ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนโคราช ภาษาโคราช และอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี  (อ่าน 1838 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเดิมตรงประตูชุมพล


เรื่องอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

วันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน ของทุกปีจะมีงานฉลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งในระยะหลังพวกข้าราชการจากส่วนกลางมาตั้งชื่องานฉลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเสียใหม่จนยืดยาวรุงรังว่า "งานฉลองวันแห่งชัยชนะท่านท้าวสุรนารี" แต่คนที่เกิดที่โคราชรุ่นผู้เขียนที่มีอายุช่วง 60-80 ปี ก็ยังคงเรียกว่างานอนุสาวรีย์คุณหญิงโม ความจริงการจัดงานดั้งเดิมจริงๆ นั้นจัดเพื่อฉลองอนุสาวรีย์จริงๆ ไหนๆ ไทยเราจะเข้า AEC แล้วน่าจะเรียกงานประจำปีนี้เป็นงานฉลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีตามเดิมจะดีกว่า

เรื่องอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีมีประวัติเป็นมาดังนี้คือ เมื่อท้าวสุรนารีถึงแก่อสัญกรรม เมื่อปีพุทธศักราช 2395 อายุ 81 ปี สามีของท้าวสุรนารีคือเจ้าพระยามหิศราธิบดี (ทองคำ) ได้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ ณ วัดศาลาลอย ที่เชื่อกันว่าท้าวสุรนารีได้สร้างวัดนี้ขึ้น หลังจากนั้นร่วม 40 ปีเจดีย์ชำรุดลง พระยาประสิทธิศัลการ (สะอาด สิงหเสนี) ข้าหลวงเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการเมืองนครราชสีมา และประชาชนได้บริจาคทรัพย์สร้างกู่ขนาดเล็ก บรรจุพระอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นใหม่ที่วัดกลาง (วัดพระนารายณ์มหาราช) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2442


ยอดแหลมลิบๆ ทางซ้ายคือประตูชุมพล

เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯที่มาทำการปราบกบฏบวรเดชได้เข้ามาที่ตัวเมืองนครราชสีมาเมื่อปลายเดือนตุลาคมพ.ศ.2476พบว่ากู่ที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีนั้นทรุดโทรมลงไปมาก อีกทั้งยังอยู่ในสถานที่คับแคบ พระยากำธรพายัพทิศ (ดิส อินทรโสฬส) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กับพันเอกพระเริงรุกปัจจามิตร (ทอง รักสงบ) ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 5 และประชาชนชาวนครราชสีมาจึงบริจาคทรัพย์สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีขึ้น

โดยทางกรมศิลปากรได้มอบให้ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบร่วมกับ พระเทวาภินิมมิตร (ฉาย เทียมศิลปไชย) เป็นรูปหล่อท้าวสุรนารี ตัดผมทรงดอกกระทุ่ม แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน มือขวากุมดาบปลายดาบจรดพื้น มือซ้ายท้าวสะเอวหันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพฯ อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม ประดิษฐานบนฐานสูง 2.5 เมตร มีโถเคลือบบรรจุอัฐิของท้าวสุรนารีอยู่ภายใน บนไพที (ยกพื้น) สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ตั้งอยู่บริเวณนอกกำแพงเมืองนครราชสีมาทางด้านประตูชุมพล มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2477


ผอบทองคำบรรจุอัฐิ


ใน พ.ศ.2510 ฐานอนุสาวรีย์ชำรุด นายสวัสดิวงศ์ ปฏิทัศน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นกับชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้างฐานอนุสาวรีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นใหม่ณที่เดิม โดยทำผอบ (ผะอบ) ทองคำแท้หนัก 25 บาทขึ้นใหม่ เพื่อบรรจุอัฐิท้าวสุรนารี แล้วใส่ผอบทองคำนั้นลงในโถเคลือบอีกชั้นหนึ่ง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2510

ที่เล่าๆ เรื่องนี้เพราะในฐานะที่เป็นคนโคราช (ชาวนครราชสีมานั้นมักเรียกตัวเองว่าคนโคราชตามชื่อเมืองเก่าก่อนที่จะถูกย้ายมาตั้งเป็นเมืองนครราชสีมาคือเมืองโคราช)แก่ๆ คนหนึ่งเห็นว่าเด็กๆ รุ่นใหม่เถียงกันไม่รู้จักจบเรื่องอัฐิของท้าวสุรนารียังอยู่ที่วัดศาลาลอย และน้อยคนจะทราบหรือเคยเห็นผอบทองคำที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีที่ประดิษฐานอยู่ที่ฐานของอนุสาวรีย์ตั้งแต่ พ.ศ.2510

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

โดยรูปที่ผู้เขียนนำมาแสดงในบทความนี้คือหนังสือที่ระลึก "การสร้างฐานแท่นอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีใหม่ พ.ศ.2510" ที่ยังหาอ่านได้ที่ห้องสมุดมหาวีรวงศ์ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา

อีกเรื่องหนึ่งก็คือใครอยู่ด้านนอกเมืองหรือใครอยู่ด้านในเมืองโคราช ความจริงก็ทราบกันง่ายๆ เพราะว่าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีนั้นประดิษฐานอยู่นอกกำแพงเมืองและมีศาลหลักเมืองอยู่ด้านในของกำแพงเมืองซึ่งคนโคราชไม่เห็นจะต้องเถียงกันเรื่องนี้เลยนี่ครับ


 ans1 ans1 ans1 ans1

ประวัติความเป็นมาของนครราชสีมานั้นเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเห็นว่าเป็นหัวเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาว จึงโปรดให้ย้ายเมืองเสมามาสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน โดย เดอ ลามาร์ นายช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ ขนาดกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ มีป้อมค่ายหอรบ และพระราชทานนามว่า "เมืองนครราชสีมา" ถือเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรศรีอยุธยาทางตะวันออกและเกณฑ์ไพร่พลจากอยุธยาและที่ราบภาคกลางมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองนครราชสีมานี้

จึงเป็นสาเหตุให้เกิดมีภาษาโคราชขึ้น เนื่องจากภาษาสำเนียงไทยทางสุพรรณบุรีมาปนเปกับภาษาลาวและเขมรซึ่งเป็นภาษาของคนพื้นเมืองของโคราชดั้งเดิม เลยเกิดเป็นภาษาโคราชที่มีสำเนียงแบบผสมระหว่างภาษาลาวกับภาษาไทยสำเนียงสุพรรณบุรี อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนโคราชส่วนเพลงโคราชที่เลื่องชื่อนั้นก็คือลำตัดเราดีๆนี่เองแหละครับ


 :49: :49: :49: :49:

คนโคราชไปอยู่ที่ไหนก็พอจะรู้กันโดยดูจากนามสกุลเนื่องจากคนโคราชจะมีนามสกุลตามภูมิลำเนาเดิมของตนเป็นส่วนใหญ่อาทิตำบลในเมือง ตำบลจอหอ ตำบลจันทึก ตำบลหัวทะเล ตำบลบ้านเกาะ ตำบลปรุ(ปะหรุ)ใหญ่ ตำบลโคกกรวด ตำบลหมื่นไวย ตำบลหนองจะบก ตำบลหนองงูเหลือม ตำบลทองหลาง ตำบลสันเทียะ ตำบลดอน อำเภอสูงเนิน อำเภอกระโทก (โชคชัย) อำเภอด่านขุนทด อำเภอพิมาย อำเภอครบุรี ฯลฯ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1426671450
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ