปี ฉันจึงได้เรียนกรรมฐาน ที่สำคัญ เหตุที่ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีนั้น เพราะว่าฉัน พึ่งกำหนดทุกข์ ได้จริง นั่นเอง เพราะกรรมฐาน ขั้นต่อไป อาศัยการกำหนดทุกข์ เป็นเหตุ ผลจึงมีได้
ท่านทั้งหลาย ที่ท้อถอย เพราะคิดว่าทุกข์ และ การเวียนว่ายตายเกิด เป็นสิ่งที่งดงาม และดี นั้นบัดนี้เราอยากบอกท่านว่า ท่านจงคิดใหม่ ทำความตระหนักใหม่ เพราะกรรมฐาน นั้นจะเจริญงอกงามเพิ่มพูนมากขึ้นก็เพราะว่า ท่านต้องตระหนัก ในทุกข์ ให้ชัดเจน อย่างน้อย ท่านต้องกำหนด ทุกข์ ในปัจจุบันใหได้ ว่า มันเป็นทุกข์
เจริญธรรม / เจริญพร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2014, 08:48:58 pm โดย ธัมมะวังโส »

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ