ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม  (อ่าน 5413 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
คอลัมน์ "มงคลข่าวสด"

หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกันตศีลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระสงฆ์ศิษย์ที่เคยปฏิบัติธรรม บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ ยังเป็นพระอาจารย์ของ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

มีนามเดิมว่า กลม จันสีเมือง เกิดเมื่อ วันพุธที่ 8 เม.ย.2439 ตรงกับสมัยร.ศ.115 ที่บ้านหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นคร พนม ครอบครัวประกอบอาชีพชาวนา

ในวัย 10 ขวบ บรรพชาที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม ศึกษาหนังสือธรรม หนังสือผูก ภาษาขอม ภาษาไทยน้อย (อักษรธรรม) และภาษาไทยปัจจุบัน

ครั้นพออายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเกาะแก้วอัมพวัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แต่ด้วยการร้องขอจากบิดา-มารดา จึงลาสิกขาตามความประสงค์ของบุพการี และประกอบอาชีพเป็นนายฮ้อยค้าวัว-ควาย


พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่กินรี จนฺทิโย ณ วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

เนื่องจากอาชีพดังกล่าวต้อง พรากพ่อแม่ลูกโค-กระบือ ผลกรรมจึงตามย้อนสนองให้ต้องสูญเสียภรรยาหลังคลอดบุตร สร้างความโศกเศร้าเป็นยิ่งนัก ท่านจึงละวางทางโลก มุ่งหาทางธรรม เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดศรีบุญเรือง ต.กุดตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2465 ขณะมีอายุ 25 ปี โดยมีพระอาจารย์วงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิมพ์และพระอาจารย์พรหมา เป็นพระคู่สวด ได้ชื่อใหม่จากพระอุปัชฌาย์จากชื่อเดิม "กลม" เป็น "กินรี" มีฉายาว่า "จันทิโย"

หลังอุปสมบทอยู่จำพรรษที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก เพื่อสอนความรู้ภาษาไทยทั้งการอ่านและเขียนให้แก่เด็กๆ ในหมู่บ้าน และยังขุดลอกสระน้ำขนาดใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อให้วัดและชาวบ้านได้มีน้ำอุปโภคบริโภค ต่อมาไปศึกษาเล่าเรียน กัมมัฏฐานจากพระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล ที่สำนักบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับสู่วัดบ้านเกิด และได้จัดตั้งสำนักสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ชื่อว่าสำนักสงฆ์เมธาวิเวก


“วัดป่าเมธาวิเวก” ในปัจจุบัน

เสนาสนะภายใน “วัดป่าเมธาวิเวก” ในปัจจุบัน

ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ทองรัตน์พาไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อรับโอวาทและหลักธรรม พร้อมกับการเจริญสมาธิ ภาวนาจิตให้สงบ ซึ่งท่านได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลวงปู่มั่นเพียง 2 ปี

ออกธุดงค์มุ่งไปตามป่าเขา เลาะเลียบฝั่งโขงไปฝั่งลาว กราบนมัสการพระพุทธบาทโพนสัน กระทั่งไปจำพรรษาอยู่กับเผ่าแม้วที่ จ.อุตรดิตถ์ ฉันแต่ข้าวโพด ลำดับนั้นธุดงค์ข้ามไปย่างกุ้ง ประเทศพม่า และได้รับนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกุลาจ่อง และจำพรรษานาน 12 ปี จนพูดภาษาพม่าได้ ก่อนมุ่งหน้าไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4

จากนั้นจึงกลับมาพักอยู่สำนักสงฆ์เมธาวิเวกระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ระหว่างนี้ท่านยังแวะเวียนไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และพระอาจารย์ทองรัตน์อยู่เป็นนิจ


(บนขวา) หลวงปู่กินรี จนฺทิโย วัดกันตศิลาวาส (ซ้ายล่าง) พระโพธิญาณเถร(หลวงพ่อชา สุภัทโท) (หลังซ้าย) หลวงพ่ออวน ปคุโณ

หลวงปู่กินรียังมีลูกศิษย์ที่สำคัญรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียง คือ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง ที่ได้อยู่จำพรรษาศึกษาปฏิบัติธรรมและคอยอุปัฏฐากรับใช้ระหว่างปี พ.ศ.2490-2491 ก่อนจะนำพระพุทธศาสนาไปประกาศเผยแผ่ยังทวีปต่างๆ ทั่วโลก

หลวงปู่กินรีเป็นพระที่ยึดมั่นและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย คอยอบรมลูกศิษย์อย่าประมาทในพระวินัย แม้สิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด แม้การตากผ้าสบงจีวรแล้วมิได้เฝ้าดูรักษาก็จะตำหนิพระลูกศิษย์ เป็นสมณะต้องมักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ


เจดีย์และรูปหล่อหลวงปู่กินรี จนฺทิโย ภายในพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่กินรี จนฺทิโย
ณ วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

หลวงปู่กินรีมีโรคประจำตัว คือ ไออยู่เป็นนิจ เนื่องจากปอดชื้น แต่ท่านไม่ยอมให้หมอรักษาหรือยอมให้ศิษย์นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความชราภาพทำให้สภาพร่างกายไม่แข็งแรงดังแต่ก่อน และนับวันมีแต่อาการอาพาธจะทรุดลง กระทั่งวันที่ 26 พ.ย.2523 จึงละสังขารจากไปอย่างสงบ สิริอายุ 84 พรรษา 58

แต่คุณงามความดีและหลักธรรมคำ สั่งสอนของท่าน ยังฝังอยู่ในจิตใจของผู้ที่เคารพศรัทธามิเสื่อมคลาย


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429439316
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42518
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 20, 2015, 12:41:52 pm »
0
 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 20, 2015, 08:13:04 pm »
0

     นี่นะหรือคือพระอาจารย์ ของหลวงปู่ชา ...ที่ศิษย์ของท่านแปลพระธรรมท่านไป ยี่สิบกว่าภาษา

      วันนี้พึ่งจะเห็น ตัวครู ของท่าน นับเป็นบุญตาบุญใจ  ของข้าพเจ้าทั้งหลาย

        สาธุ สาธุ ในธรรมทั้งหลายนั้นๆ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 20, 2015, 08:46:44 pm »
0

        สาธุ สาธุ ค่ะ st12 st11
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 21, 2015, 06:43:35 pm »
0


 :25:        st11        :25:        st12        :25:        thk56
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา