พิมพ์

[หมวยจ้า]

ที่จริง อาจจะมีการถาม ตอบเรื่องนี้ไปกันบ้าง แต่ดิฉัน มักจะได้ยินเพื่อน ๆ พูดถึงตนเอง

ว่ามีสัมผัส ญาณ อะไรๆ พิเศษ เช่นรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เป็นต้น จนบางครั้งก็พอกพูน ความสงสัย

ให้กับ หมวยจ้า มาก ๆ ว่า เราฝึกทุกวัน ๆ ละ 2 - 3 ชั่วโมง ยังไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ เลย

แถมเราเป็นผู้รักษา ศีล ด้วยซ้ำ ยังไม่มีพลังสัมผัส อย่างที่พวกเธอทั้งหลาย พูดกัน

ที่นี้มองกลับไปที่เพื่อน ของหมวยจ้า ที่พูดเรื่องพวกนี้ กันพวกเธอ ไม่เคยฝึกสมาธิ แถมไม่สมาทานศีล

รักษาศีล กลางคืนออกเที่ยวผับ กลางวันก็นอนเพราะเมา หมวยจ้า อดสงสัยไม่ได้ว่า

คนพวกนี้จะมีพลังอำนาจ วิเศษ ได้หรือ คร้า....

[ธัมมะวังโส]

ไปอ่านเรื่อง อิทธิกถา ที่พระอาจารย์โพสต์ไว้จะเข้าใจ นะจ๊ะ



  [๖๙๑] ฤทธิ์เกิดแต่ผลกรรมเป็นไฉน ฯ
 
           นกทุกชนิด เทวดาทั้งปวง มนุษย์บางพวก วินิปาติกเปรตบางพวกมีฤทธิ์เกิดแต่ผลกรรม นี้ฤทธิ์เกิดแต่ผลกรรม ฯ
 
           [๖๙๒] ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญเป็นไฉน ฯ
 
            พระ เจ้าจักรพรรดิ เสด็จเหาะไปในอากาศพร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา   ตลอดจนพวกปกครองม้าเป็นที่สุด นี้เป็นฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ   ฤทธิ์ของโชติยคฤหบดีฤทธิ์ของชฏิลคฤหบดี ฤทธิ์ของเมณฑกคฤหบดี   ฤทธิ์ของโฆสิตคฤหบดีฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญมาก ๕ คน   เป็นฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญนี้ ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ ฯ
 
           [๖๙๓] ฤทธิ์สำเร็จด้วยวิชชาเป็นไฉน ฯ
 
            พวก วิชชาธรร่ายวิชชาแล้วย่อมเหาะไปได้ แสดงพลช้างบ้าง  พลม้าบ้าง  พลรถบ้าง พลราบบ้าง แสดงกองทัพตั้งประชิดกันต่างๆ บ้าง   ในอากาศกลางหาวนี้ฤทธิ์สำเร็จด้วยวิชชา ฯ


ก็อาจจะมี และ อาจจะไม่มี จริงของเพื่อนโยม แต่ถ้ามีก็อยู่ใน 3 ประเภทนี้ นะจ๊ะ

ก็ตอบว่าเป็นไปได้ ที่บางคนมีผลบุญดี กรรมดี ก็มีฤทธิ์ติดตัวมาเป็นบางส่ิวน หรือ แม้แต่ท่องบ่นวิชชา อันเป็นคำ
เฉพาะแบบไสยศาสตร์ ก็เป็นได้

แต่จะมีหรือ ไม่มี อย่าเอามาเป็นอารมณ์ แต่สงสัยไว้ก็ดี จะได้ไม่ถูกหลอก

เพราะมีคนโดนหลอก เพราะเรื่องพวกนี้เยอะมาก ๆ

เจริญพร

 

[prachabeodee]

ป้าก็มีเหมือนกัน.....แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกันมันเป็นภาวะหนึ่งที่ พอใจเรานิ่งๆแล้ว...มันจะแปลความต้องการของสัตว์ได้รู้เรื่อง.....ทั้งๆที่ป้าก็ไม่ได้นั่งสมาธิอะไรทั้งสิ้น.....ครั้งแรกๆก็ป้าก็ไม่เชื่อ...คิดว่าเป็นอุปทานของตนเอง.....แต่พอต่อๆมาก็รู้อีกหลายๆอย่าง....ซึ่งเวลาจะเป็นตัวพิสูตรว่าจริงหรือไม่....แต่ที่รู้มานี่บางครั้งก็จริง บางครั้งก็ใกล้เคียงความจริง...บางครั้งก็ไม่จริง....เป็นการทำใจให้กลางๆแล้วส่งใจไปดูซิว่าพวกเหล่วนี้เขาว่าอย่างไรกันบ้าง...ทั้งๆที่สัตว์มันก็ร้องของมันเป็นปกติแต่เราสามารถเข้าใจใด้.....
.....................................
เรื่องหนึ่งที่ป้าจะเล่าให้ฟัง(โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังเพราะเป็นความเห็นส่วนบุคคล)...
หมา(สุนัข)มันออกลูกโดยขุดหลุมอยู่ใต้ขอนไม้ใหญ่ มีลูกอยู่ ๖ ตัว......วันหนึ่งเกิดฝนตกใหญ่ (เป็นเวลากลางคืน)เกิดน้ำท่วมลังมัน.....เสร็จแล้ว...แม่หมาตัวนั้น ก็มาเรียกป้า.....โดยที่ป้ากำลังหลับอยู่ ซึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่ว่ามีอะไรไม่รู้มาเรียกให้ไปช่วยมันหน่อย...พอป้าลงมาดูก็เป็นแม่หมาตัวนั้นกำลังลอป้าอย่แล้วมันก็พาป้าไปที่รังมัน....ปรากฎว่า น้ำกำลังไหลท่วมลังมันอยู่พอดี ....ลูกหมาก็ร้องใหญ่เลย ...ป้าก้เลยเอาลูกหมาทั้งหมดขึ้นมาไว้ที่ใต้ถุบ้าน........ซึ่งใหม่ๆป้าก็คิดว่าป้าคิดไปเอง......แต่ครั้งอื่นๆก็ตามๆมา อีกหลายสิบครั้งและไม่ไช่เฉพาะสุนัขเท่านั้นที่ป้าแปลออก  กบ  เขียด ตุกแก  นก ต่างก็แปลออกถ้าทำใจว่างๆ...

[chatchay]

เชื่อตามที่ พระอาจารย์ ชี้นำไว้ครับ

  เรื่อง ผลบุญ ผลกรรม ที่ติดมานั้น เป็นสิ่งที่วัดกันได้ยาก เมื่อมีแล้ว ก็ขอให้ใช้ เพื่อเพื่อนทุกข์ เกิด แ่ก่ เจ็บ

ตาย และอย่าประมาทในส่วนที่มี เมื่อรู้ว่ามี ก็ย่อมชัดว่า ผลบุญ ผลกรรมนั้น ไมใช่เรื่องเหลวไหล ควรรีบเร่ง

สร้างผลบุญ กรรม บารมี และ เพื่อการสิ้นวัฏฏะ ผมเองก็อยากจะมีความสามรถ เรื่องเหล่านี้บ้าง เพราะจะได้

สิ้น วิจิกิจฉา ลังเลสงสัยในชาตินี้ ชาติหน้า เสียที

 

[raponsan]

มีผู้มีญาณทิพย์คนหนึ่งบอกว่า

คุณมีอิทธิฤทธิ์ ส่วนผมมีบุญฤทธิ์

ฤทธิ์สองอย่างนี้ เกิดได้อย่างไร ต่างกันหรือไม่

สหธรรมิกทุกท่าน ช่วยวิจารณ์กันหน่อยครับ

[komol]

มีผู้มีญาณทิพย์คนหนึ่งบอกว่า

คุณมีอิทธิฤทธิ์ ส่วนผมมีบุญฤทธิ์

ฤทธิ์สองอย่างนี้ เกิดได้อย่างไร ต่างกันหรือไม่

สหธรรมิกทุกท่าน ช่วยวิจารณ์กันหน่อยครับ

คำว่า อิทธิ นั้นแปลว่า ฤทธิ์ อยู่แล้ว

  ส่วน บุญญฤทธิ์ นั้น ก็เป็นหนึ่งใน อิทธิ ตามที่พระอาจารย์โพสต์ดอบไว้ในเรื่อง อิทธิกถา

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1607.0

 ที่นี้ ถ้าจะหมายถึง อิทธิฤทธิ์ อันเกิดแต่ การบำเพ็ญจิต ประการเดียว ก็ไม่ถูก เพราะ บุญญฤทธิ์ นั้นเป็นหนึ่ง

ใน อิทธิฤทธิ์ และเรื่อง อิทธิ นี้เป็นเรื่องรู้ไว้ก็เพื่ออนุโมทนา ไม่ใช่เรื่อง หลงใหล ใน ปัพพชิตปัจจเวกขณ

ข้อที่ 10 ของพระ ก็มีการกล่าวเรื่องนี้ไว้ว่า

อัตถิ  นุโข  เม  อุตตะริมะนุสสะธัมมา   อะละมะริยะญาณะทัสสะนะ
วิเสโส   อะธิคะโต    โส  หัง  ปัจฉิเมกาเล  สะพรหมะจารีหิ  ปุฏโฐ  นะมังกุ  ภะวิสสามีติ   
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง       
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า    ญาณทัศนะ
    อันวิเศษควรแก่พระอริยเจ้า    อันยิ่งกว่าวิสัยธรรมดาของมนุษย์             
    ที่เราได้บรรลุแล้ว   เพื่อเราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน    เมื่อถูกเพื่อน
    พรหมจารีด้วยกัน  ถามในภายหลังว่า  มีอยู่แก่เราหรือไม่ ดังนี้

  เพราะว่า ฤทธิ์ของพระอริยะ จากที่พระอาจารย์โพสต์ไว้นั้น เป็นเรื่องหลักในศาสนา
รายละเอียดที่พระอาจารย์ โพสต์ไว้

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1607.msg6490#msg6490

สรุป ในความหมายแล้ว บุญญฤทธิ์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ อิทธิฤทธิ์

  เรื่องของ ฤทธิ์ พึงอนุโมทนา แต่ไม่พึง หลงใหล