ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เยือน “ร้อยเอ็ด” สัมผัสเส้นทางบุญ ถิ่นอีสานตอนบน  (อ่าน 3156 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

เยือน “ร้อยเอ็ด” สัมผัสเส้นทางบุญ ถิ่นอีสานตอนบน

        ไปเที่ยวกันไหม? คราวนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะพาไปเที่ยวแอลเอ แบบไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยาก แค่ตีตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย เราก็จะได้เหินฟ้าไปสู่แอลเอ “จังหวัดร้อยเอ็ด” ประเทศไทยกันแล้ว

ประตูเมืองสาเกตนคร

        “ร้อยเอ็ด” เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ดังที่ปรากฏชื่ออยู่ในตำนานพระอุรังคธาตุ (ตำนานการก่อสร้างพระธาตุในแถบภาคอีสานตอนบน) ที่ปรากฏเมืองร้อยเอ็ดอยู่ในนาม “สาเกตนคร” ที่ถูกบรรยายไว้ว่ามีเมืองขึ้น 11 เมือง มีประตูทางเข้าเมือง 11 ประตู ถือว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

ศาลหลักเมือง จ.ร้อยเอ็ด

        ร้อยเอ็ดก็เป็นอีกหนึ่งเมืองของภาคอีสานตอนบนที่มีวัดวาอารามมากมาย ให้พบเห็นกันได้ทั่วไป เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนร้อยเอ็ดเลื่อมใสพระพุทธศาสนา จนทำให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นหนึ่งในจังหวัดเส้นทางบุญที่คนนิยมเดินทางมากันอย่างไม่ขาดสาย

ภายในศาลหลักเมือง จ.ร้อยเอ็ด

        ฉะนั้นการเดินทางมาร้อยเอ็ดครั้งนี้ของ “ตะลอนเที่ยว” ก็ไม่พลาดที่จะมาเดินสายเส้นทางบุญ โดยเราเริ่มต้นการเดินทาง เอาฤกษ์เอาชัยด้วยการมาไหว้ “ศาลหลักเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด” ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองร้อยเอ็ด เป็นศาลคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวร้อยเอ็ดนับถือ ซึ่งชาวร้อยเอ็ดมีความเชื่อว่าเจ้าพ่อจะช่วยดลบันดาลให้ชาวเมืองมีความสุข สมปรารถนา จึงเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองร้อยเอ็ดมากราบไหว้ ตลอดจนผู้ที่เดินทางมายังเมืองร้อยเอ็ดต่างก็มาสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้

บึงพลาญชัย

        ศาลหลักเมืองตั้งอยู่ภายใน “บึงพลาญชัย” ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะเป็นเกาะอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ ตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพรรณไม้ต่างๆ มากมาย รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่อีกด้วย

พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี

        จากนั้นออกเดินทางไปยัง “วัดบูรพาภิราม” ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นวัดอารามหลวงชั้นตรี วัดแห่งนี้เดิมชื่อ วัดหัวรอ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นเป็นที่นัดพบและพักแรมของพ่อค้าที่จะออกเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ต่อมาในภายหลัง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบูรพาภิราม เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด

“พระเจดีย์หิน” หรือ “บุโรพุทโธจำลอง”

        สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดก็คือพระพุทธรูปปางประทานพร “พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี” หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ถือเป็นพระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยองค์พระมีความสูง 118 ศอก (59.20 เมตร) และมีความสูงทั้งหมด (รวมฐาน) 135 ศอก (67.85 เมตร) ซึ่งเดิมเมื่อแรกสร้างนั้น ตั้งใจจะให้องค์พระมีความสูง 101 ศอก แต่ด้วยฝีมือของช่างพื้นบ้าน ทำให้ไม่สามารถกำหนดความสูงขององค์พระได้แน่นอน จึงสร้างองค์พระได้สูงเกินกว่าที่กำหนด

พระเจดีย์หินถูกประดับด้วยเจดีย์ทั้งหมด

        หลวงพ่อใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองร้อยเอ็ดเป็นอย่างมาก ซึ่งชาวร้อยเอ็ดเชื่อว่า พระเจ้าใหญ่เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่คอยปกป้องคุ้มครอง ให้มีชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และด้วยความสูงของพระองค์ทำให้มีความเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้ จะได้อานิสงส์สูงเทียมเมฆเทียมฟ้า จะทำการสิ่งใดก็สำเร็จด้วยประการทั้งปวง

ด้านในพระเจดีย์หินเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย

        หลังจากไหว้พระขอพรกันไปแล้ว ไปต่อกันที่ อ.ศรีสมเด็จ ไปชม “พระเจดีย์หิน” หรือ “บุโรพุทโธจำลอง” (Borobudur-โบโรบูดูร์ หรือ บรมพุทโธ) ที่ “วัดป่ากุง” โดยเจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นจากคำปรารภของหลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) พระเกจิชื่อดังของจังหวัดร้อยเอ็ด หลวงปู่ต้องการให้ก่อสร้างเจดีย์ด้วยหินทรายธรรมชาติ แต่นำมาประยุกต์ให้มีความเหมาะสมกับสถานที่ ผสมผสานกับความเป็นไทยและลักษณะภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยให้มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์บุโรพุทโธ แต่ภายในมีพื้นที่สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ

ความยิ่งใหญ่ของบุโรพุทโธจำลอง

        ด้านนอกขององค์เจดีย์แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีภาพแกะสลักหินทรายนูนต่ำที่สวยงาม โดยแบ่งออกได้ดังนี้ ชั้นที่ 1 เล่าเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก ชั้นที่ 2 และ 3 เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ชั้นที่ 4 ภาพพระพุทธชัยมงคล ประกอบด้วย พระคาถา คำแปลภาพ และตำนาน ชั้นที่ 5 ภาพสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ชั้นที่ 6 เป็นเจดีย์องค์ประธานและเจดีย์ราย 8 องค์ และชั้นที่ 7 ยอดเจดีย์ทองคำ น้ำหนัก 101 บาท ซึ่งนอกจากจะมาชมพระเจดีย์หิน หรือบุโรพุทโธจำลองแล้ว ก็ยังสามารถมานั่งสมาธิ ฟังเทศน์ฟังธรรมในบริเวณวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น และเงียบสงบ ได้อีกด้วย

บุโรพุทโธจำลองเมื่อมองจากด้านนอก

        สุดท้ายไปปิดท้ายกันที่ “พระมหาเจดีย์ชัยมงคล” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก ที่สร้างขึ้นจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน วัตถุประสงค์ในการสร้างก็เพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รวมทั้งอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสาน และยังเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

        พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ มีความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สูง 109 เมตร ซึ่งขนาดนั้นมีความสอดคล้องกับชื่อจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนความสูง 109 เมตร เป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยส่วนยอดของเจดีย์ 9 ชั้นเป็นยอดเศวตฉัตรทองคำแท้หนัก 60 กิโลกรัม มีศิลปะการสร้างองค์เจดีย์ เป็นศิลปะร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน (พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม) โดยเน้นแนววิจิตรศิลปะอีสานเป็นหลัก ลักษณะเป็นรูปทรง 8 เหลี่ยม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็ก 8 องค์ ด้านในแบ่งออกเป็น 6 ชั้น

บริเวณด้านนอกพระมหาเจดีย์ชัยมงคล

        ชั้นที่ 1 เป็นชั้นอเนกประสงค์ ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางพระพทุธศาสนา มีรูปหล่อขนาดใหญ่ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นพระประธาน ชั้นที่ 2 เป็นชั้นสำหรับประชุมสงฆ์ (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) มีพระพุทธรูปปรางปฐมเทศนาเป็นพระประธาน ผนังรอบด้านติดรูปหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นภาพขนาดใหญ่ แสดงอิริยาบถต่างๆ ของท่าน

รูปหล่อหลวงปู่ศรี มหาวีโร

        ส่วนชั้นที่ 3 เป็นชั้นพระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชหน้าตักกว้าง 101 นิ้ว เป็นพระประธาน ผนังรอบด้านมีรูปหล่อเหมือนของเกจิอาจารย์สายอีสานทั้งหมด 101 รูป (ขณะนี้มีอยู่ 32 องค์) ชั้นที่ 4 เป็นจุดชมวิว ด้านนอกจะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ ภูเขาเขียวส่วนผนังด้านในจะเป็นการเขียนภาพเล่าเรื่องราวการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ตั้งแต่สมัยเริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน

ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม

        ชั้นที่ 5 เป็นพิพิธภัณฑสถาน (อยู่ระหว่างการรวบรวม) ที่บรรจุอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสานที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทั้งหมด และชั้นที่ 6 เป็นชั้นที่สูงสุดและมีความสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นชั้นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2540 อยู่เหนือขั้นบันได 119 ชั้น

ชั้นพระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชหน้าตักกว้าง 101 นิ้ว เป็นพระประธาน

        สำหรับด้านนอกองค์เจดีย์ยังมีวิหารคดล้อมรอบ ภายในประดิษฐานพระสาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน 500 องค์ มีกุฏิหลวงปู่ศรี มหาวีโร ที่เคยใช้เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ยังมีเจดีย์บุโรพุทโธจำลองที่สร้างจากหินภูเขาไฟ

ชั้นที่ 6 บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา

        เรียกได้ว่าเส้นทางบุญในจังหวัดร้อยเอ็ดนั้นมีอีกหลายแห่งที่รอให้เราเดินทางไปสัมผัส นอกจากเหล่านี้ที่เราได้กล่าวมาแล้ว ร้อยเอ็ดยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดกลางมิ่งเมือง เจดีย์มหามงคลบัว วัดป่าโนนสวรรค์ และอีกหลากหลายสถานที่ หากใครมีโอกาสเดินทางมายังร้อยเอ็ด ก็อย่าลืมมาไหว้พระ ทำบุญ ใน “เส้นทางบุญร้อยเอ็ด”
       
       การเดินทางมายังจังหวัดร้อยเอ็ด สามารถเดินทางมาได้โดยการนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินร้อยเอ็ด ซึ่งสายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด 2 เที่ยวบินต่อวัน ทุกวัน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com โทร.0-2515-9999


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019874
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เยือน “ร้อยเอ็ด” สัมผัสเส้นทางบุญ ถิ่นอีสานตอนบน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 01, 2015, 01:47:22 am »
0

     ความงดงามอันน่าชื่นชม
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา