ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จากใจเจ้าอาวาสวัดกัลยาณ์ 'อาตมาได้รับเลือกมาแล้ว'  (อ่าน 1059 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


จากใจเจ้าอาวาสวัดกัลยาณ์ 'อาตมาได้รับเลือกมาแล้ว' : โดย...ไตรเทพ ไกรงู

นามของ "พระพรหมกวี" (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ ป.ธ.9) เจ้าคณะภาค 13 และเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นที่โจษขานจนรู้จักกันทั่วไปผ่านทางสื่อต่างๆ หลังเกิดวิวาทะว่าด้วยการทุบทำลายโบราณสถานและโบราณวัตถุ จนอธิบดีกรมศิลปากรเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้สั่งการให้คนงานกระทำการดังกล่าว
 
แต่คนน้อยคนนักที่จะทราบว่า แท้จริงแล้ว พระพรหมกวี เข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ได้อย่างไร และเหตุใดจึงกล้าต่อกรกับฝ่ายฆราวาสโดยการนำของอธิบดีกรมศิลปากร
 
เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรเคยบอกเล่า "ภารกิจ" เอาไว้ว่า ที่ต้องไล่รื้อสิ่งปลูกสร้างลงบ้าง เพราะวัดต้องการที่ดินคืน เพื่อจัดระเบียบ เนื่องจากบริเวณรอบๆ วัด เป็นแหล่งมั่วสุม ไม่ปลอดภัยต่อผู้สัญจร ชุมชนนี้มีแต่มลพิษ วัดจึงต้องการจัดระเบียบให้ดีขึ้น ผู้ที่เสียผลประโยชน์จากวัดก็มากล่าวหาวัดในทางที่ไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาวัดให้ที่เช่าในราคาถูก ซึ่งมีบุคคลบางกลุ่มหาผลประโยชน์ โดยการให้เช่าต่อในราคาที่แพงกว่า การที่วัดรื้อโบราณสถาน หรือวัตถุโบราณต่างๆ นั้น เพราะต้องการซ่อมแซม ไม่ใช่ทำลาย

 
 :25: :25: :25: :25:

อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งที่มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวดกัลยาณมิตรใหม่ๆ พระพรหมกวีเคยพูดถึงเหตุผลที่ถูกส่งมาให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟัง ว่า "เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านเลือกอาตมภาพ ส่งให้มาอยู่วัดกัลยาณมิตร ก็เพื่อให้มาบูรณะฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาต่างๆ ปัจจุบันการบูรณะพระอารามก็ทำจนสวยงามเป็นที่เชิดชูยิ่งแก่พระศาสนาแล้ว อีกทั้งได้จัดระเบียบภายในให้เรียบร้อย กลุ่มผลประโยชน์ภายนอกที่เคยเข้ามาถือครองภายในก็ไม่มีแล้ว การทำงานนี้ต้องกล้า ต้องเสียสละ และอดทน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมแก่พระพุทธศาสนาเป็นหลักใหญ่ กลุ่มบุคคลที่เสียผลประโยชน์ไปอาจโกรธเคืองบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา"
 
เมื่อ พ.ศ.2551 พระพรหมกวี เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีมาแล้ว แต่ท้ายสุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากทางวัดมีหลักฐานไปยืนยันว่า บูรณะซ่อมแซมด้วยเหตุผลสำคัญจริงๆ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากกรมศิลปากร ทางวัดจึงร้องขออำนาจศาลปกครองให้รับพิจารณาและสั่งการให้กรมศิลปากรยุติการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากคำสั่งขึ้นทะเบียนโบราณสถานนั้น ไม่สามารถบังคับใช้ได้ เพราะยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขณะนี้เรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลปกครองสูงสุด โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปขอความเมตตาให้ศาลเร่งรัดพิจารณา และทราบว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ยังไม่ประทับรับฟ้องเป็นคดีแต่อย่างใด
 
 :96: :96: :96: :96:

จากนั้นต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2554 ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ได้มีหนังสือแจ้งให้ทางวัดทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์แล้ว โดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ในการบูรณปฏิสังขรณ์หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ พระอุโบสถ พระวิหารหลวง และพระวิหารน้อย ด้วยงบประมาณมากกว่า 700 ล้านบาท ดังนั้นทางวัดจึงเร่งบูรณะสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ นอกเหนือจากหนังสือควบคู่กันไปโดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นมาอีก
 
แหล่งข่าวจากกรรมการเถรสมาคม (มส.) รูปหนึ่งให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า กรณีที่พระพรหมกวีถูกโจมตีเป็นไปตามความคาดหมายของคณะสงฆ์ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์กับวัดกัลยาณมิตรในอดีตก่อนที่พระพรหมกวีจะถูกแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสนั้น ล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และกรรมการเถรสมคม เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จึงส่ง พระเทพเวที (สมณศักดิ์เดิมของ พระพรหมกวี) ลูกหม้อไปเป็นเจ้าอาวาส เพื่อจัดระเบียบและรักษาผลประโยชน์ของวัด

 
 st12 st12 st12 st12

โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการผลประโยชน์ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น หลังจากมีข้อครหาเกี่ยวกับรายได้ในช่วงเทศการตรุษจีน ซึ่งชาวจีนนับหมื่นคนนิยมไปไหว้หลวงพ่อ "ซำปอกง" ตลอดทั้งคืน แต่หลังเสร็จงานตัวเลขรายได้กลับค้านสายตาเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อพระพรหมกวีไปเป็นเจ้าอาวาสมีเงินทำบุญในช่วงเทศกาลตรุษจีนไม่ต่ำกว่า "10 ล้าน" ทุกปี ติดต่อกันมาถึงทุกวันนี้
 
แหล่งข่าวจาก มส.กล่าวว่า "ในวงการสงฆ์ถือว่า พระพรหมกวี เป็น พระนักพัฒนา พระนักวิชาการ ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ท่านสอบ ป.ธ.9  ได้เมื่อ พ.ศ.2519 พ่วงด้วยความรู้ปริญญาเอกเกียรตินิยมจากอินเดีย เมื่อถูกส่งไปเป็นเจ้าวาสวัดกัลยาณมิตร จึงเป็นความหวังของคณะสงฆ์ว่าจะจัดระเบียบได้ และในที่สุดท่านก็ทำได้จริงๆ จนได้รับการพิจารณาจาก มส.ให้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระธรรมเจดีย์ ก่อนที่จะได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมกวี เมื่อปีที่ผ่านมา"
 
"ทางโลกจะตำหนิและกล่าวหาการการทำของพระพรหมกวีอย่างไรก็ว่าไป แต่ทางคณะสงฆ์ถือว่า ท่านมีฝีมือ มิเช่นนั้นคงไม่เลื่อนสมณศักดิ์ให้ท่าน" แหล่งข่าวจากกรรมการเถรสมคมกล่าว


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150322/203375.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ