ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าลงโทษแค่ "ธรรมกาย" แต่ต้องจัดการทั้งระบบ  (อ่าน 1613 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อย่าลงโทษแค่ "ธรรมกาย" แต่ต้องจัดการทั้งระบบ
โดย...จักรวาล ส่าเหล่ทู

เรื่องอื้อฉาวและพฤติกรรมนอกรีตในแวดวงผ้าเหลือง กำลังทำให้พุทธศาสนาประสบกับวิกฤตศรัทธา“โพสต์ทูเดย์” จับเข่าคุย ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักวิชาการด้านศาสนา ดีกรีปริญญาเอกศาสนศาสตร์ สาขาศาสนวิทยา ชำแหละรากเหง้าของความถดถอยที่เกิดขึ้น

 :96: :96: :96: :96:

รัฐผูกติดการเมือง

“ความถดถอยไม่ใช่เป็นเพราะความผิดจากตัวบุคคล หากแต่เป็นความผิดพลาดของระบบ การที่คนส่วนใหญ่กำลังพุ่งเป้าเพื่อลงโทษพระรูปใดรูปหนึ่ง หรือวัดใดวัดหนึ่ง จึงอาจจะไม่ใช่หนทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเสียทีเดียว”

อาจารย์ศิลป์ชัย เริ่มฉายภาพว่า ศาสนามีลักษณะพิเศษคือเป็นอุดมคติขั้นสูง และปัจจัยที่ทำให้อุดมคตินั้นไม่สามารถดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็นได้ ก็คือการที่รัฐเอาศาสนามาผูกเข้ากับอำนาจทางการเมือง เมื่อพูดถึงอำนาจทางการเมืองก็ต้องเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างอำนาจ ลำดับชั้นของเกียรติที่นำมาซึ่งผลประโยชน์อื่นๆ

ระบบเหล่านี้เอื้อให้พระนักบวชของทุกศาสนาทำผิดหลายๆ อย่าง เช่น แสวงหาทรัพย์สิน ลาภยศสมณศักดิ์ โดยนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ที่สำคัญคือในระบบพระไม่มีการตรวจสอบ ไม่ต้องชี้แจงรายได้ ไม่ต้องเสียภาษี จึงจะเห็นได้ว่ามีพระหลายรายเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก โดยแฝงในรูปของการไปเผยแผ่ศาสนา

ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ กรณีของ “วัดพระธรรมกาย” ซึ่งมิชอบในหลายเรื่อง แต่ไม่ว่าหลักฐานชี้ความผิดชัดเจนเพียงใด ทางมหาเถรสมาคมก็ชี้ความผิดไม่ได้ น่าคิดว่าหากกลไกรัฐ ข้าราชการมหาเถรสมาคม ไม่หย่อนยานหรือร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว ความผิดเหล่านี้จะเนิ่นนานมาขนาดนี้หรือไม่


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ศาสนาระบบปิด

“และทั้งหมดนี้ประชาชนไม่มีสิทธิอะไรทั้งสิ้น เพราะระบบของพระเป็นระบบปิด รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองและสนับสนุนพุทธศาสนาเต็มที่ ให้อำนาจทุกอย่างในการดูแลสงฆ์และวัดให้เป็นของมหาเถรสมาคมเท่านั้น ไม่มีใครมีสิทธิแทรกแซงอำนาจการบริหาร แถมมีกฎหมายห้ามหมิ่น หรือวิจารณ์สมเด็จพระสังฆราชและคณะสงฆ์อีกด้วย*

...นอกจากนี้ ระบบการแต่งตั้งก็เป็นระบบภายในที่มีกฎเกณฑ์และธรรมเนียมประเพณีในกลุ่มของตัวเอง มีการเล่นเส้นสายนิกายกลุ่มของตัวเอง และมักตั้งสมณศักดิ์โดยเน้นพระที่มีผลงานด้านการระดมเงินทำบุญในการก่อสร้างศาสนสถานมากยิ่งกว่าการเผยแผ่คำสอนและมากกว่าเรื่องการปฏิบัติตนที่ดีพร้อม” นักวิชาการรายนี้ ระบุ

อาจารย์ศิลป์ชัย บอกอีกว่า เมื่อพิจารณาโครงสร้างของมหาเถรสมาคมแล้ว จะพบว่าอำนาจมีรัฐเป็นผู้รับรองและอำนาจก็มักมาพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาล ทั้งการสนับสนุนจากทางรัฐตามกฎหมาย ซึ่งรัฐเองก็ต้องจัดสรรผลประโยชน์ให้ ประชาชนบริจาคตามศรัทธา ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ไม่เคยได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง จึงน่าตั้งคำถามว่านี่เป็นความชอบธรรมตามหลักศาสนาอยู่หรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่พระที่ร่ำรวย วัดยังมีที่ดินมหาศาลและให้เช่าในเชิงธุรกิจอีกด้วย

“แน่นอนว่าเป็นเพราะระบบเอื้อให้กระทำผิด ปัญหานี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของตัวบุคคลหรือวัดใดวัดหนึ่งเหมือนอย่างเรื่องคอร์รัปชั่น ของนักการเมือง จะกล่าวหานักการเมืองคนใดคนหนึ่งก็คงทำให้ปัญหาจบลงไม่ได้ ต้องแก้กันทั้งระบบ” ศิลป์ชัย เทียบเคียงชัด พร้อมตั้งคำถามอีกว่า เมื่อมีความพยายามชี้ความผิดกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอย่างสุดโต่ง คำถามต่อมาก็คือแล้วพระรูปอื่น สำนักสงฆ์ยุคอื่นๆ ไม่ได้ทำผิดหรือ?


 :25: :25: :25: :25:

แยกรัฐออกจากศาสนา

“ยิ่งมีความพยายามโดยการใช้พระธรรมวินัยเข้าไปชี้ความผิด ก็ต้องตั้งคำถามอีกว่าจะใช้มาตรฐานนี้กับทุกวัดและพระสงฆ์ทุกรูปหรือไม่ ซึ่งก็จะเป็นประเด็นปัญหาตามมา เพราะเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องของการตีความ” อาจารย์ด้านศาสนา ระบุ

ทางออกสำหรับปัญหาที่หยั่งรากลงลึก หรือที่นิยมใช้คำว่า “ปฏิรูปศาสนา” ในมุมมองของศิลป์ชัย คือ ต้องทำให้ศาสนาไปอยู่ในมือของประชาชน ต้องดำรงอยู่ได้ด้วยศรัทธาของประชาชน ให้คนในสังคมพิจารณาด้วยตัวเอง โดยรัฐไม่เข้าไปให้การรับรองอำนาจของคณะสงฆ์ หรือง่ายๆ คือแยกศาสนาออกจากระบบการเมืองของรัฐ*

รัฐมีหน้าที่เพียงให้เสรีภาพและความเท่าเทียมทางศาสนาแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ โดยให้ประชาชนของแต่ละศาสนา หรือนิกาย สามารถตั้งองค์กรเพื่อบริหารและควบคุมศาสนา และนิกายของพวกเขากันเอง


 st12 st12 st12 st12

ต้องควบคุมลัทธิใหม่

เมื่อแยกศาสนาออกจากรัฐได้และให้เสรีภาพทางศาสนาเต็มที่แล้ว ก็อาจจะมีลัทธิศาสนาใหม่ๆ และการแตกนิกายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งบางทีอาจจะดีหรือไม่ดีกว่าศาสนาเดิมนิกายเดิมก็แล้วแต่ ที่สำคัญคือเราก็ต้องให้สิทธิกับเขา

ยกตัวอย่าง หากวัดพระธรรมกายยังยืนยันจะสอนเหมือนเดิม รัฐไม่มีสิทธิบังคับเขาห้ามเผยแพร่ศาสนา แต่อาจจะผลักดันให้พวกเขาเป็นนิกายใหม่เลยก็ได้ แล้วองค์กรที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธสามารถชี้แจงต่อประชาชนได้ว่านิกายธรรมกายนี้เขาสอนต่างจากพุทธเถรวาทดั้งเดิมอย่างไร หรือจะตีแผ่พฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลก็ได้ แต่ไม่มีสิทธิไม่ห้ามเขาดำรงอยู่

อย่างไรก็ตาม รัฐก็ต้องมีองค์กรเพื่อคอยกำกับดูแลเรื่องคำสอนและการดำเนินงานของศาสนาและนิกายต่างๆ ไม่ให้เป็นภัยต่อรัฐและภัยสังคม เช่น คอยควบคุมวัดและศาสนาที่สอนและชักจูงให้ทำบุญจนคนเดือดร้อน หรือแม้แต่ระดมทุนทำบุญมากจนเกินความจำเป็น

นอกจากนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการดำเนินกิจกรรมของศาสนสถานนั้นๆ หากจำเป็นอาจถึงขั้นเก็บภาษีศาสนาก็สามารถทำได้


ขอบคุณบทความและภาพจาก
www.posttoday.com/วิเคราะห์/สัมภาษณ์พิเศษ/354184/อย่าลงโทษแค่-ธรรมกาย-แต่ต้องจัดการทั้งระบบ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

bajang

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 325
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อย่าลงโทษแค่ "ธรรมกาย" แต่ต้องจัดการทั้งระบบ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 20, 2015, 08:34:12 pm »
0
อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน พุทธศาสนา ในเมืองไทย แล้วนะคะ
ที่หมายความ ระบบ พุทธศาสนา ในเมืองไทย ตอนนี้ กำลังจะเกิดไปตาม วิถีของคนรุ่นใหม่

 แน่นอนกรรมฐาน โบราณ ก็อาจจะหมดในยุคนี้ ด้วยเช่นกัน คะ

 ขณะที่ศาสนา พุทธ เรา มีข่าว ครึกโครม

 ข้างบ้านดิฉัน ห่างไปสักประมาณ 1 กม. ก็มีการสร้าง สุเหร่า ขึ้นอีก ในเขตนี้ รับรองไม่มี มุสลิม นะคะ หมู่บ้านที่บ้านนอก ห่างจาก ...... เป็นบ้านนอกชาวนา ทำไร่ ไถนา จู่ก็แปลกใจ มีการสร้างสุเหร่า ขึ้นมาในหมู่บ้านเรา ทัั้งที่ ทั้งตำบลไม่มีใครนับถือ อิสลามเลยคะ พอเข้าไปสอบถามก็ได้ความว่า จะมีคนนำศาสนา นั้น มาเผยแผ่ ที่หมู่บ้านนี้ เพราะว่า เมืองไทย ประชาธิปไตย ด้านการเคารพศาสนา คะ เผื่อ ชาวไร่ ชาวนา เข้าใจจะได้เปลี่ยน ศาสนา มานับถือ ศาสนาอื่น ๆ บ้าง

  พูดดี นะคะ .... แต่ การกระทำ มันก็บอกว่า ต้องการชาวบ้าน นับถือศาสนา นี้ เนื่องจากนักการเมือง ท้องถิ่น ผูกกับ นักการเมืองที่ นับถือ ศาสนานี้

   เมืองน่าน ไม่เอา นั้นธรรมดา คะ แถวบ้านเราตอนนี้ โดนบุกเข้ามา สร้างอาคารแล้ว คะ

   เนื่องจาก สถานที่นี้ ดูหมือนแต่ปัญญาชน ก็อิสสระไป นะคะ

   ตามสบาย ต่อไป .... มันจะเป็นอย่างไร หนอ เมืองไทย ของเรา

    thk56
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อย่าลงโทษแค่ "ธรรมกาย" แต่ต้องจัดการทั้งระบบ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 21, 2015, 08:20:54 am »
0

     หากสิ่งใดเที่ยงก็เที่ยง     หากไม่เที่ยงก็ไม่เที่ยง เป็นธรรมดา

                 คราที่ไม่มี   สื่อโซเชี่ยวทันสมัย อย่างทุกวันนี้


     ......................พระพุทธองค์   เดิน  เผยแผ่ศาสนา (ด้วยเท้าเปล่า).....45  ปี   



                            พระตถาคต เผยแผ่ไว้    ด้วยการสอนการบอก   ทางวาจา


       ปัจจุบัน  2558  ปี   .......ที่พระศาสดาเผยแผ่เอาไว้     แม้สมัยนั้นไม่มีสื่อ     ก็ยังมาได้ ...2558  ปี และรู้จักไปทั่วโลก


                                         นี่คือ มาจาก.....พระศาสดาเอก   องค์เดียว



            หากเราช่วยกันดูแล..ทำนุบำรุง  ........ พระศาสนานี้ ให้คงอยู่สืบต่อไป   เท่าที่เราทำได้(คนละไม้-คนละมือ)



                    ก็ต้องไปได้ต่อ........สาธุ  รับบุญร่วมกัน


                             

         
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา